ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention - CDC) ออกประกาศแจ้งเตือนการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า หลังรายงานเบื้องต้นพบความเกี่ยวข้องกับโรคปอด โดยตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ราย
รายงานของ CDC ระบุว่าผู้ป่วยที่ได้รับรายงาน มีทั้งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบมี THC หรือสารประสาทในกัญชา แต่ก็มีผู้ป่วยบางส่วนใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคตินเท่านั้น โดยตอนนี้ไม่พบเชื้อโรคติดต่อในผู้ป่วยเหล่านี้ ทำให้ CDC มุ่งเป้าว่าสารเคมีเป็นต้นเหตุ
ตอนนี้ CDC กำลังตรวจย้อมูลย้อนหลังว่ามีผู้ป่วยที่เข้าข่ายกลุ่มเดียวกันอีกหรือไม่ และแจ้งให้สถานพยาบาลแจ้ง CDC เมื่อพบโรคปอดที่มีความเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนประชาชนทั่วไปทาง CDC แนะนำให้หยุดใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือหากใช้งานก็ให้ดูว่าตัวเองมีอาการป่วย เช่น ไอ, หายใจขัด, เจ็บหน้าอก, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, หรือเป็นไข้ และพบแพทย์เพื่อมีอาการ
ที่มา - CDC
ภาพโดย rolandmey
Comments
เห็นขายตามคลองถมเพียบเลย
ในเฟซก็เพียบเหมือนกันครับ
ใน Shopee/Lazada ก็เกลื่อน
โดยตอนนี้ไม่พบเบื้อโรค "เชื้อโรค" , กำลังตรวจย้อมูล "ข้อมูล" , เพื่อมีอาการ "เมื่อ"
อ่าวแล้วที่ออกมาด่ากฏหมายไทย ไม่ให้ใช้ ทำไงล่ะเนี่ย
ดูเหตุของการออกกฎหมายด้วยครับ ของเราคือห้ามขายหรือสูบเลยตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ เหมือนตัดท่อหายใจของธุรกิจตั้งแต่ยังไม่ได้หายใจ
ส่วนของประเทศเขา ก็มีอนุญาตให้สูบอยู่แล้ว ไม่ผิดกฎหมาย และตอนนี้ก็ยังอยู่ในระดับแค่เตือนอยู่กรณีเกิดปัญหา อย่างในข่าวนี้เป็นต้น ไม่ได้สั่งห้ามเหมือนในบ้านเรา แต่แนะนำให้สังเกตอาการหรือเลิกใช้ แค่นั้นเอง
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถาพรวมบุหรี่ไฟฟ้ามันดีกว่าบุหรีปกติตรงที่ไม่มีควัน ลดคนติบบุหรี่ และแก้ปัญหาติดบุหรี่มือสองที่สูดดมควันจากกันเผามวนบุหรี่ได้ด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
แก้ปัญหาบุหรี่มือสองผมไม่เห็นด้วยเลย
แนวคิดที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตรายนี่ เป็นแนวคิดที่อันตรายมากครับ คนที่คิดว่าไม่อันตรายก็จะสูบทุกที่เลย และปัญหาบุหรี่มือสองนี่หนักกว่าเดิมอีกครับ อย่างบุหรี่ปกติทุกคนคิดว่ามันอันตรายก็จะไม่สูบในห้องหรือใกล้คนที่ไม่สูบ ก็จะสูบในที่ที่จัดไว้ให้ แต่บุหรี่ไฟฟ้านี่บางคนสูบในห้องแอร์ที่คนอยู่เยอะ ๆ เลย และไม่มีใครกล้าว่าด้วย และสูบทีเป็นชั่วโมงไม่เหมือนบุหรี่มวนปกติสูบ 5-10 นาทีก็พอแล้วและไปสูบข้างนอกห้อง คนที่ไม่สูบที่อยู่ในห้องแสบทั้งตาทั้งจมูก
แต่หลังจากที่รัฐบาลประกาศให้ผิดกฎหมายปัญหานี้ก็หมดไป ส่วนตัวผมขอบคุณคนที่ทำให้มันผิดกฎหมายครับ เพราะความเชื่อผิด ๆ ที่ว่ามันไม่อันตรายเนี่ยแหละ อันตราย
ปล. หลายคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจะเลิกบุหรี่ เท่าที่เจอมากับตัว ไม่มีใครเลิกได้ครับ (2-3คน) แถมสูบหนักกว่าเดิม ข้างนอกสูบบุหรี่จริง ในห้องบุหรี่ไฟฟ้า ลดบุหรี่จริงได้ก็เถอะ แต่สูบไฟฟ้าหนักมาก เพราะเค้าบอกว่ามันไม่สะใจ สุดท้ายก็เลิกบุหรี่ไฟฟ้าไปสูบของจริงเหมือนเดิม
argument ที่ว่าไม่ให้สูบเพราะอันตราย แต่ให้สูบ บุหรี่ ธรรมดามันย้อนแย้งนะครับ ถ้าเทียบกับ อันตรายจากบุหรี่ธรรมดา
ถ้ามองว่าบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่ธรรมดาเป็นสองสิ่งที่เป็นเอกเทศกัน ก็ไม่ย้อนแย้งครับ
บุหรี่เรารู้ drawbacks มันแล้ว แต่บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ชัดเจน
แต่ argument ที่ไม่ผ่านกฏหมาย คือ มันอันตราย ไม่ใช่หรือครับ ?
