Tags:
Node Thumbnail

ผู้ใช้ Google Maps คงคุ้นเคยกับฟีเจอร์การพยากรณ์สภาพจราจรว่าจะติดขัดแค่ไหน ในกรณีที่ขับรถเอง ล่าสุดกูเกิลเพิ่มฟีเจอร์พยากรณ์เวลาเดินทางแบบเดียวกัน แต่สำหรับการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถเมล์และรถไฟใน 200 เมืองใหญ่ทั่วโลก

กูเกิลใช้เทคนิค machine learning พยากรณ์ โดยอาศัยข้อมูลสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ ผสมกับเส้นทางการเดินรถเมล์-คำนวณเวลาการหยุดจอดแต่ละป้าย เพื่อให้คาดเดาได้ว่าจะใช้เวลาบนรถเมล์นานแค่ไหน

กูเกิลไม่ได้ระบุว่าเมืองทั้งหมดที่จะได้ฟีเจอร์นี้มีเมืองไหนบ้าง และยังไม่ชัดเจนว่าใช้กับบ้านเราได้หรือไม่ แต่ที่ระบุชื่อมีเมืองในย่านนี้คือ ฮ่องกง สิงคโปร์ เดลี (จากภาพตัวอย่างเราจะเห็นข้อความแสดงการล่าช้าขึ้นมาใต้สายรถเมล์ที่เลือก)

No Description

นอกจากการพยากรณ์ระยะเวลาเดินทางแล้ว กูเกิลยังเพิ่มการพยากรณ์ด้วยว่าคนบนรถจะแน่นแค่ไน (crowdedness prediction) โดยใช้ได้กับทั้งรถเมล์ รถไฟ และรถไฟใต้ดิน

No Description

กูเกิลบอกว่าตัวเองมีข้อมูลสภาพจราจรแบบเรียลไทม์อยู่แล้ว แต่วิธีคำนวณระยะเวลาของรถเมล์ต้องคิดต่างจากรถส่วนตัว เพราะรถเมล์ต้องหยุดจอดป้าย มีอัตราเร่งความเร็วหรือชะลอความเร็วนานกว่ารถส่วนตัว และบางครั้งมีเลนพิเศษสำหรับรถเมล์ด้วย

ตัวอย่างการเปรียบเทียบระยะเวลาเดินทางของรถส่วนตัว (สีแดง) และรถเมล์ (สีฟ้าคือเวลาที่ใช้จริง, สีเขียวคือเวลาที่พยากรณ์)

No Description

ที่มา - Google, Google AI Blog

Get latest news from Blognone

Comments

By: qweret
AndroidWindowsIn Love
on 28 June 2019 - 08:53 #1117515
qweret's picture

ถ้าเกิดให้ Google ร่วมมือกับกทม. กับขสมก. วางแผนการเดินรถเมล์ โดยใช้ big data ที่ google มีสามารถทำได้มั้ย ผิดกฎหมายรึเปล่า?

By: EliteP
iPhoneAndroidWindows
on 28 June 2019 - 09:09 #1117518

คนแน่นกับตรงเวลานี่ไม่เชิงพยากรณ์อะครับ ทุกครั้งที่ผมเปิด google maps ขณะขึ้น ลง รถเมล์บนสิงคโปร์ จะขึ้นถามว่า เมื่อกี้ขึ้นสายนี้มาหรือป่าว รถมาตรงเวลากับเวลาที่คำนวณบอกมั้ย แล้วก็คนแน่นขนาดไหนในช่วงเวลานี้ น่าจะเอาข้อมูลจาก crowdsourcing มาช่วยเยอะอยู่

By: pongsate1
Android
on 28 June 2019 - 09:29 #1117524 Reply to:1117518

ใช้ Crowdsourcing ในการเก็บข้อมูล เพื่อเอามาใช้ train model ก็คือ A.I. นะครับ

By: akira on 28 June 2019 - 11:13 #1117546 Reply to:1117518

ถ้าเป็นผมนะ มันตัวแปรนึง เพื่อสอบทานกับข้อมูลใน Model ว่ามีความถูกต้องเพียงพอหรือยังครับ ถ้าข้อมูลจาก Model มีค่าใกล้เคียง หรือแม่นยำเพียงพอแล้ว ก็จะลดการนำเข้าข้อมูล หรือขยายเวลาให้ยาวขึ้นในการนำเข้าข้อมูลใหม่มา Train ใน node นั้น ประโยชน์คือ ลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผล เทคนิคนี้จะใช้กับโครงการที่มีขนาดใหญ่มาก และต้องการลดค่าใช้จ่าย ซึ่งผลสุดท้ายมันจะสะท้อนที่ผลกำไร

ส่วนตัวผมมีความเชื่ออย่างนึงว่าการที่มนุษย์สอบทานข้อมุลโดยการสอบถามแบบ A/B Testing จะช่วยให้ข้อมูลมีความแม่นยำสูงขึ้น แล้วลดขอบเขตการปรับแต่ง Model ให้อยู่เฉพาะจุดมีความแปรปรวนสูง เพราะยังไงมนุษย์ยังมีความสามารถในการประมวลผลสูงกว่าคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน แต่ข้อมูลที่มนุษย์ส่งเข้ามา ก็ใช่ว่าระบบจะเชื่อ มันก็ต้องทำ Model ซ้อนอีกทีว่าข้อมุลมีค่ากลางตรงไหน แล้วจึงไปใช้งานต่อ

By: jarujit
ContributoriPhoneAndroid
on 28 June 2019 - 22:54 #1117653 Reply to:1117518
jarujit's picture

ของกรุงเทพก็มีขึ้นถามมาสักพักใหญ่ๆ


:-)

By: tom789
Windows Phone
on 28 June 2019 - 13:15 #1117578

กูเกิล แมพนี้ อัด ฟีเจอร์ เยอะจริงๆ เกินจะเป้น แผนที ละ

By: TeamKiller
ContributoriPhone
on 28 June 2019 - 13:31 #1117582 Reply to:1117578
TeamKiller's picture

เหมือนจะมีข่าวเก่าๆ หน่อยบอกว่าปรับ Google Maps เพื่อให้เป็นมากกว่าแอพดูนำทางธรรมดาๆ ครับ เลยอัดมาเยอะ หาร้านค้า ร้านอาหาร ได้หมดเต็มแน่น