By: mk 
on 3 May 2019 - 09:56
Tags:
ไมโครซอฟท์เปิดตัวแว่น HoloLens 2 ตั้งแต่ในงาน MWC 2019 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้แว่น HoloLens 2 รุ่นสำหรับนักพัฒนา Development Edition ก็ได้ฤกษ์วางขายแล้ว
ราคาของ HoloLens 2 แบบซื้อขาดคือ 3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 110,000 บาท) เท่ากับที่เคยประกาศไว้ แต่ไมโครซอฟท์มีตัวเลือกแบบเช่าใช้งานเป็นรายเดือน เดือนละ 99 ดอลลาร์ ลดลงจาก 125 ดอลลาร์ที่เคยประกาศไว้ เปิดโอกาสให้นักพัฒนารายย่อยเข้าถึง HoloLens ได้มากขึ้น
ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่า Unreal Engine 4 จะรองรับ HoloLens 2 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนเอนจินคู่แข่งคือ Unity นั้นซัพพอร์ตอยู่แล้ว และผู้ที่ซื้อแว่นจะได้รับไลเซนส์ Unity Pro กับ Unity PiXYZ Plugin for CAD ฟรี 3 เดือนด้วย
ที่มา - Microsoft, Unity, Engadget
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
โห ราคา
Dev ต้องเงินเดือนเท่าไรเนี่ยถึงจะกล้าลงทุน
Macbook Pro 15 นิ้วราคาแพงกว่านี้ก็มี Dev บางคนซื้อใช้นะครับ
ใช่ครับ ผมซื้อมา ฿ 128,990 ประเด็นไม่ใช่ว่าแพงแค่ไหน แต่คือเอามาใช้คุ้มแค่ไหน เช่นผมซื้อมาทำงานและเงินที่ซื้อก็เงินจากการทำงาน
การใช้โน๊ตบุ๊คแพงเอามาต่อรองขอเพิ่มเงินเดือนได้หรือคะ มุกชื้อมาทำงาน เอาเงินทำงานซื้อ job 2 job ก็คืนทุน
ความสามารถครับ ที่จะวัดค่าเงินของงานที่ทำ อุปกรณ์เป็นแค่สิ่งของที่เอื้อให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น ยิ่งคล่องตัวงานก็ยิ่งราบรื่น หาเงินได้เยอะขึ้นครับ
บริษัทผมให้งบเครื่อง dev แค่ 25k เองครับ ทำให้ต้องเลือก ระหว่างแบตอึดหรือเครื่องแรงหรือน้ำหนักเบา หรือไม่ก็กลาง ๆ ทั้งหมด
ผมเลยเลือกกลาง ๆ ทั้งหมดแทนครับ
แล้วก็ซื้อเครื่องเองเลย ทั้ง MacBook ทั้ง Surface Pro มาช่วยทำงาน
แล้วก็จอคอม 21 นิ้ว คีย์บอร์ด Microsoft Curve
เค้าขึ้นเงินเดือนให้มั้ย? ก็ไม่ใช่เพราะพวกนี้หรอกครับ
แต่อย่างนึง เราทำงานได้เร็วขึ้น ผลงานก็ดีขึ้น เครื่องน้ำหนักเบาก็พกพาไปไหนได้ แบตทน ก็ไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟได้ด้วย (เวลาเบื่อ ๆ บรรยากาศออฟฟิศ)
คีย์บอร์ดก็ช่วยให้ข้อมือผมไม่เสีย เวลาพิมพ์เยอะ ๆ มีช่วงนึงใช้โน้ตบุ๊คพิมพ์ ปวดข้อมือ ถ้าไปหาหมอผ่าตัด ประกันบ.ก็ Cover ไม่เต็ม เสียเงิน เสียเวลาไปอีก
