นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และสส.พรรคภูมิใจไทย สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกศึกษาการบังคับให้รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลติดตั้ง GPS บันทึกการเดินทางของรถ
แม้ยังเป็นการศึกษา แต่ก็เห็นได้ชัดว่าข้อเสนอนี้ต้องการให้รถยนต์ทุกคันส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ตลอดเวลา โดยมีความตั้งใจให้ติดตั้งทั้งรถเก่าและรถใหม่ แม้บอกว่าช่วงแรกจะบังคับรถใหม่ก่อนก็ตาม โดยยังไม่มีรายละเอียดว่าเซิร์ฟเวอร์นี้จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้รถเลือกเองหรือกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ดูแล
ส่วนประเด็นแท็กซี่ป้ายดำเรียกใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นนั้นอยู่ระหว่างการร่างกฎกระทรวง ซึ่งน่าจะประกาศบังคับได้ในเดือนมีนาคม 2563
ที่มา - ไทยรัฐ
ภาพโดย DariuszSankowski
Comments
ผมอยากให้ติดกล้องหน้ารถทุกคันมากกว่า gpsไม่เข้าใจว่าจะติดทุกคันทำไม ถ้าเป็นรถโดยสารสาธารณะก็โอเคนะ แต่รถส่วนตัวไม่เห็นด้วยว่าต้องติด นอกจากเจ้าตัวอยากติด
เพราะบ้านเราอุบัติเหตทางถนนสูงอันทอปโลกและไร้ระเบียบในการขับขี่สูง
ทั้งเมา ทั้งขับเร็ว ย้อนสร ขับผืนกฎ ยูเทิน ตัดหน้า อื่นๆ
ถ้ามีจีพิเอสก็จะมีพวกเซ็นเซอความเร่งและการหมุนมาด้วย สามารถวิเคราะได้หมด ถ้ามีระบบดีๆสามารถส่งข้อมูลไปหาตำรวจเพื่อจับก่อนมีอุบัติเหตุ ป้องกันอุบัติเหตุก่อนได้
ถ้าพัฒนาต่อสามารถวางโครงข่ายสำหรับการจัดการจราจร หรือ บังคับให้รถรุ่นใหม่ติดและจำกัจความเร็วในการขับขี่โหมดธรรมดาที่ไม่ฉุกเฉิน
ขับรถยนต์อาทิตย์ละกี่กิโลเมตรครับ
ขับเร็วเกินกำหนดครับ ... ประเทศไทยมีการตายบนท้องถนนสูงมากครับ สาเหตุของการตายบนท้องถนน ไม่พ้น เมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกกันนอก และ ขับเร็วเกิน
เมาแล้วขับ (ไช้การ โปรโหมดทางทีวี และ เครื่องเป่าตรวจสอบแอลกอฮอล์) ไม่สวมหมวกกันนอก (ไช้การ ปรับและบังคับซื้อหมวกกันนอก)
ขับเร็วเกินกำหนด - ไทยเคยลองแล้วโดยการติดตั้ง Speed Camera แต่ไม่ใด้ผลเพราะมีการไช้ app เลี่ยงแล้วขับช้าเฉพาะตรงที่มีกล้อง ... ถ้าไช้ GPS แล้วค่อยๆทำให้รถทุกคันมี ... ก็น่าจะค่อยๆลดการตายบนท้องถนนลงได้
แน่นอนว่าเอาไปไช้ทำอย่างอื่นใด้ เช่น รายงานสภาพจราจร real time, เอาข้อมูลไปให้ผังเมือง แก้ปัญหารถติด, ไช้เป็นหลักฐานเวลาเกิดอุบัติเหตุ, แก้ปัญหาการโขมยรถ ... หรือถ้าทุกคันมี GPS แล้วจะเอาไปไช้เก็บเงินค่าทางด่วนก็ยังได้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เห็นด้วยเลย ติดกล้องหน้ามีประโยชน์กว่า
ติด GPS เพื่อติดตามผู้ใช้ แบบนี้มันจะดีหรอ? สุดท้าย ได้อุปกรณ์มา ก็ถอดทิ้งอยู่ดี มันจะได้ผลอะไร มีทางเลือกที่ดีกว่านี้เยอะแยะ แต่ไม่ยอมทำ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ถอดทิ้งก็โดนจับเพราะจะมีด่านตรวจ GPS หรือ รถสานตรวจ
ทางเลือกที่ดีกว่าที่เป็นไปได้คืออะไรครับ
รถขนสุ่งอุบัติเหตุลดลงมากเพราะมีระบบนี้กัน ขับเร็วเกินก็จะมีเสียงเตือนและถ้าหลายครั้งก็จะโดนศูญเตือน และหักเงิน
รถที่จดทะเบียนมีอยู่ >30 ล้านคัน ค่าอุปกรณ์ ค่าระบบติดตาม/บันทึกจะเท่าไหร่เนี่ยถ้าแบบต้องส่งเข้าระบบบันทึกก็ต้องต่อเน็ตได้ด้วยใช่มั้ย
แล้วคนที่ดูแลรักษาข้อมูลส่วนนี้จะทำได้ปลอดภัยแค่ไหนเนี่ย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เอาให้ server ไม่ล่มก่อนก็ดีนะนั่น กลัวจะทำพังกันทั้งระบบ
จะติดก็ได้แหละนะ แต่ถ้าอยากเก็บข้อมูลเวลาจริงรัฐออกค่าเชื่อมต่อให้ฟรีอย่าพลักภาระ แต่ผมว่ารถส่วนบุคคลกล่องดำดีกว่ามั่ง ถ้าถูกจับหรือไปชนใครก็ดึงข้อมูลออกมาดู
ถ้ามองในแง่ดี ก็ช่วยติดตามรถกรณีรถสูญหาย หรือโดนโจรกรรม รวมถึงการนำรถไปกระทำความผิด แต่ในเรื่องสิทธิในการดำเนินชีวิต ก็รู้สึกว่ามันจะเกินไปไหมสำหรับการติดตั้งในรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซต์ส่วนบุคคล ถ้าเป็นรถสาธารณะ หรือรถใช้ในราชการก็ว่าไปอย่าง หรือถ้าจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาความสงบ ก็ใช้กฎหมายเฉพาะพื้นที่ไม่ดีกว่าหรือ เอาแค่ข้อมูลพิกัดรถ + ข้อมูลลงทะเบียนโทรศัพท์ + ข้อมูลเสาสัญญาณ คนในวงการไอทีก็จะพอเดาๆ ได้ว่าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง แล้วถ้าข้อมูลหลุดไป อยู่ในมือผู้ไม่ประสงค์ดี จะมีมาตรการรองรับอย่างไร
สมมุติว่าใช้จริงก็อาจมีกรณีอภิสิทธิชนกลุ่มหนึ่งที่อาจสามารถไม่ต้องระบุตัวตนได้ ด้วยเหตุผลทางความมั่นคงอีก แล้วคิดว่าระเบียนราชการเมืองไทยโปร่งใสพอที่จะจัดการปัญหาพวกนี้ได้หรือไม่ ผมเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ
ผมว่าเรื่องนี้ให้เป็นความรับผิดชอบส่วนตัวดีกว่านะ
เหมือนซื้อประกันนะครับ ใครอยากได้ความคุ้มครองก็ไปซื้อเอง
เห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล โดยที่ผมเชื่อว่ามันไม่มีผลต่อความมั่นคงใดๆเลย แต่มันอาจลดความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากกว่า
เริ่มทดลองจากรถประจำตำแหน่งท่านผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อนเลย
คนจะขโมยรถก็ทำลายอุปกรณ์ทิ้งก่อน
การกำกับความเร็ว? ไม่เข้าใจว่าจะช่วยอะไร แบบว่าถ้าตรวจเจอรถวิ่งไวจากระบบ GPS จะทำยังไงต่อ? ส่งใบสั่งเหมือนกล้องตรวจจับความเร็วหรือเปล่า
ยังไม่นับเรื่องจะวางใจผู้ดูแลข้อมูลได้ขนาดไหน บางครั้งบางคราวยังมีข่าวข้าราชการรับค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลเลย
+1
ติดกล้องหน้ารถน่าจะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากกว่า เพราะคนจะไม่กล้าขับรถอันตรายแลผิดกฎจราจรมากเพราะจะมีหลักฐานเยอะ ถึงไม่เปิดกล้องเองก็จะเห็นได้จากรถคนอื่น อยากให้ลองศึกษาการติดกล้องก่อน
ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ลดลงบ้างไหม แต่ผมว่าคนส่วนใหญ่รู้ว่าบนถนนกล้องเยอะ แต่ก็ยังเห็นคนขับรถอันตรายเป็นคลิปโผล่ในเพจ เฮียขับรถ อยู่เรื่อยๆ กรณี GPS ผมว่าถ้าติดแล้วตรวจจับ มอไซด์/รถยนต์ขี่ย้อนศรได้จะดีมาก
ก็ลองเปิดช่องให้เอาคลิปไปแจ้งความได้ดูสิครับ ผมว่าลดลงเยอะ แจ้ง Online อะไรแบบนี้
Single gateway กลับมาในรูปแบบ GPS ติดรถ
เอาไว้ดูว่าโอนหุ้นทันหรือเปล่า???