แล้วถ้าบอกว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า มันอันตรายรึเปล่า หลายอย่างก็พิสูจน์ไม่ได้ใช่กัน เช่น สารให้สีในเครื่องดื่ม หรือ สารให้ความหวาน สารพวกนี้ก็แค่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอันตรายรึเปล่าครับ
อย่างสารให้สีให้ coke (4-MeI) ที่รัฐ California มาประกาศให้เป็นสารก่อมะเร็งในภายหลัง
ถ้าไม่ได้เจาะจงกีดกันจริง ก็ควรใช้หลักการเดียวกันในการอนุญาต รึเปล่า ?
หรืออย่าง IQOS ที่จริงๆก็คือบุหรี่ธรรมดานี่แหละ ก็ยังผิดกฏหมายเช่นกัน ถ้ายึดหลักการว่า "รู้อันตรายแล้วขายได้" ทำไม IQOS ถึงไม่ให้สูบครับ
ผมไม่เข้าใจ Argument ที่คุณยกตัวอย่างครับ แต่คุณกำลังเปรียบเทียบของสองสิ่งที่มันไม่เหมือนกัน อย่างลืมนะครับเรื่องที่มัน Sensitve แบบนี้ไม่มีกฏเกณฑ์กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับ Expert ใน Panel ครับ ถ้าไม่เห็นด้วยแนะนำให้รวมกลุ่มกันฟ้องศาลคุ้มครองได้ครับ
ผมก็มองแบบนี้เหมือนกัน คือถ้าเป็นบุหรี่ธรรมดา แพทย์สามารถหาเหตุผลมารองรับได้หมดว่าป่วยเพราะอะไร แนะนำคนสูบได้ว่าต้องคอยสังเกตตัวเองอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ไม่สูบเยอะเกินไป
แต่บุหรี่ไฟฟ้านี่ไม่รู้อะไรเลย ขนาดอเมริกาก็ไม่รู้ ก็ปล่อยให้คนสูบรับผิดชอบชีวิตกันเอาเอง มีเหตุอะไรก็เก็บเป็นเคสศึกษาวิจัยกันไป อย่างข่าวนี้ก็ได้แค่บอกว่ามีอะไรผิดสังเกตให้ปรึกษาแพทย์ สักวันหนึ่งก็คงรู้ผลกระทบเหมือนบุหรี่ธรรมดานี่แหละ
ซึ่งสาธารณสุขและประชาชนบ้านเราไม่เหมือนบ้านเค้าไง ประชาชนบ้านเค้าเค้ารับผิดชอบตัวเอง ป่วยก็โทษตัวเอง แต่ถ้าบ้านเราปล่อยเสรี เกิดป่วยขึ้นมาก็ไปหาหมอ พอหมอหาสาเหตุไม่ได้ก็โทษหมอ โทษสาธารณสุขว่าทำไมไม่เตือน โทษคนรอบข้าง แต่ไม่โทษตัวเอง
ก็ยังด่าได้เหมือนเดิมครับ ตราบใดที่บุหรี่จริงที่ฆ่าคนตายได้เหมือนกันยังคงถูกกฎหมายอยู่
ยังด่าอยู่ครับ ผมไม่สูบบุหรี่ และเกลียดควันบุหรี่มาก ผมเห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้ามันไม่กระจายตัวเท่าบุรี่ปกติ (อย่างน้อยก็ที่ตาเห็น จมูกดม และเท่าที่รู้มันคือไอน้ำ ก็ไม่น่าจะกระจายไปไหนไกล) ถ้ามันจะอันตรายเหมือนกัน ผมก็ขอให้คนสูบตายไปคนเดียวครับ ผมไม่อยากตายด้วย ดังนั้นผมเชียร์ให้บุหรี่ไฟฟ้ามันผ่าน หรือไม่ก็แบนมันทั้งสองอย่างจะดีกว่ามาก ๆ ครับ
.