ส่วนผลงานบริษัท เราก็ทำได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ ในเวลางานก็ได้งานมากขึ้น กลับมาห้องมีเวลาเพิ่ม อยากทำไรก็เลือกได้ครับพักผ่อน หรือหาเงินเพิ่ม
สิ่งที่อาจจะแลกมาคือ คนในออฟฟิศจะหมันไส้ได้ก็แค่นั้นครับ ก็จะมีขัดแข้งขัดขากันบ้าง (ก็ปล่อยไป)
เวลาแต่ละคนราคาไม่เท่ากัน ไม่ใช่ประหยัดเวลาแล้วได้กำไรทุกคน คุณคิดว่าคนล้างห้องน้ำ ขับรถไปทำงาน หรือขึ้นเมไปทางงาน แบบไหนเร็วกว่า แบบไหนได้กำไรมากกว่า dev ก็ไม่ใช่จะเก่งและค่าแรงแพงทุกคน ดู dev ในเวบนี้ตั้งราคากันสิ https://fastwork.co/web-development
เห็นความพยายามจะขัดของคุณ ไม่แน่ใจว่า point คืออะไรนะครับ เพราะผมอ่านแล้วก็เข้าใจตั้งแต่แรก การเลือกใช้อุปกรณ์ของ dev แต่ละคน ในการณีที่จ่ายเอง การได้เลือกอุปกรณ์ที่สามารถ support การทำงานของตัวเองได้ดีที่สุด ตราบใดที่มีความสามารถซื้อได้ และดูแล้วคุ้มค่ากับงานที่รับมา มันแย่ยังไงเหรอครับ และอีกอย่างข้างบนเขาก็บอกว่า dev บางคน ไม่ใช่ทุกคน คือบางทีการได้เครื่องมือทำงานที่ถูกใจที่สุด เข้ามือที่สุด ถ้าไม่นับเรื่องฝีมือ ที่แน่ๆ อย่างน้อยที่สุดก็มีผลบวกทางด้านจิตใจแล้วล่ะอย่างหนึ่ง
เรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ทำงาน ถ้าเป็นงานในสเกลใหญ่ๆ มีผลกับการต่อรองเงินได้ครับ ในหลายๆ ครั้งภาพลักษณ์ก็เป็นเรื่องสำคัญครับ ลองเปรียบเทียบสมมติมีคู่แข่ง 2 เจ้าไป pitch งานระดับสิบล้าน โดยทำสไลด์ไปเสนอ เจ้าแรกแบกแลปท็อปเครื่องเล็กๆ ไป อีกเจ้า ทำสไลด์มาแบบเดียวกัน แต่ยกเครื่อง Desktop ใหญ่ๆ พร้อมกับจอ CRT เข้าไป ลองนึกภาพดูครับ
ในหลายครั้งภาพลักษณ์มันก็สะท้อนถึงแนวคิดในเรื่องงานได้เช่นกันครับ ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ใช้อุปกรณ์ด้อยกว่าจะมีฝีมือแย่กว่าเสมอไปนะครับ แต่อย่างน้อยๆ สิ่งนี้ก็สะท้อนถึงการเลือกใช้เครื่องไม้เครื่องมือของคนที่ลูกค้าจะเลือกจ้างในเบื้องต้น ซึ่งมันอาจจะไม่จริงเสมอไป แต่ก็นั่นแหละครับ บางทีเรามีโอกาสแค่ครั้งเดียว ก็ต้องแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความพร้อมของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นั่นแหละครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เงินเดือนเท่าไหร่ถึงซื้อได้ แต่อยู่ที่ว่า ซื้อเอามาทำไรมากกว่า?