ผมเห็นด้วยอยู่นะ ผมว่าอุบัติเหตุจะลดลงพอสมควร เพราะถูกควบคุมความเร็วตาม city limit ในแต่ละพื้นที่
ผมเคยคุยกับไกด์ที่สิงคโปร์ เรื่องรถบางประเภท (เขาน่าจะยังติด gps ไม่ครบทุกประเภท) ซึ่งเขาชอบมาก เพราะมันทำให้รถวิ่งด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับพื้นที่ เกิดอุบัติเหตุแล้วไม่รุนแรง หรือยับยั้งได้ทัน
อีกทั้งระบบเขาเอาไว้ตรวจสอบรถที่วิ่งเข้าโซนต่าง ๆ ซึ่งมีการควบคุมโซนได้แม่นยำเพราะมีข้อมูล GPS จากรถจริง ๆ
อย่างไรก็ดี ผมก็ไม่รู้ว่าที่สิงคโปร์เขาติดในรถส่วนใหญ่หรือเปล่า
กรณีปัญหาต่าง ๆ คงต้องลิสต์กันเป็นรายการ และหาทางแก้ไข ชั่งน้ำหนักกับสิ่งที่ได้มา และเสียไป ว่าระยะสั้นคุ้มแค่ไหน ระยะยาวได้อะไร
ผมบอกตรง ๆ แค่ควบคุมเรื่องรถวิ่งไว และโซนได้ ก็ต่อยอดไปทำอย่างอื่นได้อย่างมากแล้วครับ แต่เชื่อว่าถ้าเกิดระบบ zone หรือการควบคุมตามเวลาขึ้นจริง หลายคนที่ชอบความอิสระคงจะไม่ชอบ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
คิดไม่ออกเลยแหะว่าใครจะชอบให้คนอื่นรู้ตลอดเวลาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ถ้าต้องการประโยชน์แค่ควบคุมโซนรถ กับจัดการปัญหาจราจร ควรส่งแบบ anonymous
แต่จากที่ยกประโยชน์มาว่าติดตามรถหายเนี่ย เครื่องมันต้องส่งแบบระบุตัวตนได้ มันเหมาะสมหรือยัง แล้วบังคับติดทุกคัน หมายถึงทุกคันจริงๆมั้ย รถทูต รถประจำตำแหน่ง รถคนเบื้องสูง ติดมั้ย
เรื่องควบคุมรถวิ่งไว ควบคุมยังไง วิ่งเร็วซัก 120-130 GPS ก็เริ่มหลุดแล้ว จะอ่านจาก ODB ก็ใช่ว่ารถเก่าๆจะมีพอร์ตให้เสียบ
ยังไงผมก็ยังมองเรื่องนี้ว่าละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอยู่ดี มันควรเป็นตัวเลือก ไม่ใช่บังคับ ถ้าบังคับ มันต้องไม่เสียเงินและต้องไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
คนในนี้หลายๆคนผมเชื่อว่าก็อยากท่องเวปแบบไม่ระบุตัวตน จะ VPN หรือ TOR ก็แล้วแต่ มันก็เหมือนกับคนทั่วไปที่ขับรถ ก็คงไม่อยากให้ระบุตัวตนได้ขนาดนั้นครับ
เหมือนที่บอกครับ มันมีหลายอย่างที่ต้องชั่งน้ำหนักกันครับ ถ้าพูดในมิติว่า ถูกสอดแนม แค่ฟังแค่นี้ก็คงหายากครับที่ใครอยากจะโดนสอดแนม แม้แต่จะด้วยเหตุผลด้านดีก็เถอะ แต่ระบบพวกนี้มีมิติด้านอื่นที่ต้องดูด้วย ต้องประเมินด้วยครับ
ด้านที่มันสร้างความไม่พอใจให้เรา ก็ต้องหาวิธี ดูแนวทางที่ปฏิบัติแล้วอยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ในขณะที่ด้านอื่นมันยังคงทำงานออกมาได้ผลดีครับ
อยากส่งแบบ anonymous ก็ว่ากันไปครับ เทคโนโลยีที่ส่งข้อมูลที่ระบุตัวตน ไม่ระบุตัวตนบางอย่าง แต่ตรวจหาสิ่งของหาย ผมว่ามันก็เริ่มได้ยินมาบ้างแล้วนะครับ อย่างของ apple หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจนะครับ ตรงนี้ก็ไปว่ากันครับ ว่าควรทำอย่างไงให้รักษาความเป็นส่วนบุคคลไว้ด้วย
ติดรถทุกคันได้ไหม ก็ไปออกกฎหมายกันไปครับ รถประเภทไหนติด ไม่ติด เอาตามสิ่งที่ควรจะเป็นกับยุคนี้ คันไหนถูกยกเว้น เพราะอะไร
GPS หลุดกี่วินาที นั้นคืออาจจะโดนใบสั่งได้ครับ ผมเคยคุยกับรถตู้ในไทยนี่ เขาก็บอกอยู่ว่า เราขับเร็วเกินความเร็วที่กฎหมายระบุได้ แต่ห้ามเกินกี่วินาที และปัญหาสัญญาณหลุดนั้น อาจจะโดนข่ายนี้หรือเปล่า อันนี้ผมไม่แน่ใจ แต่เชื่อว่า น่าจะเตรียมช่องทางไว้สำหรับการโต้แย้งไว้กรณีสัญญาณหลุด และตนเองไม่ได้ขับเร็ว
ละเมิดไหม ละเมิดแค่ไหน ยอมรับได้แค่ไหน บังคับหรือไม่ เสียเงินทำ หรือไม่ รถใหม่อย่างเดียว หรือรวมถึงรถเก่าด้วย ผมว่าเราผ่านกฎหมายหลายอย่างที่มีประเด็นพวกนี้รวมอยู่บ้างอยู่แล้วครับ และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ
ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ ก็คงต้องชั่งน้ำหนักกันแหละครับ ว่า ประเด็นที่เรากังวล มันหาทางเลี่ยง ปรับ แก้ไขอะไรได้ เพื่อแลกกับประเด็นด้านดีของระบบที่มีให้ได้หรือไม่
เพราะระบบพวกนี้มันเอาไปต่อยอดได้พอสมควรเลยเมื่อมีการรับรู้ปริมาณรถที่ชัดเจนในแต่ละสถานที่
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อย่าคิดว่าจะมีกระบวนการ"คิด"อย่างรอบคอบเลยครับ
ที่ผ่านมาห้าปี กฎหมายหลายตัวประกาศใช้ แล้วต้องออกม.44 มาแก้ภายใน 3 เดือน เพราะออกแบบมั่วๆ(ยกตัวอย่างกฎหมายบังคับวุฒิรปภ. กฎหมายห้ามค้ำประกัน ที่ใช้ม.44แก้ไขเพราะผลกระทบร้ายแรงมาก) ไม่คำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้านนี่แหละ
และตอนนี้เราก็ยังมีสภาส่วนหนึ่งที่สืบทอดจากสภาชุดเดิมมา
ฉะนั้นอย่าคาดหวังหรือมองโลกในแง่ดี ว่าเขาจะออกกฎหมายโดยคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน
แค่เริ่มต้นก็ละเมิดสิทธิประชาชนแล้ว จะมาอ้างร้อยแปดพันเก้าว่าเขาจะระมัดระวัง มันยากครับ
ส่วนยกตัวอย่างสิงคโปร์....ลองดูกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเรื่องIT ของเขาซะก่อน มันผูกพันกันหมด
หรือจะยกตัวอย่าง apple,google เขาก็โดนตรวจสอบตลอดเวลา ว่าเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวจริงไหม ข้อมูลสาธารณะเช่นข้อมูลการจราจรมีการเก็บแบบปกปิดตัวตนจริงๆไหม
คำถามคือกับระบบแบบบ้านเรา ตรวจสอบแบบเขาได้ไหม?