จริง ๆ จะพูดว่าด่าก็ไม่ถูกนัก พูดว่า "สาบส่ง" เลยดีกว่า
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อ่านไปอ่านมา เห็นด้วยเรื่องคนสูบตายไปคนเดียวครับ
ผมแช่งคนที่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะทุกครั้งครับ พวกเดินสูบนี่ผมเข้าไปบอกด้วย มันหลบยากมากถ้าเดินตามพวกเดินสูบ
+1ครับ
โดยเฉพาะพวกสูบตอนขับรถมอเตอร์ไซต์จอดไฟแดง หนีไม่ได้ด้วย ต้องดมควันจากปากคนอื่น ไม่ชอบเลยจริงๆ
ผมขอด่าการบังคับใช้กฏหมายได้ไม๊ครับ สั่งห้าม แต่ทุกวันนี้หาซื้อได้ง่ายมากสั่งออนไลน์อยู่บ้านก็ยังได้ กลายเป็นว่ารัฐไม่ได้ภาษีจากบุหรี่ไฟฟ้าสักบาท แต่ต้องเอาภาษีไปจ่ายดูแลสุขภาพคนสูบ และคนขายก็ร่ำรวยมหาศาลจากการขายของพวกนี้แบบที่ไม่ต้องจ่ายรัฐเลยสักนิด
โครตเกลียดเลยครับ บุหรี่ไฟฟ้าเนี่ยะ ถ้าเป็นยาเส้น บุหรี่ยังมีควันให้เห็นบ้าง พอหลบได้ แต่บุหรี่ไฟฟ้าเนี่ยะ หลบยากมาก ยิ่งในลิฟต์ล่ะ อื้อหือ
กลายเป็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าตายเร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา ?
เอาจริงๆควรเลิกสูบ ทั้งหมด
ผู้ใช้ใหม่อย่าลอง อย่าใช้ ไม่นาน 10-20 ปีคนที่สูบตอนนี้คงเสียชีวิตกันหมดประเทศไทยจะได้ปลอดบุรี่
สูบบุรี่แล้วเท่ ความคิดของคนหัวโบราณ ควรหมดไปตั้งแต่ปี 2000 มาแล้วนะ
คนที่เลิกสูบไม่ได้ก็อ่อนเกิ้นแพ้ใจตัวเอง อดไม่ได้
อยากให้เลิกขายเหมือนกันนะ แม้กระทบรายได้รัฐบาล 3% ซึ่งก็ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ถ้ายอมเจ็บแต่จบ ผมว่าคุ้ม เอาบุคลากรส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ มาทดแทนก็น่าจะพอไหวอยู่
+1
+10 เลยครับ
Free React Native template ครับ
จากคนที่ใช้ทั้ง 2 รู้สึกว่าไฟฟ้าจะเบากว่านะครับ
แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ปลอดภัยหรอก แต่อย่างน้อยกลิ่นมันก็ไม่ได้เหม็นติดนาน
แต่เรื่องควันนี่ ดูแล้วจะโหดร้ายกว่าบุหรี่ธรรมดาอีก
เพราะควันมันหนามาก ถึงจะไม่เหม็น แต่คนอื่นมันก็ไม่ได้รู้สึกดีที่จะอยู่ในควันของคนอื่น
ถ้าจะดีกว่า ก็คงเป็นกลิ่นที่ติดตามตัวหลังสูบนี่แหละ
ที่มันดีกว่าบุหรี่ธรรมดาแน่นอน
กรณีนี้พบว่า 80% ของคนที่ป่วย พบว่าใช้น้ำยาแบบที่ผสมวิตามินอีครับ
คิดจะสูบบุหรี่ทั้งทีมันยังสนใจวิตามินอีกหรอ
ผมอ่านจากหลายๆ แหล่ง ยังไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในน้ำยาได้ยังไง หรือใส่ลงไปทำไม หรือตั้งใจใส่ไปหรือไม่นะครับ
