Netflix ประกาศขึ้นราคาในสหรัฐฯไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดในรายงานประกอบการไตรมาสสอง 2019 จำนวนผู้ใช้งานในสหรัฐฯลดลงถึง 130,000 บัญชี เป็นการลดลงครั้งแรกนับจากปี 2011 ที่บริษัทตัดสินใจแยกบริการสตรีมมิ่งออกจากบริการสั่ง DVD ด้านจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบัญชี
รายได้รวมไตรมาสสอง 4,923 ล้านดอลลาร์ โตขึ้นจากไตรมาสสองปีที่แล้ว 26% คาดการณ์ในไตรมาสสามคือ 5,250 ล้านดอลลาร์
เป้าหมายของบริษัทในไตรมาสสองนี้คือเพิ่มจำนวนผู้ใช้ 5 ล้านบัญชี ซึ่ง Reed Hasting ซีอีโอยอมรับว่าภาวะซบเซานี้มาจากการขึ้นราคา และยังขาดออรอจินัลคอนเทนต์ที่จะดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ แต่ก็ยังมองบวกในไตรมาสสาม เพราะมีซีรีส์เรือธงอย่าง Stranger Things, La Casa de Papel (Money Heist), The Crown และ Orange is the New Black ที่กำลังจะปล่อยออกมา
ภาพจาก Stranger Things 3 Official Final Trailer
ด้านซีรีส์ติดลิขสิทธิ์ที่กำลังจะหมดอายุใน Netflix และจะกลับไปอยู่บนสตรีมมิ่งของเจ้าของเดิมไม่ว่าจะเป็น Friends, The Office นั้น Hasting บอกว่าจะทำให้มีทุนเหลือสำหรับลงทุนในคอนเทนต์ออริจินัลใหม่ๆ
ก่อนหน้านี้ที่ Friends ของ WarnerMedia กำลังจะหมดอายุใน Netflix ก็มีข่าวออกมาว่าบริษัททุ่มถึง 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้เรื่องนี้ได้อยู่ต่อ
อย่างไรก็ตาม ภายในปีนี้และปีหน้าเราจะได้เห็นสตรีมมิ่งใหม่จากรายใหญ่ทยอยเปิดตัวไม่ว่าจะเป็น Disney, Apple, WarnerMedia และ NBC Universal ทำให้คู่แข่งของ Netflix จะไม่ใช่แค่เวลานอนและเกม Fortnite เท่านั้น ซึ่ง Hasting คิดว่าคนจะสมัครเลือกรับบริการหลากหลาย ซึ่งจะเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรม
ในรายงานผลประกอบการพูดถึงคอนเทนต์เด่นในไตรมาสสองคือ Dead to Me ที่มีการรับชม 30 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรก, When They See Us มีการรับชม 25 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรก และยังได้เข้าชิงรางวัล Emmy Award 16 รางวัล, Our Planet มีการรับชม 33 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรก ส่วนหนัง Murder Mystery ก็มีการรับชม 73 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรก, The Perfect Date มีการรับชม 48 ล้านครัวเรือนใน 4 สัปดาห์แรก
Comments
หนักแน่ๆงานนี้
ถ้า 250.- ultra hd แหลมเลย ^^
เหมือนจะดิ้นรนมานิดนึงเหมือนกัน ผมรู้สึกช่วงนี้หนังเก่าอนิเมะเก่าเข้าเยอะผิดปกติ
Original Content คุณภาพก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน
สมัครเพื่อดูอนิเมะล้วนๆ
3 ปีก่อนแปลเน่ายังไง ปัจจุบันก็ยังเน่าเหมือนเดิม (ขอใช้คำว่าเน่าเลย)
อีกอย่างอนิเมะ 1 เรื่อง 12 ตอน บางเรื่องใช้คนแปล 3-4 คน คนละ 2-3 ตอน
ตอนที่ 1-2 ตัวหลักเรียกตัวเองว่า ข้า
ตอนที่ 3-5 ตัวหลักเรียกตัวเองว่า ฉัน
พอ ตอนที่ 6-7 ตัวหลักเรียกตัวเองว่า ข้า อีกแล้ว ทั้งที่ ใช้ Ore มาตั้งแต่ตอนแรก
เพราะคนแปลคนละคน ต่างคนก็ต่างความคิด อ่านแล้วอารมณ์กระโดดไปมา อารมณ์เสียสุดๆ
ยังไม่รวมถึงแปลเพี้ยน คำง่ายๆ ก็แปลผิด อย่างกับไปจ้างนักแปลข้างทางมาแปล
และที่ไม่ชอบสุดๆ เลยก็คือ ไปลอกงานของแฟนซับมาใส่ทั้งดุ้น เขาแปลยังไงมาอย่างนั้นเลย
คำแปลผิดก็ไม่แก้ เหมือน Copy + Paste + Send อันนี้รับไม่ได้อย่างมาก
ถ้าอังกฤษแข็งเมื่อไรก็เลิกกัน Netflix ไปซบ Crunchyroll อย่างเดียว
(ตอนนี้สมัครควบ เพราะบางเรื่องศัพท์ยากเกินความสามารถ ต้องใช้ซับไทยช่วย)
นึกว่าคิดไปเองคนเดียว สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเป็นแบบนั้น
เรื่องลอกงานแฟนซับนี่อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ
งานแปลการ์ตูนเป็นตอนๆแบบนี้ มักเอาเร็วเข้าว่า กระจายให้หลายคนทำหลายต่อ ค่าแปลก็โดนกินเป็นทอดๆ
สุดท้ายไปตกกับเด็กมหาลัยไม่ก็พวกแปลแฟนซับที่แปลมาจากาษาอังกฤษอีกที
คุณภาพมันก็เลยเน่าอย่างที่เห็นนี่แล
แบบ เหมา รายเดือน กับ รายครั้ง แบบ พวก viu wetv ใครจะอยุ่ รอด กัน นะ
อาจนอกเรื่องไปนิด แต่ถ้าเกิดประเทศเรา
สามารถจัดการเว็บดู content online ผิดลิขสิทธิ์จริงจังได้
ผมว่า content แปลไทย หรือ ซับไทย จะดีขึ้นกว่านี้มาก
เคยพยายามแจ้ง พร้อม ตามเรื่องทุกอาทิตย์
กับเจ้าของลิขสิทธิ์ ให้ดำเนินการเว็บพวกนั้น
ผลสุดท้าย ก็ยังดูได้เหมือนเดิม
เฮ้อ . . . .
.