สิงคโปร์ Apple Google มีกฎ มีระบบตรวจสอบเขา มันก็คือเงื่อนไขต่าง ๆ รวมทั้งเรื่อง GPS นี่ก็เป็นเงื่อนไข แต่ใช้กับเรา เพื่ออะไรก็ว่ากันไป
ถ้าเราจะไม่คาดหวังอะไรเลย หรือเลือกคาดหวังเพื่อสนับความคิดด้านเดียวที่เราต้องการ ผมมองว่า มันแปลกครับ
บ้านเรามีอะไรที่ต่างจากเขา นั้นเป็นการพิจารณาที่สมควร และสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสม เพื่อออกแบบกฎให้เหมาะสมกับพวกเรานั้นแหละครับ ส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าระบบต่าง ๆ มันจะสมบูรณ์พร้อมในที่หนึ่ง และจะยกมาใช้ได้เลยกับอีกที่หนึ่ง
มันต้องหาทางปรับปรุงให้เหมาะสม เหมือนเขาใช้กฎของเขา ให้เหมาะสมกับเงื่อนไขในแบบต่าง ๆ ของเขา
ถ้ามองว่า การสร้างเงื่อนไขทางสังคม แล้วคาดหวังว่าทุกคนช่วยกันร่วมกันสร้าง แล้วปฏิบัติตามคือมองโลกแง่ดี ผมก็คิดว่าผมคงเป็นคนมองโลกแง่ดี (ซึ่งพื้นฐานผมเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว) นั้นแหละครับ แต่กรณีไม่เป็นไปตามนั้น ผมว่าก็จะไม่แปลกใจถ้าจะเกิดการประท้วง การไม่ยอมรับ และหาทางแก้ไขต่อไป นั้นเป็นเรื่องราวต่อจากนั้น แต่ กฎ เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มันเหมาะสม หรือปรับใช้ได้แล้วได้ผลที่น่าสนใจ ชั่ง วัดน้ำหนักแล้ว สมควรนำมาใช้ ก็ว่ากันไป คงไม่ได้มองว่า มันแง่ดี หรือแง่ร้ายหรอกครับ
มันเป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง ที่เรามาพิจารณา ว่าดี เหมาะ ไม่เหมาะกับเราอย่างไง ปรับได้แค่ไหน ต้องแลกมาด้วยอะไร ถ้าดี ก็คือออกแบบให้เหมาะสม แล้วทำ ทำไม่ได้ ว่ากันไปครับ จะต้องปรับอย่างไร พลาดที่ตรงไหน คงไม่หยุดไว้เพียงเพราะ กังวลว่าสังคมเรามันจะไปไม่รอด เพราะเขาไม่ทำกันให้ดี จึงไม่ต้องสร้างกฎที่น่าสนใจขึ้นมาหรอกครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
คือจุดเริ่มต้นมันไม่ได้มีเป้าหมายที่สวยงามแบบนั้นไงครับ
แค่โครงการเริ่มต้น ก็ไม่ชัดเจน เอามาทำอะไร ก็ตอบไม่ชัด พูดข้อดีลอยๆ เหมือนไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย ค่าใช้จ่ายรายเดือน บอกตัวเลขของเอกชนเจ้านึงมา?