อ่านเจอแต่ว่าผูู้ป่วยเกือบทั้งหมดใช้น้ำยาที่มีวิตามินอี และ/หรือ ใช้น้ำยาที่มี THC ด้วย
อาการป่วยเกิดจาก lipoid pnemonia แปลเป็นไทยประมาณว่าปอดบวม (ปอดอักเสบ?) จากไขมัน (คืออ่านแต่ข้อมูล แต่ผมไม่ได้มีความรู้ทั้งการแพทย์ ศัพท์ที่ใช้เลยจะประหลาดๆ ครับ)
คือมีไขมันเกาะที่ปอดปริมาณมากจนปอดอักเสบครับ แต่ "ไม่น่าจะ" เกิดจากสารพิษในน้ำยา หรือติดเชื้อในน้ำยาแต่อย่างใด
บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน ฮ่าๆ
จริงๆ ส่วนผสมอื่นๆ มันเปลี่ยนได้เอง ไม่เหมือนบุหรี่ปกติ
มันเป็นเชิงการพานิชย์สูงมาก ปรับเปลี่ยนนั่นนี่เพื่อเอาใจลูกค้า และคงไม่ได้ทดลองจนแน่ใจ
iteration ของ product life cycle ก็คงประมาณบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เน้นแปลกใหม่ไปเรื่อย
บุหรี่ปรกติก็มวนเองได้ครับ
ยัดไส้อะไรก็ได้ตามใจชอบ ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร ที่เจอบ่อยที่สุด เพราะหาง่าย แล้วก็มวนง่ายที่สุดคือแห้ง
ก็กลายเป็นบุหรี่ไม่มาตรฐาน หรือบุหรี่ไม่มาตรฐานอยู่แล้วหว่า แต่ใส่ไรแปลกๆ กับไม่ใส่ใช้สูตรเดิมตามที่โรงงานมาก็ผลแง่ลบพอกัน เริ่มงงเอง
คือถ้าแบบมาตรฐานโรงงานควบคุม เผื่อจะปลอดภัยจากสารอันตรายงี้ สูบแล้วไม่เพี้ยนหนักเกินไปประมาณนี้นะครับ (ถ้าเรื่องอื่นๆ นะครับ ไม่รู้บหรี่มีแบบนี้เปล่า ปกติมันก็อันตรายอยู่แล้ว)
ผมว่าคุณ darkmaster เค้าคงเข้าใจความหมายที่คุณพยายามสื่อผิดน่ะครับ
ผมเข้าใจว่า "เติมสารเอง" ที่คุณบอก หมายถึงผู้ผลิตเติมสารเอง
แต่คุณ darkmaster เข้าใจว่าผู้สูบเติมสารเอง
ประมาณนี้มั้งครับ
จริงๆ ก็น่าจะเข้าใจถูกนะครับ คือผมก็ไม่รู้ว่าปกติมันมี standard อะไรหรือเปล่างี้ (ยกตัวอย่างเช่นไม่ใส่ ยาบ้าผสมงี้)
ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่า บุหรี่ธรรมาดามีคนทำเองด้วย
ส่วนบุหรี่ไฟฟ้านี่สารที่เติมตอนสูบมันหาข้างนอกได้งี้ ทำให้มีสารประกอบแปลกๆ ปะปนเข้ามาหรือเกินมาตรฐานงี้นะครับ บางผู้ผลิตสารอาจจะไม่ได้มาตรฐานด้วยก็มี เถื่อนๆ งี้
สรุป ผู้ใช้งานสามารถหาสารเติมหรือโมบุหรีเองได้ใช่เปล่าหว่า เลยเกิดการปนเปื๊อนไรงี้นะครับ
เติมเองได้ครับ แล้วมาตรฐานของน้ำยาก็เป็นมาตรฐานกว้างๆ อย่างเช่นมีนิโคตินได้ไม่เกินเท่าไร อะไรประมาณนี้ครับ
ถ้ารู้จักลุงโทนี่ที่ปากเปราะในเฟสบุคขายบุหรี่ อันนั้นก็ทำเองครับ
ก็ประกาศยกระดับบุหรี่เป็นยาเสพติดก็จบแล้ว ผิดกฏหมายทุกยาสูบ