iFixit ได้ทำการแกะ MacBook Pro รุ่นใหม่ปี 2019 ที่เพิ่งเปิดตัวไป แม้รายละเอียดสำคัญของ MacBook Pro รอบนี้ จะเป็นการอัพเกรดซีพียู แต่เนื่องจากแอปเปิลก็ระบุเองว่ามีการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในคีย์บอร์ดแบบ butterfly ซึ่งคาดว่าเพื่อแก้ไขปัญหาคีย์บอร์ดที่มีรายงานมาเป็นระยะ
ผลของการแกะนั้น iFixit พบสองรายการสำคัญที่น่าสนใจ อย่างแรกคือแผ่นยางซิลิโคนกันฝุ่น มีการเปลี่ยนวัสดุซึ่งจากเดิมซิลิโคนดูกึ่งทึบแสง มาเป็นแบบโปร่งแสง เบื้องต้น iFixit คาดว่าจะเป็นไนลอน
นอกจากนี้ยังพบว่าตัวครอบสวิตช์ปุ่มคีย์บอร์ดเพื่อจับแรงกด มีการเปลี่ยนแปลงโดยสังเกตจากพื้นผิววัสดุ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนวิธีให้ความร้อน หรือปรับโลหะผสม แต่ iFixit บอกว่าการพิสูจน์เรื่องนี้เกินกว่าอุปกรณ์และเครื่องมือที่ iFixit จึงสรุปไม่ได้ว่าเป็นอะไร
ผลรวมคะแนนการซ่อมยังอยู่ที่ 1 เต็ม 10 เท่าเดิม
Comments
สรุปก็คือดีขึ้น ถูกไหม
ว่าแต่รุ่นออกแบบใหม่หมด มาปีนี้หรือปีหน้าครับ
ไม่แน่ หรอก เนื่องจากเป็นที่ design ให้พังง่าย บอบบาง รอดูไปซักพักก่อน ค่อยว่ากัน
ไม่แน่ หรอก เนื่องจากเป็นที่ design ให้พังง่าย บอบบาง รอดูไปซักพักก่อน ค่อยว่ากัน
ไม่เข้าใจว่าเทรนด์ notebook ใหม่ๆ จะทำมาให้บางสุดซอยอะไรขนาดนั้น อย่าง butterfly keyboard เข้าใจว่าที่ทำแบบนี้มาก็เพื่อบีบตัวเครื่องให้บางไปกว่าเดิมอีก แต่เอ้า คีย์บอร์ดเป็นสิ่งสำคัญของ notebook เลยนะ ถ้าพิมพ์แล้วคีย์บอร์ดมันตื้น ประสบการณ์การใช้ก็แย่ละ ไหนจะมีของแถมอย่างฝุ่นเข้าจนมีปัญหาอีก
จริงๆ ควรจะแยกรุ่น Air ให้บางสุดซอยไปเลย จะบางก็บางไป แยกกับรุ่น Pro ให้สมกับเป็นรุ่นโปรหน่อย คีย์บอร์ดควรเป็นแบบเดิมเพื่อประสบการณ์การใช้งาน ส่วนความบางก็รีดเท่าที่จะรีดได้ แต่ยังซ่อมแซมได้ง่าย และพอร์ตครบ แต่นี่กลายเป็น MacBook Pro ที่พอร์ตน้อยมากจนต้องเอา Hub มาเสียบเพิ่ม (กินที่ไปอีก) แถมเสียทีหลังประกันนี่ทำใจเลยเพราะแกะซ่อมยากมาก ทั้งๆ ที่ notebook ระดับนี้ควรจะซ่อมหรืออัพเกรดได้
จริงๆ MacBook Pro น่าใช้มาก แต่การลงทุนของผมไม่ได้สนว่ามันน่าใช้ตอนซื้ออย่างเดียว แต่มันต้องซ่อมได้ด้วยเพื่อการันตีสิ่งที่ลงทุนไป ดังนั้น MacBook Pro เลยเป็นชอยส์แรกที่จะตัดออกเลยทั้งๆ ที่มันน่าใช้มาก (ถ้าไม่นับเรื่องคีย์บอร์ดตื้นกับพอร์ตน้อยนะครับ)