ผมกลับมองว่าการเมืองภายใต้รบ.ทหารมันไม่โปร่งใสพอที่จะยอมเสี่ยงให้มีโครงการ ที่เริ่มต้นด้วยการละเมิดสิทธิ์เลยครับ เขาพยายามโยนหินถามทาง ค่อยๆแซะตลอด ก็เพื่อรอการที่เราจะพลั้งเผลอไม่ทันระวังแบบนี้นี่แหละ
ถ้าที่ได้ยินจากรัฐ เขาแจ้งว่ายังไม่มีประเทศไหนทำ
ผมยังเข้าใจว่าที่ SG ก็ยังไม่ทำ โดย SG น่าจะมีแค่ระบบจ่ายเงินทางด่วนถ้าจำไม่ผิด
เรื่องอุบัติเหตุ ผมคิดกลับด้านนะ
ผมอยากให้ออกแบบถนนที่ขับได้ปลอดภัยโดยที่สามารถใช้ความเร็วได้สูงขึ้น
เพื่อไล่รถยนต์ออกจากถนนให้ได้เร็วที่สุด คนขับเองก็ไม่ต้องการเกิดอุบัติเหตุเหมือนกัน
คิดว่าที่สิงคโปร์ ก็คงยังไม่ได้ติดทุกคันครับ แต่น่าจะมีหลายคันที่ติด แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาติดเพื่ออะไรกันบ้าง
กรณีถนนไล่รถให้ออกเร็ว ผมคิดว่ามันทำไม่ได้จริงในทุกพื้นที่ครับ มันเป็นเรื่องปกติที่ถนนถูกแบ่งเป็นหลายลักษณะการใช้งาน ความเร็วจึงถูกควบคุมแล้วแต่ลักษณะถนนนั้นแหละครับ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
โดยทั่วไป กฎหมาย จะบังคับติด GPS กับพวกรถสาธารณะ หรือรถใหญ่ที่มีโอกาสสร้างความเสียหายได้สูงกว่ารถส่วนบุคคลขนาดเล็ก โดยเฉพาะรถขนวัตถุอันตราย
เอาจริงๆ รถทำงานก็ติด GPS เพื่อประโยชน์ของธุรกิจเอง หรือไม่ก็เพิ่มคุณภาพบริการได้ รถเช่ายังไงก็ติด รถส่วนตัวบางทีก็ติดกันขโมย
เรื่องไล่รถหลักๆผมนึกถึงถนนระหว่างจังหวัด ถนนใหญ่ทั้งหลายซึ่งหลังๆ มันก็เริ่มติดจริง
โดยบางเรื่องผมว่าเป็นที่การออกแบบถนนที่สร้างคอขวดที่ทำให้เกิดรถชะลอตัวยาว 2 - 5 กม. ได้
ถ้ามันมีพื้นที่ให้วิจารณ์การออกแบบถนน + สัญญาณไฟจราจรก็ดีนะ
ติดรถร่วมก่อนเลย ViaBUS ได้แต่ ขสมก
ตอนนี้ตามเรือคลองแสนแสบได้แล้วครับ (บอกเฉยๆแต่รู้สึกติดตามเรือได้นี้ดีมาก)
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
จ่ายเงินเองสิคร้าบ มายุ่งอะไรกับเงินชาวบ้าน
ผมเห็นด้วย เรื่องติด GPS แต่อยากให้นำไปใช้แก้ปัญหา การจราจรมากกว่า อย่างปัญหารถติดในเมือง หรือตามสี่แยก เช่น การปล่อยรถไฟเขียว-ไฟแดง จากแยกหนึ่ง ไปอีกแยกหนึ่ง ให้สอดคล่องกัน ไม่ใช่ เขียวแยกนี้ ไปแดงแยกหน้า มันต้องไหลไปเลื่อยๆ สิ (พูดแล้วมันของขึ้น) เอา data gps นี้ให้ AI ช่วยปล่อยสัญญาณไฟเลยก็ดีน่า ว่าปล่อยแบบไหน แล้วอัตราการไหลของรถจะดีที่สุด
คิดเหมือนกันเลยครับ ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหารถติด แต่มันก็ต้องมีระบบที่รองรับ งบบานปลายละทีนี้(แต่ก็อยากให้มีนะ)
ในไทย ผมว่าถ้าให้คนมีความรู้จริงๆมาควบคุมสัญญาณจราจร น่าจะดีกว่าตำรวจ ไอ้ประเภทปล่อยทางนึง 5 นาที 10 นาที พอติดค่อยปล่อยอีกทาง แล้วก็ไปไม่ได้
สังเกตว่าแยก/ซอย ที่ไม่มีตำรวจมาโบก ปกติก็ไปกันเรื่อยๆ สลับกัน พอตำรวจมาปุ้บ ติดยาว
แยกไฟแดงที่เป็นสัญญาณนับถอยหลัง ถึงเวลาก็ได้ไป ไม่ใช่มานั่งลุ้นว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะกดเขียว
เพื่อนฝรั่งมาไทยมันยังงง ทำไมบ้านยูไฟแดงนานชิบ
จริงเลย การเลือกเปิดไฟแดงโดยจนท.ทำให้รถติดกว่าปกติ เพราะมันมีการอำนวยความสะดวกให้เส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเป็นหลัก แทนที่จะเท่าเทียมกัน
ผมว่าติดกล้องตามแยกจราจรแล้วใช้้ AI เปิดปิดไฟแดงดีกว่าครับ
ถ้าแค่นั้นผมว่าไม่ต้องติดจีพีเอสก็พอจะคำนวณแทรฟฟิกในแต่ละทิศทางได้โดยอาศัยเทคโนโลยีอื่นๆ อยู่แล้วนะครับ อยู่ที่ว่าจะทำหรือเปล่าแค่นั้นเอง ไม่ต้องไปยุ่งกับอุปกรณ์ในรถเลยด้วย
ถ้าติด GPS ก็จะบอกสภาพการจราจรได้แบบแม่นยำ และ realtime มากๆ แต่เอาจริงๆ อยากให้บังคับติด easy pass มากกว่า จะได้ลดคอขวดตรงด่านจ่ายเงิน
+1 เหมือนระบบสิงคโปร์
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เอาแค่ขาย easy pass ง่ายๆ ก่อนก็พอครับ
ไอ้ประมาณต้องไปซื้อในด่าน จ่ายเงินเสร็จต้องวิ่งตัดหลายๆ เลนกะทันหันเพื่อเข้าไปจอดซื้อ easy pass
ต้องลงทะเบียนรถ ใช้ใบขับขี่บัตรปชช เพื่ออะไร? ทั้งที่ไม่เคยดู
จริงๆ มันเป็นแค่กระเป๋าเงิน electronic ก็ให้ซื้อตาม 7 ลงทะเบียนผ่าน net ไม่ได้เหรอ ลงทะเบียนใช้เลขบัตรปชช อย่างเดียวพอไว้ใช้เวลา easy pass หาย
ตอนผมซื้อ ผมก็ไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้นนะ วิ่งจ่ายเงินตู้ด้านที่อยู่ไกล้สถานีจอดรถ เข้าไปกรอกข้อมูลรับบัตรมา ก็จบแล้ว อีกอย่างทำครั้งเดียวด้วย
เอาละ แต่ถ้าปรับปรุงให้ดีขึ้นแบบทำ Online ได้ก็สะดวกขึ้นผมก็ชอบ แต่ปัจจุบันผมซื้อที่สถานีมันก็ง่ายอยู่นะ
นี่เติมเงินผ่าน app ได้ผมว่า Ok ก็เลย
ประเด็นคือ มันก็ยังมีคนที่ไม่ใช้ easy pass จำนวนมากน่ะครับ
ผมมองว่า การที่ไม่สามารถหาซื้อได้โดยง่าย คือมันต้องตั้งใจไปซื้อ แล้วนึกภาพคนไปทำงานเฉียด 9 โมงทุกวัน จะเอาเวลาที่ไหนไปซื้อ ทำครั้งเดียวก็จริง แต่ถ้ามันหาซื้อได้สะดวก คนน่าจะใช้เยอะกว่านี้
และปัญหาอีกข้อ คือ easy pass มันพิมพ์ใบเสร็จไม่ได้ พวกคนที่ขับรถไปหาลูกค้า ก็ต้องจ่ายเงินช่องเงินสดเพื่อเอาใบเสร็จ ถ้ามันสามารถออกรายงาน หรือพิมพ์ใบเสร็จย้อนหลัง แบบ uber ได้น่าจะดี
คุณลองดูตอนเช้า ตรงด่านเก็บเงินทางด่วน จะเห็นว่ารถติดมาก แม้ว่าทางด่วนจะว่าง แถมแถว easy pass ก็ติดคนพยายามจะแทรกเข้าไปช่องเงินสดด้วย
ผมว่า Easy pass ควรจะมีระบบ Report การใช้งานรายเดือนด้วยนะ ในเมื่อใช้กับการขึ้นทางด่วนกับมอเตอร์เวย์อยู่แล้ว สามารถ Download หรือพิมพ์ออกมาได้สำหรับใช้เบิกค่าเดินทาง หรือว่ามีอยู่แล้ว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
มีครับ ดูทางหน้าเว็บมีให้กด export csv, pdf
เรื่องสภาพจราจร ผมว่าคุยกับ Google ที่ทำ Crowed Sourcing น่าจะง่ายกว่านะ แชร์ข้อมูลกันได้อยู่แล้วละ
ผมขอ Easy Pass ที่ซิ่งผ่านด่านได้ไม่ต้องมีไม้กัน ไม่ต้องชะลอ ประมาณว่าขับ 140 กม/ชม ตัดเงินได้อย่างแม่นยำ
ลองแนะนำให้ทีม easypass คุยกะตำรวจดูครับ ใช้กล้องจับทะเบียนแล้วไปหักเงินกับ บัตรที่ลงทะเบียนตรงกัน
น่าจะได้นะ
เท่าที่เคยรู้ สเปคตัวอ่านมัน อ่านได้ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ
140 นี่ควรสับไม้กั้นลงมาฟาดนะครับ ?