เพราะราคานี้ Dev หลายคนซื้อได้สบาย ๆ (เทียบกับ MacBook หรือคอมพิวเตอร์ไว้เล่นเกม ราคาไม่ได้หนีกันเท่าไหร่เลย)
Dev ซื้อได้ แต่คนจ่ายเงินให้ dev เสกเงินเองหรือคะ ฉันคิดว่าเงินมันอยู่เท่าเดิม หมุนเวียนกันไป มีได้มีเสีย มีกำไรมีขาดทุน ไม่ใช่ซื้อเอามาทำงานแล้วกำไรทุกคน ใช้เงินให้สมถาณะต้องดูที่เงินเดือนสิว่าได้เท่าไหร่ ไมโครซอฟยังไม่กล้าทำตลาดโฮโลเลนส์เพือเล่นเกมเลย เพราะลดต้นทุนให้ต่ำกว่านี้ไม่ได้
ขวางไปเรื่อย
ต้องแยกทีละประเด็นก่อนนะครับ
ส่วนเรื่องใช้เงินสมฐานะเงินเดือน ผมค่อนข้างมั่นใจนะครับ ทุกวันนี้ใช้เงินสมฐานะเงินเดือน (เป็นหนี้บ้าง ตามที่มีความสามารถจ่าย)
สำหรับ HoloLens เงื่อนไขราคา ตามข้อ 1 ผมว่าหลายคนในนี้ ผ่านได้สบาย ๆ ครับ (แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อย)
ประเด็นคือข้อ 2 - 3 สำหรับประเทศไทย ที่หลายคนไม่ซื้อเพราะ ยังคิดไม่ออกว่าจะสร้างมูลค่าอะไรให้ลูกค้า หรือบริษัท (คนจ่ายเงินให้เราเนี่ยแหละ)
ซึ่งนั่นก็จะไม่สามารถทำให้เราสามารถได้รับกำไรจากการลงทุน
HoloLens ผมว่าตอนนี้มันไม่ใช่ Phase Mass Production อ่ะครับ มันล้ำเกินไปแล้วก็ยังใช้งานแบบหลากหลายไม่ได้ (คล้าย ๆ มือถือจอสัมผัสก่อนมี iPhone) ข้อจำกัดเยอะ
ในฐานะ Dev ที่ทำงานไปวัน ๆ ก็คงไม่น่าจะได้มีโอกาสสัมผัสมัน แต่ถ้า Dev ที่อยากทำอะไรที่มันฉีกแนวหน่อย หรืออยู่ในทีม R&D ของบ.ที่อยากลองอะไรใหม่ ๆ ด้วย ก็ไม่แน่นะครับ
ของใหม่ตลาดใหม่ คู่แข่งน้อย ใครทำก่อนได้แล้วสำเร็จก็รวย แต่เพราะคนรวยมีไม่เยอะ ดังนั้นแสดงว่าคนส่วนใหญ่จะล้มเหลว (ไม่งั้นทุกคนคงรวย)
สุดท้าย ผมอาจจะตอบไม่ตรงคำถามไปนิดว่าเงินเดือนเท่าไหร่จะซื้อได้ มันเลย เลยเถิดมาขนาดนี้
ส่วนตัวผมคิดว่า เงินเดือน > 50,000 ก็ซื้อได้ละครับ เก็บเดือนละ 10,000 ปีนึงก็ 1.2 แสน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกด้วยครับ ถ้ามีเหลือมันก็ได้อยู่ ซึ่งพนักงานเงินเดือนหลาย ๆ คนมักมีเงินกันไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนฟุ่มเฟือยอยู่ละครับ (ไม่ใช่เฉพาะ Dev)
ซื้อมาเล่น (ผลตอบแทนคือความพอใจส่วนตัว) อาจจะมีบ้าง
แต่เอามาลงทุน (ผลตอบแทนเป็นกำไร) คิดว่าโอกาสทางธุรกิจคงไม่เอื้อเท่าไหร่ ในตลาดประเทศไทยครับ
ถ้าใช้คำว่าเงินเดือน หมายความว่าอยู่ภายใต้บริษัท ถ้าอย่างงั้น Dev ไม่ต้องลงทุนอะไร บริษัทน่าจะเป็นคนลงทุนนะครับ ถ้าไม่มีจริง ๆ เดือนละ 99 usd ก็ไม่ได้ถือว่าแพงนะครับ ถ้าใช้แล้วเกิดรายได้ให้บริษัท
เช่าเกือบสามปีเพิ่งจ่ายเท่าซื้อเลยนะครับ พอจ่ายเกือบ (เทียบ 0% 35 เดือน) เวลานั้นจะถึงเวลาควรอัปเกรดหรือยังน้า
ส่วนใหญ่เห็นใช้ในระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นะครับ ดังนั้นต้นทุนเท่านี้ กับการรับงานระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ คิดว่าราคานี้ก็เป็นต้นทุนที่บริษัทรับได้กันอยู่แล้ว
ผู้ใช้ทั่วไปต้องรออีกกี่ปีเนียไม่เกิน 4 หมื่นสู้หมด ฮ่า ๆ