เขาขายเครื่องทำกำไร ไม่ใช่ซ่อมเครื่องเอากำไร
เขาต้องการขายได้เยอะๆ มากกว่าซ่อมเยอะๆ
ดังนั้นเครื่องเก่าเสีย ซ่อมยากต้องซื้อใหม่ เข้าหลักขายเครื่องทำกำไรแล้ว
เครื่องเก่าเสื่อม ออกรอมแก้ดึงเครื่องช้าลากอายุแบต ไม่อยากให้คนแก้ด้วยการเปลี่ยนแบต เพราะคนจะไม่ซื้อเครื่องใหม่
ดังนั้น philosophy ในการทำธุรกิจแบบนี้ มุ่งแต่เอากำไรแบบนี้ ผมเลยบ้ายบายแอปเปิลไปนานแล้วครับ ต่อให้โพรดักส์จะดีแค่ไหน แต่ถ้าผมรู้สึกว่าใช้แล้วเหมือนเลือดซิบๆ เหมือนโดนสูบเอาแต่กำไรเกินควร ก็ปล่อยให้คนที่ยินดีจ่ายซื้อไป เพียงแต่ผมไม่เด็ดขาดครับ
มันไม่ใช่แค่เรื่องกำไร แต่มันเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย ถ้าพังแล้วเปลี่ยน ของเก่าทิ้ง ต่อให้รีไซเคิลได้แต่มันก็ต้องมีสิ่งที่สูญไปจากการรีไซเคิลเหมือนกัน สู้ทำเครื่องที่ทนทาน ซ่อมง่าย แล้วใช่งานไปจนเสป็ครองรับไม่ไหวแล้วดีกว่า ถึงตอนนั้นผมก็ย้อนกลับไปซื้อยี่ห้อเดิมเหมือนเดิม อยู่ซื้ออยู่ขายกันไปยาวๆ ดีกว่าฟันกำไรกันแค่ช่วงแรกๆ แต่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว
ให้พูดตรงๆ เลยว่าสินค้าแอปเปิลยุคหลังแพงเกินไปมากจนตามรีวิวของฝรั่งต่างๆ ก็ยังบ่น (มันมีแพงแบบสมเหตุผล แพงเพราะของดีเกรดพรีเมียม กับแพงแบบไม่สมเหตุผล แพงแบบจ้องจะฟันเอากำไร เมื่อก่อนสินค้าแอปเปิลเป็นอย่างแรก แต่ตอนนี้เป็นอย่างหลัง) ซึ่งผมก็คิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากราคาหุ้นมันค้ำคอบริษัทอยู่ พอสินค้าแอปเปิลพักหลังขายได้น้อยลงก็เลยต้องเพิ่มราคาเครื่อง เพิ่มกำไรให้มากขึ้นเพื่อให้หุ้นบริษัทยังดูดี เพราะอย่างน้อยแบรนด์แข็งแกร่งมาก สาวกหลายคนยังพร้อมซื้ออยู่ไม่ว่าราคามันจะเท่าไหร่ก็ตาม แต่พูดเถอะตั้งราคาแบบนี้ไล่ลูกค้าทั่วไปไปเยอะ ผมเห็นหลายคนแล้วที่เปลี่ยนจาก iPhone มาใช้ Android ตัวท็อปเพราะรับราคา iPhone ตอนนี้ไม่ไหว หรือคนที่ใช้ MacBook Pro สมัย 5-10 ปีที่แล้ว กำลังจะเปลี่ยนเครื่อง พอมาดูราคา MacBook รุ่นปัจจุบันก็ส่ายหัวกันหมดเพราะราคามันเกินคำว่าสมเหตุผล แล้วกำลังมองยี่ห้ออื่นทดแทน เพราะตอนนี้จุดเด่นของแมคเองก็ถูกวินโดวส์กลบไปเยอะแล้ว
ุถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ผมว่ารอดูอีกสิบปีต่อจากนี้ได้เลย