แค่วิ่ง 40 ยังตรวจจับไม่ได้เลยครับ
จำได้ว่ามันจับได้ประมาณ 40 นะครับที่เค้าติดป้ายบอก ซึ่งผมก็จะผ่านความเร็วประมาณนั้นแต่ก็หวาดเสียวหน่อยๆ
ไม่รู้แต่ละด่านต่างกันยังไง แต่บางด่าน ผมชะลอเข้าไปจอดถึงไม้กั้นละ ประมาณ 1 วิถึงติ๊ดเปิด แต่บางด่านหัวรถยังไม่ถึงตู้ก็เปิดแล้ว
แต่ละด่าน ความเร็วในการอ่านtag ต่างกันครับ
ผมต้องจำว่า ด่านไหน เร็วช้าแค่ไหน บางด่าน แค่คนละช่องก็ความเร็วต่างกัน
บางด่านผมต้องจอดนิ่งๆ เหนือเครื่องอ่าน 1 วิ ไม้กั้นถึงจะเปิด โดยเฉพาะด่านฝั่งตะวันตก พอมาด่านตะวันออก วิ่งผ่านช้าๆ ก็เปิด
ไม่เข้าใจ คนติดตั้งเครื่องอ่านไม่คิดจะตรวจสอบระดับสัญญาณหรือไง หรือแค่ Scan ผ่านก็จบ
ขั้นตอนตรวจรับงานไม่มีมาตรฐานครับ ไม้กั้นก็รู้สึกว่าจะมีหลายแบบ ทั้งแบบที่เป็นเหล็กหนักๆ กับแบบที่เป็นพลาสติกกลวงๆ
ผมชอบแบบพลาสติกกลวงๆ มากกว่าเยอะครับ เปิดไว ปิดไว ไม่ค่อยงอแง
ถ้ามั่นใจว่าจะติ๊ดเดียวผ่านก็น่าจะพอไหวครับ
แต่ผมเคยคิดแบบนั้น และจากสถิติที่ขับเข้าด่านด้วยความเร็วประมาณ 20 ยังต้องเบรค และถอยอยู่บ่อยๆ เลย เพราะมันบอก "ไม่มีบัตร"
เสียรายเดือนด้วย???
จากเรื่องเล่าเช้านี้บนเฟซระบุว่าค่าอุปกรณ์ประมาณ 3,000 บาทและรายเดือนตกประมาณ 300 บาท
รอดูตอนจบครับ ผมว่าเดี๋ยวกระแสตีกลับก็บอกแค่คิดยังไม่มีนโยบายจะทำจริง
โยนหินถามทาง
ทำกันทุกรัฐบาล
ไปอ่านข่าวต้นทาง มีค่า GPS เดือนละ 300 กับค่าอุปกรณ์อีก 3,000 บาท อยากถามว่า "ใครจ่าย ?"
ถึงเวลานั้นก็คงผู้ใช้รถแหละครับ อาจจะมาแนวไม่จ่ายก็ต่อทะเบียนไม่ได้
ผมว่าน่าจะเอามาใช้จริงอยาก เดี๋ยวก็โดนกระแสสังคมตีกลับอยู่ดี
ก่อนจะติดตั้งให้กับปชช ติดตั้งให้กับพวกท่านๆทั้งหลาย
ถ้าจะติด ควรนำร่องในส่วนรถส่วนราชการก่อนเลยเถอะ จะได้รู้ว่าแอบเอาไปใช้ไหนบ้าง -.-
แอบเห็นด้วยนะ เพราะมันไม่ใช่แค่การควบคุมอุบัติเหตุและความเร็ว
แต่ถ้าเกิดรถทุกคัน รวมถึงรถยนต์ ติด gps ทั้งหมด
สามารถเพิ่มเติมในส่วนของ ควบคุมปริมาณรถยนต์
ในเขตที่มีการจราจรติดขัด เช่นใน กทม ได้ด้วย
แบบ ถ้าเกิดอยากขับรถใน กทม คุณต้ตองจ่ายภาษีเพิ่มเติม
และถ้าเกิด แอบเนียนไปจดทะเบียนเป็นต่างจังหวัด
แต่เอามาขับใน กทม ก็สามารถติดตามได้ด้วย
แต่ค่า gps ต่อเดือน ไม่ควรจะแพงมากนะ ปีละ 400 500 งี้
น่าจะพอโอเค เพราะปริมาณข้อมูลไม่น่าเยอะอยู่แล้ว
โดยกฎหมายฉบับนี้ยกเว้นรถของ...
แน่นวล 55555
ไทยจะเป็นประเทศแรกที่ทำ แปลได้ว่าแม้แต่เกาหลีเหนือก็ยังไม่ทำแบบนี้ ;)
That is the way things are.
** ซ้ำ **
That is the way things are.
บังคับติดกล้องหน้ารถ หลังรถ ก่อนเลยดีกว่าครับ
ติดตั้งแล้วยกเว้นภาษี 5 ปี ถึงจะโอเค
แข่งด้านละเมิดประชาชนกับจีนเหรอ จะดักฟังติดตามรถประชาชนทุกคันแบบหว่านแห โดยอ้างเรื่องทำผิดกฎหมาย?
เรื่องติด GPS tracking น่ะดีไม่เถียง ผมก็ติดรถทุกคัน แต่ผมทำเอง เห็นเองเฉพาะในครอบครัว ไม่ได้ให้คนนอก หรือรัฐมาคอยติดตามการเดินทางของรถแต่ละคัน
ถ้าอ้างว่าไม่ทำผิดจะกลัวอะไร อีกหน่อย รัฐขอฝัง chip ติดตัวเหมือนนักโทษจะสายเกินไป
เรื่องอ้างว่าทำไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตุอยากจะหัวร่อ ช่างเป็นความคิดที่ naive มากๆ ทุกวันนี้ผมเจอรถฝ่าไฟแดงตอนเช้ามืด รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ไม่ติดป้ายทะเบียน กลางเมืองหลวงเต็มไปหมด และไม่ใช่ว่า จนท.ไม่เห็น ผมเคยเจอตอนชั่วโมงเร่งด่วน รถพวกนี้ก็ทำ แต่จนท.ไม่ทำอะไร ไม่กล้าจับ กลัวทำรถติด ตราบใดที่การบังคับใช้ไม่เท่าเทียมไม่เข้มงวด มันก็ไม่ได้ช่วยลดอุบัติเหตุอะไรเลย
คุณติดกล้องจับความเร็วตัวละสิบล้าน แต่รถไม่ติดป้ายทะเบียนเต็มกทม. คุณขู่จะติด GPS ทุกคันแล้วไม่คิดหรือว่า ก็มีคนไปถอดออกอยู่ดี? ติดรถสาธารณะเห็นด้วยครับ แต่บังคับติดรถส่วนตัว อันนี้บ้าอำนาจไปแล้ว
ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับกับรัฐมนตรีท่านนี้ กฎมาแต่ละอันได้แต่ส่ายหน้าครับ จริงๆก็ทั้งหมดแหละ แต่ขอเพ่งเล็งคนนี้หน่อยเหอะ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
เป็นประเทศที่ไม่เข้าใจเรื่องสิทธิส่วนบุคคล/ความเป็นส่วนตัว อย่างแจ่มแจ้ง
ถ้าเราเป็นระบอบสัมคมนิยมนี้ ผมจะไม่ติดใจอะไรเลยนะ
สงสัยจริงๆครับ ว่าประเทศที่เจริญแล้วที่เค้าก็ไม่ได้ทำแบบนี้กัน ทำไมไม่มีปัญหาอุบัติเหตุแบบบ้านเรา?