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Apple อาจไม่ชอบซ่อมก็ได้ ตกรุ่นก็เปลี่ยนใหม่ ก่อนเครื่องจะมีปัญหาอีก แต่ปัญหาใหญ่ของคนกลุ่มนี้คือ การที่สินค้าต้อง หรูหรา ดูดี ดึงอออกมาวางทีมีคนหันมามอง ความบางเป็นปัจจัยนึงที่ถูกสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของความหรูหราไปแล้ว ตราบใดที่ยังไม่มีใครลบล้าง หรือทดแทนความคิดนี้ได้ มันก็จะบาง และเล็กลงไปเรื่อยๆ
ผมมองต่างกันนะเรื่อง Keybaord
มันไม่มีความจำเป็นที่ Keyboard ต้องสูง ต้องหนา ถ้าต้องการ feeling ขนาดนั้น ไปใช้ Mechanical ไปเลยดีกว่า
Butterfly Keyboard 1 มันเลวร้ายมาก คือตื้น แต่ต้องกดแรง กลายเป็นว่า กดเบา ไม่ติด กดแรง keyboard ซับแรงกดไม่พอ กระแทกกลับมาที่นิ้ว เมื่อยล้าง่ายไปอีก
แต่ Butterfly Keyboard 2 เป็นต้นมา มันกดเบา ๆ ติดแล้ว แต่อยากให้เบาได้กว่านี้อีก แบบไม่ต้องออกแรง แค่แตะ ๆ ก็ไปแล้ว เหมือน touch cover keyboard ของ Surface pro 1 ซึ่งมันทำให้พิมพ์เร็ว และประหยัดแรงมาก (ส่วน Type Cover Keyboard นี่ห่วยแตก)
การที่เครื่องบาง ผมเข้าใจได้ว่า Apple แบ่ง Segment ผู้ใช้งานตัวเองไว้ตามแต่ละรุ่น
MB เล็ก บาง เบา ถึงที่สุด โดยไม่สนใจ spec ใด ๆ ไม่ใช้งานเฉพาะทางที่กิน RAM หรือ CPU แต่จอความละเอียดสูง
MBA เล็ก บาง เบา จอหยาบหน่อย แต่ได้ spec สูงขึ้นนิด ใช้งานได้หลากหลายขึ้น
MBP เล็ก บาง เบา spec สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ น้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อให้ Mobility คล่องตัวที่สุด (ผมเองก็อยู่กลุ่มนี้) ตัว Laptop ไม่ได้เป็น Station เคลื่อนที่ได้ แต่ย้ายไป Station ต่าง ๆ เช่น Home, Office A, Office B, Meeting room, Cafe เพราะมันมีผู้ใช้งานที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ทำให้มันกลายมาเป็นแบบนี้นั่นแหละ
ซึ่ง Apple ไม่มี Laptop ที่ ยอมแลกด้วยขนาดกับน้ำหนัก ให้ spec สูงขึ้นเลยใน Product Line Laptop ของ Apple
ซึ่งด้วยเหตุผลอะไรเราก็ได้แต่เดากันไปแต่การที่ไม่มีมันก็ชัดว่า Apple ไม่ได้สนใจ Segment นี้ในตอนนี้เท่านั้นเอง ถ้ามีผู้ใช้งานที่อยากได้แบบนี้ Apple ก็ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานกลุ่มนี้อีกต่อไป