ผมไปประเทศนึง ติดไฟแดง ไม่มีรถมา ไม่มีตำรวจ แต่รถก็จอดรอไฟเขียว ไม่ฝ่าไปแบบมอไซค์บ้านเรา
ออกนอกเมือง มี speed limit รถก็ขับกันแบบ limit + 10 ไม่ได้ซิ่ง
ทำไมกัน?
ประชาชนเราขาดวินัยครับ ทำอะไรก็ได้ที่เอาง่ายไว้ก่อนก็เลยต้องใช้อะไรแบบนี้ไว้ช่วยควบคุม
จริงๆบังคับใช้กฏหมายให้จริงจัง เดี๋ยววินัยก็มาครับ
อลุ่มอล่วยกันมานานมากละ
เถียงเลยครับ
เกิดจากระบบที่ไม่เท่าเทียม การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมมากกว่า
คุณไปจอดติดไฟแดง มีคนฝ่าไฟแดงสิบคัน แถมคันหลังบีบแตรไล่ให้คุณฝ่าไฟแดงไปอีก คุณจะเผลอใจตามไหม? มีคนขี่สวนเลนไม่ต้องไปกลับรถในที่กลับรถอีกหลายกิโลเมตรถัดไป คุณจะเผลอใจไหม? ผมเจอเพื่อนมอไซด์อ้างแบบนี้หลายคน คนอื่นเขาก็ทำกัน ทำไมต้องยอมติดไฟแดง ทำไมต้องยอมกลับรถไกล ในเมื่อมีคนจำนวนมากทำแล้วไม่โดนอะไร? ทำไมคุณต้องยอมลำบากกว่าใคร?
คุณขับรถเร็วเจอใบสั่งทางปณ. เพื่อนคุณมีเส้นสาย โทรไปขอเอาให้เอาใบสั่งจากระบบได้ คุณจะขับช้าลง หรือพยายามหาเส้นสายเลียนแบบบ้าง?
คุณทำผิดกฎจราจรร้ายแรงโดนศาลสั่งยึดใบขับขี่ แต่ด่านตรวจไม่มีระบบ online คุณก็แค่อ้างว่าลืมเอาใบขับขี่มา เสียค่าปรับหรือจ่ายสินบนนิดหน่อย ก็ผ่านได้ (ผมเองเห็นพวกที่เมาแล้วขับจนโดนสั่งยึดใบขับขี่ก็ยังขับกันทุกวัน)
ใครมาไทยก็ใจแตกหมดนั่นแหละครับ ไม่ใช่เพราะ"คนไทย" แต่เพราะระบบแบบ"ไทยๆ" เพราะถ้ามีเงินและอำนาจ ละเมิดหรือเอาเปรียบคนอื่นด้านกฎหมายง่ายนิดเดียว แล้วใครมันจะยอมโดนเอาเปรียบฝ่ายเดียว
ผมเชื่อว่าเราๆท่านๆในนี้ หลายคนมองไกล ถึงผลเสียจากการไม่เคารพกฎหมาย แต่คนอีกมากเขามองสั้นๆ ว่า เขาละเมิดตอนนี้ เขาได้เปรียบตอนนี้ ทำไมเขาต้องยอมลำบาก ในเมื่อมีตัวอย่างที่ทำแล้วไม่โดนอะไรอีกมากมาย?
ตามนี้ครับ ตัวอย่างเช่นถ้าผมจำไม่ผิด ใบขับขี่เยอรมัน กว่าจะได้ โคตรแพง ถ้าไปโดนยึดนี่จบเลย
นอร์เวย์ จอดในที่ห้ามจอด ผมเห็นค่าปรับแล้ว อื้อหือ...
ของไทยค่าปรับแม่งโคตรเศษเงิน แถมมีโปรโมชั่น จ่ายกับจ่าได้ลดพิเศษ คนมันถึงวัดดวงเอา เพราะถึงโดนก็ไม่เท่าไหร่ ในไทยสี่แยกหน้าสน. มอไซมันยังฝ่าไฟแดงกันเลย 555
ถ้าของเราค่าปรับมันหนักมาก จนถ้าซวยโดนจับแล้วไม่คุ้มแน่ๆ เดี๋ยวคนมันก็ไม่ทำเอง แต่ก็อย่างที่เห็น เรื่องที่ควรทำก็ไม่ทำ อย่างเรื่องห้ามนั่งกระบะ พอโดนด่าดันถอยซะงั้น แล้วก็มีตายไป
ผมว่าส่วนนึงมันเป็นที่จิตสำนึกด้วยนะ ตัวอย่างนึงที่ผมเจอกับตัวจักรยานยนต์ข้างหน้าผมกินน้ำเสร็จก็โยนถุงลงป่าข้างทางต่อให้กฎหมายใช้อย่างเท่าเทียมถามว่าใครจะรู้ครับนอกจากตัวเขาเองกับผม
ผมมั่นใจว่าบางประเทศไม่ได้จิตสำนึกดีกว่าบ้านเราหรอกครับ
ไปมาประเทศนึงนั่งแกร๊บเจอทุกรูปแบบ
วิ่งคร่อมเลน ขับจี้ ไฟเขียว บีบแตรทันที
แต่ไม่มีฝ่าไฟแดงนะ (เอ้ยๆ มีครั้งนึง)
กฏหมายถ้าบังคับจริงจัง แล้วโทษรุนแรงพอ คนจะเคารพ
ถ้ามันมีช่องทางหลีกเลี่ยงวัดดวงได้ คนก็เสี่ยงครับ แบบพวกเมาแล้วขับนั่นแหละ
คุณภาพประชากรที่แตกต่างกันเยอะมากครับ
จิตสำนึกต่ำ แต่ความเมอาแต่ใจและดันทุรังสูง
พอเริ่มบังคับใช้กฎหมาย หาว่ารังแกคนจน
และทำให้ใช้ชีวิตลำบาก ก็รวมตัวกกันออกมาต่อต้าน
สังคมไทยควรเจอ บังคับจัด ๆ แบบจีนซัก 10 ปี
แต่ก็ไม่รู้จะเอาอยู่ไหม
เอิ่มยกตัวอย่างจีนเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย?
มันจะไม่เป็นแบบนั้นถ้าคุณเป็นญาติของคนในพรรคคอมฯครับ
ปัญหาจริงๆ คือกฎหมายบ้านเรามันบังคับใช้อย่างไม่เท่าเทียมครับ ประชาชนเลยเป็นแบบนี้
อยากแก้ให้ได้จริงๆ คือต้องกล้าจับเสือครับ
ถ้าเสือยังกล้าจับ หมู หมา กา ไก่ก็มีรึจะกล้าครับ
และอย่าไปเอาอย่างจีนเลยนะครับ บ้านเขาเจริญได้แบบนั้นเพราะจำนวนประชากรครับเราทำแบบไม่ได้
ตัวอย่างที่ดีใกล้ๆ อย่างสิงคโปร์ ก็มีครับ
ตามความรู้สึกผมนะ
ถึงยังบังคับใช้กฎหมายกับคนใหญ่คนโตไมไ่ด้
แต่อย่างน้อยขอให้บังคับกับคนธรรมดาเหอะ กฎหมายจราจรก็ยังดี
อันนี้ปล่อยทุกชนชั้น สรุปเละกันระนาว
อย่างน้อยคนใหญ่คนโตมันก็ปริมาณไม่เยอะ
ไม่ได้สร้างความเละเทะเท่าปล่อยให้ทุกคนทำตามใจได้
/ ด้วยรูปแบบสังคมที่อยู่ ไม่เคยเดือดร้อนจากคนรวยอะ แต่ความลำบากจากคนธรรมดาเนี่ย เยอะมาก
ตรรกะป่วยมากครับ บังคับใช้กับคนธรรมดาก่อน คนส่วนมากมันควบคุมยากอยู่แล้ว คดีปลาซิวปลาสร้อยใครจะมาสนใจ
ถ้ามีข้อยกเว้นแบบนี้ทำไมเราไม่ไล่จากระดับบนลงมาด้านล่างแทนละครับ ผมว่าเราต้องบังคับใช้กับทุกระดับดีกว่าครับ
ขับรวยอยากทำผิดก็ทำได้งั้นหรอครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดแบ่งแยกความยุติธรรมตามชนชั้นแบบนี้ครับ
That is the way things are.
เรื่องที่มีผลกระทบต่อผู้อื่น อย่าใช้ความรู้สึกครับ
คือคนใหญ่คนโตจะสบายก็ช่างแต่คนทั่วไปต้องลำบากอย่างนี้หรอครับ? ทัศนคติแย่มากเลยนะครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ไม่ใช่แบบนั้นครับ
ผมหมายความว่า อยากให้เริ่มบังคับใช้กฎหมายสักที
จะจับคนแบบไหน ก็ขอให้มันได้เริ่มก่อน
ไม่ใช่มาอ้างว่า ทำไมไม่ไปจับคนใหญ่คนโตบ้าง จับแต่คนธรรมดาทำไม
แล้วมันก็ไม่ได้เริร่มบังคับใช้สักที
ถ้าเกิดมันได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายจริงจังแล้ว
คนใหญ่คนโตมันก็ไม่รอดหรอก
แต่ตอนนี้คือ มันไม่บังคับใช้จริงจังเลยไง
ปัญหามันเลยเยอะมาก
ผมเข้าใจแบบนี้ครับ แต่ไม่กล้าขวางกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก 555
ถ้าบังคับอย่างทั่วถึงไม่ได้ คนที่อยากทำผิด ขับรถเร็ว เค้าก็หาทางเลี่ยง เหลือแต่คนทำถูกที่ใช้ แล้วมันก็ไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ควรจะได้นะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตบบ่าเบา ๆ ผมเข้าใจคุณนะ อยากให้กฎหมายมันแรง ๆ ซะที ไอ้พวกคนรวยมันจะใช้เส้นสายรอดไปได้ก็ค่อยมาด่ามากดดันมัน เดี๋ยวคนจนทั้งหลายรู็สึกโดนอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้พวกคนรวยก็คงรอดไม่ได้ตลอดหรอก แต่ถ้าไม่เริ่มเลยก็คือไม่มีทางเริ่มได้อะ อย่างเมาแล้วขับเนี่ย พูดกันทุกปี มีคนตายทุกปี ลากคนอื่นไปตายด้วยทุกปี เป็นสาเหตุสคำคัญอันดับต้น ๆ ทุกปี แต่โทษเบาหวิว ต้องรอให้ชนคนตายก่อนค่อยโทษหนัก โคตรตลกอะ
แต่ประสบการณ์ผมต่างไปแฮะ ผมเจอรถแพง ๆ นิสัยเสียบ่อยมากกกกก (ถ้าไม่นับพี่แท็ก) คือถ้าเจอรถหรูเนี่ย เก็งไว้เลย 80% ขับ here แน่ ๆ เจอทั้งไม่เปิดไฟเลี้ยว ขับปาด เบรกกระทันหัน จะรีบไปตายที่ไหนไม่รู้ หยาบคาย (ยิงไฟสูง บีบแตร ทั้ง ๆ ที่เราก็ขับถูก แค่ไม่ทันใจพ่อคุณเค้า) จอดในที่ห้ามจอด (เจอบ่อยมากคือที่จอดรถคนพิการ) ส่วนรถธรรมดาเนี่ย มันเยอะไง มันก็ต้องมี here ปนอยู่เยอะอยู่แล้ว แต่ผมว่านับเป็น % อะ รถหรูเยอะกว่าเยอะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ตบบ่า เข้าใจคุณเหมือนกันครับ งงเหมือนกันว่าคนอื่นจะรีบหัวร้อนไปไหน เหมือนนึกอะไรไม่ออกก็รีบอ้างทันทีว่าทำไมพวกคนรวยไม่ไปจับ ไม่ทำอย่างงู้อย่างงี้ รังแกคนจนเหรอ บลา บลา บลา
ประเด็นคือการเลือกบังคับใช้ มันทำให้เกิดปัญหาไม่รู้จบไงครับ
ยกตัวอย่างจริงๆ ที่ผมยกตัวอย่างข้างบน คนจนโดนจับ แต่คนรวยมีเส้นรอด
คนจน ก็จะพยายามขวนขวาย มีเส้นตาม
เขาไม่ได้อ้างว่าเพราะไม่จับคนรวย เลยไม่เคารพกฎหมาย แต่เขาเห็นแล้วว่า มีช่องทางได้เปรียบ จากการใช้เส้นสาย เขาเลยทำเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือใช้เส้นที่หามาได้
แล้วปัญหามันก็เลยไม่รู้จบ ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีอะไรหรือเพิ่มโทษหนักแค่ไหน แต่ถ้ามีช่องให้คนรอด ก็จะมีคนขวนขวายไปทางนั้น แทนที่จะเคารพกฎหมาย
และอีกอย่างประเทศแถวๆนี้ แม้คุณจะทำถูกทุกอย่าง ก็อาจจะโดนช่องโหว่กลั่นแกล้งนะครับ ผมพูดเสมอว่า คำพูดว่าไม่ผิดจะกลัวอะไรนี่ naive ไร้เดียงสามากๆ เพราะในความเป็นจริง ผลกระทบของการบังคับใช้แบบไม่เท่าเทียม ก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ที่มันโยงใยซับซ้อนกว่านั้น
หรือแม้แต่การร้องเรียน ฟ้องร้อง ม.157 มีต้นทุนสูงนะครับ ถ้าไม่เป็นข่าวดังในโลกโซเชียล ยากมากที่จะชนะผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะที่โยงใยกับกระบวนการตัดสิน ไม่อยากจะยกตัวอย่างข่าวการเมือง แต่หลายๆอย่างมันก็เห็นๆอยู่ ทำแบบเดียวกัน ฝั่งนึงโดนก่อน อีกฝั่งดองเรื่อง ไม่ว่าจะอ้างว่ารายละเอียดต่างกัน หรือสู้ด้วยเทคนิคทางกฎหมายที่คนอื่นเลียนแบบไม่ได้ เช่นฝั่งนี้รีบฟ้องทันที อีกฝั่งรอส่งฟ้องช้าจนหมดอายุความ สุดท้ายไม่มีใครผิด แม้แต่คนที่จงใจส่งฟ้องช้าก็ไม่ผิดอะไร?!?!?!