ผมมองว่า mbp 15" คือสิ่งที่คุณพูดนะ แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง มันไม่ตอบโจทย์คนทำงานจริงจังซักเท่าไหร่แล้ว
ผมจริงจัง แต่แบกหนักไม่ไหว กลับมาที่ห้องหรือที่ทำงานจะมีตั้งที่โต๊ะอีกเครื่องอยู่แล้ว
อะไรบ้างครับที่ไม่ตอบโจทย์
จำนวน port ความทนทาน อะไรพวกนี้แหละครับ
จริงๆ คีย์บอร์ดไม่ต้องสูงมากก็ได้ครับ เพราะปัจจุบันพอได้ใช้คีย์บอร์ด chiclet ตื้นๆ แล้วพอกลับไปใช้คีย์บอร์ดรุ่นเก่าๆ พบว่าคีย์บอร์ดรุ่นเก่าๆ พิมพ์เหนื่อย ออกแรงมากกว่ากันเยอะเลย แทบจะอยากกลับมาใช้คีย์บอร์ดรุ่นใหม่เหมือนเดิม
แต่ feeling นี่ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ มันต้องมี feedback ที่ดีเพื่อที่เวลาพิมพ์สัมผัสมันจะมั่นใจว่าสิ่งที่กดไปมันได้รับการตอบสนองแล้ว มันจะทำให้ได้ประสบการณ์พิมพ์สัมผัสที่ดี ขอยกตัวอย่าง AccureType ของ Lenovo ละกัน จริงๆ คีย์บอร์ดก็ไม่ได้สูงมาก แต่กดแล้วใช้แรงกดที่กำลังดี กดแล้วดีดเด้ง กดแล้วมั่นใจ พิมพ์สนุก ไม่เหนื่อย แถมเสียงของมันก็ไม่ได้เงียบ แต่เป็นเสียงที่ให้ความมั่นใจว่าได้กดปุ่มลงไปแล้วจริงๆ
ถ้าหาจุดที่พอดีได้ ก็ไม่ต้องสูงมากก็ได้ครับ แต่อย่าตื้นเกินจนกดแล้วไม่มั่นใจ ของ MacBook รุ่นหลังๆ นี่มันตื้นเยอะไปหน่อยจนไม่น่าจะแลกมาเพื่อความบางขนาดนี้ หนาอีกหน่อยเพื่อคีย์บอร์ดที่ดีก็ได้
ส่วน Keyboard surface นี่กลับกันเลยแฮะ ผมชอบ Type cover มากกว่ามากและก็ใช้ตัวนี้อยู่ ถือว่าเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้ได้เลย แต่ touch cover นี่ผมกลับเกลียดมันมากเพราะพิมพ์แล้วไม่มั่นใจ มันไม่มี feedback ว่ากดลงไปจนติดแล้วยัง ผลคือพิมพ์ตกๆ หล่นๆ ไปซึ่งส่วนตัวผมไม่โอเคกับคีย์บอร์ดแบบนี้มากๆ นะ คือ feedback เป็นเรื่องสำคัญมากครับเพราะพิมพ์สัมผัสบางทีเราไม่มองจออยู่แล้ว อาศัยฟังเสียงคีย์บอร์ดและแรงกดที่คีย์บอร์ดที่นิ้วเป็นสำคัญว่าสิ่งที่เราจิ้มคีย์ไปเนี่ยมันติดแล้ว แต่ถ้า feedback ไม่ดี มันจะไม่มั่นใจว่าที่พิมพ์ไปว่าติดมั้ย ต้องมองจอตลอดว่าพิมพ์ตกไปหรือเปล่าและทำให้การพิมพ์ช้าลงเยอะเลย
กลุ่ม notebook ผมชอบ type cover สุดล่ะ
ผมเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่มีปัญหาเรื่องการพิมพ์กับคีย์บอร์ดของแมคในทุกเวอร์ชั่น ถ้าดูจากเรื่องการพิมพ์สัมผัสขอแค่มีตุ่มๆ บนคีย์บอร์ดบนตัว F กับ J ไม่ว่าเวอร์ชั่นไหนผมก็ใช้พิมพ์สัมผัสได้ เท่าที่จำได้ผมเคยมีปัญหาเรื่องความทนทานอยู่เคสนึงกับคีย์บอร์ดไร้สายรุ่นที่ใช้ถ่านเพราะรู้สึกว่ามันพังเร็วเกินไป นอกนั้นก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร
+1 ครับ โชคดีที่ความชอบสอดคล้องกับ product นี้ ปลื้มปุ่มกด MacBook Pro 2017 ครับ บางและตื้นดี เวลาพิมพ์รู้สึกใช้แรงน้อย กลับไปใช้คีย์บอร์ดปกติไม่ได้แล้ว และไม่รู้เพราะโชคหรือเพราะการใช้งานที่ถนอมของ จึงยังไม่เกิดปัญหาอะไร (ยังไม่พัง)
จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยมีปัญหากับคีย์บอร์ดอะไรเลยครับ อ่อเท่าที่นึกออกก็อาจจะขัดใจนิดๆ ตอนที่ใช้แมคบุ๊คก็ตรงที่ไม่มี numpad แยกออกมา ซึ่งก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะแล็ปท็อปส่วนใหญ่ก็ไม่มีให้ใช้อยู่แล้วเลยได้แต่ต้องทำใจ นอกนั้นไม่เคยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ยกเว้นคีย์บอร์ดบางรุ่นที่คีย์แข็งๆ อย่างเช่นของ IBM รุ่นหนึ่งที่ต้องวางนิ้วให้ได้องศาถึงจะกดลง อารมณ์เหมือนจิ้มพิมพ์ดีดยังไงยังงั้น
ตอนแรกผมก็รับไม่ได้ครับ keyboard mac แต่พอดีว่ามันบังคับว่าต้องใช้ตลอด 3 เดือน เลยชิน
ตอนนี้ปัญหาคือกลับมาพิมพ์คีย์บอร์ดปกติ พิมพ์ไม่ติดครับ - -"
ตอนใช้ใหม่ๆ ผมไม่ชอบเลยครับ คีบอร์ดไรวะ กดนิดเดียวเอง มันเหมือนไม่ได้กด แต่กดแล้ว แต่ไม่ใช่ touch
แต่พอใช้มาสักพัก กลับไปใช้คีบอร์ดปกติไม่ได้ละ รู้สึกว่าเหนื่อยในการกดมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันบางไปหน่อย อยากให้ปุ่มซักรุ่น 2015 หรือบางกว่านิด แต่กดเบาๆ ของล่าสุดปุ่มมันบางไปนิด
แก้ได้เกือบจะตรงจุด แค่อาจจะช่วยได้แค่เล็กน้อย ^_^ ยินดีด้วย หนูทดลองกลุ่มใหม่
mbp 2018 ผมโดนปุ่ม delete กับ right shift ยังดี ตะแคงเคาะๆแล้วหาย ใช้ไม่อุ่นใจเลยต้องหมั่นสังเกตเสั้นผมกับฝุ่น
สิ่งเดียวที่คีย์บอร์ดแบบ Butterfly ของ Mac ให้ไม่ได้ สำหรับผมคือ ปุ่ม Enter ครับ
อ่านข่าวนี้จบ…กำลังคิดว่าปัญหาคีย์บอร์ดน่าจะจบซักที
ไปดูช่อง Dave Lee ... เห็นหัวข้อล่าสุดเริ่มมีหวัง…แต่โดนดักซะงั้น
Good Morning
Hello
เห็นชื่อคลิปแล้วตกใจว่าดีขนาดนั้นเลยเหรอ พอเข้าไปดูก็.... โดนดักสินะ
สับจนแหลกเละ เกินกว่าคำว่าละเอียดไกลโข