ผมว่าเค้าก็ไม่ได้เถึยงนะว่าการเลือกบังคับมันทำให้เกิดปัญหา (ผมก็ไม่เถียงนะ) แต่ก็อย่างที่บอก มันเกิดปัญหาไม่รู้จบ และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะแก้ยังไงให้มันจบ ดังนั้นแทนที่จะพยายามแก้ปัญหาที่ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ยังไงก่อน ก็ปรับโทษให้มันหนักก่อนมั้ย อย่างน้อย "คนจนที่พยายามใช้เส้นสาย" มันก็ไม่ได้มีเยอะมากมาย คนธรรมดาที่ไม่มีเส้นสายมันก็ต้องกลัวบ้าง หรือต่อให้พวกมีเส้นสาย แต่โทษมันแรงมาก เส้นสายก็ต้องใหญ่มากขึ้นตามไปด้วยหรือเปล่า? ดังนั้นมันก็ควรจะมีคนที่มีเส้นสายเล็ก ๆ ไม่สามารถใช้เส้นสายช่วยได้เพิ่มขึ้นมา สถานการณ์โดยรวม (เฉพาะเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน) มันก็ควรจะดีขึ้น ส่วนเรื่องพวกมีเส้นสายก็หาวิธีแก้กันต่อไป
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
การแก้ป้ญหาด้วยการเพิ่มการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่การแก้ปัญหาไงครับ จะบอกว่ามีคนจนกลัว ก็ถือว่าได้ผลแล้ว แบบนี้เหรอ?
อย่างการใช้เส้นสายกับกฎจราจร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในประเทศไทยครับ คุณไม่แปลกใจหรือว่า ทำไมรถหรูๆแพงๆขับซิ่งแบบไม่กลัวใบสั่งทางปณ. เพราะเขาโทรไปกริ๊งเดียวยกเลิกหมดครับ
แล้วอย่างในข่าว การบังคับให้รัฐ"ติดตาม"การเคลื่อนที่ของประชาชน คุณมั่นใจแค่ไหน ว่ามันจะไม่เป็นช่องโหว่ให้มีการก่ออาชญากรรมได้ง่ายขึ้น(ทั้งโดยรัฐและโดยคนที่มีเส้นสาย)?
ผลกระทบมันร้ายแรงกว่าแค่หวังว่า คนจะขับรถเร็วน้อยลงเยอะเลยครับ
อยากแก้ไขปัญหา ต้องเริ่มที่รากของปัญหา ซึ่งผมก็คิดว่ามันยาก ไม่ได้บอกว่า ไม่ต้องพยายามแก้ปัญหาเลย แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่จะซ้ำเติม ให้เกิดช่องว่างในการละเมิดเกิดขึ้นง่ายขึ้นแบบนี้
ป.ล. คนจนที่พยายามใช้เส้นสาย ตอนนี้ก็คือชนชั้นกลางที่มีเส้นสายไงครับ :P
การแก้กฎหมายให้ลงโทษหนักขึ้น มันไปเพิ่มการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังไงครับ? ยกตัวอย่าง เพิ่มโทษเมาแล้วขับ เพิ่มโทษขับรถเร็วเกินกำหนด ตลอดจนไปเพิ่มประสิทธิภาพและความยากในการทำใบขับขี่ เพราะมองในมุมว่าประเทศเราอุบัติเหตุบนท้องถนนมันเยอะและรุนแรงมาก ต้องซีเรียสเรื่องการอนุญาตและการริบใบอนุญาตให้มากขึ้น แบบนี้มันละเมิดยังไงครับ ผมงงละเนี่ย?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
คุยกันคนละเรื่องไหม?
เพิ่มโทษ เราก็มีโทษรุนแรงไม่แพ้ประเทศที่เจริญแล้วหรอก อาจจะน้อยกว่าแค่ค่าปรับ แต่อย่างเมาแล้วขับ เราก็มีกฎหมายเพิกถอนใบอนุญาตกี่ปีก็ว่าไป
แต่ที่ยังไม่ดี คือการบังคับใช้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง(ดังที่ผมบอก พวกเมาแล้วขับ ก็ยังขับรถต่อเพราะไม่มีการตรวจสอบว่าโดนเพิกถอนจริง)
เมาแล้วขับชนคนตาย โทษสูงสุดก็คือจำคุก 10 ปีอยู่แล้วนะครับ หรือจะบอกให้เพิ่มโทษเป็นประหารชีวิต จะได้กลัวโทษ?!?!?
ที่เขาถกเถียงกัน คือเพิ่มมาตรการ ที่หมิ่นเหม่ละเมิดเสิทธิมนุษยชน อย่างการ tracking ติดตามการเคลื่อนไหวของรถยนต์ส่วนบุคคล"ทุกคัน" ตะหาก มันไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไร นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงของอาชญากรรมโดยรัฐไปเสียอีก
กลับไปอ่านต้น ๆ ทาง เออ จริงด้วยแฮะ เค้าไม่ได้พูดถึงเพิ่มโทษนี่นา ขออภัยครับ
แต่ก็มาถึงจุดนี้แล้ว ๕๕๕ ขอต่ออีกหน่อย เรื่องเมาแล้วขับ ผมไม่ได้ต้องการให้ถึงประหารชีวิตอะไรหรอก แค่อยากให้ "โทษขั้นต่ำ" มันสูงกว่านี้หน่อย จริง ๆ ก็แทบทุกเรื่องนะ ไม่ใช่แค่เมาแล้วขับ
เพราะที่ผ่านมาเห็นกันบ่อย ๆ โทษมันเบาหวิว ปรับไม่กี่พันแล้วแยกย้ายกลับบ้าน เพียงเพราะ "มันไม่เกิดเหตุร้ายแรง" มันเลยยังประมาทกันอยู่เนี่ย ต้องรอให้มันเกิดเหตุร้ายแรงก่อน ถึงจะปรับโทษให้หนัก ๆ ทั้ง ๆ ที่การขับขี่บนท้องถนนเราควรมองให้เป็นเรื่องซีเรียสหรือเปล่า? อ้างอิงจากสถิติ ไทยก็ติดอันดับโลก ถ้าแก้ปัญหาได้แล้ว อุบัติเหตุลดลงอย่างมาก ค่อยกลับมาใช้โทษเบา ๆ ผมก็ไม่มีปัญหานะ นี่เหมือนไม่พยายามแก้อะไรเลย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ประเทศที่เขาประสบความสำเร็จเรื่องการคมนาคมเขาทำอย่างไร
การบังคับติด GPS ทุกคันใช้ทรัพยากรสูงพอสมควร เทียบกับปัญหาที่ตั้งใจจะแก้มันเกาถูกที่คันหรือไม่
จู่ๆผุดไอเดียนี้ขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย แปลกจริง
คือถ้ามาในภาคสมัครใจ ติดแล้วให้ 3rd-party จัดการ ใครติดก็มีส่วนลดอะไรพวกนั้นก็ว่าไปอย่าง
นี่มาถึงก็บังคับ แถมให้ส่งเข้า ขส. ด้วย จะรอดมั้ยนั่น
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
อืม จอดรถอยู่บ้านเฉยๆ ก็ต้องจ่ายตังค์
ถ้าบังคับใช้จริงไม่ได้ ทำไปเสียแรงเสียงบประมาณเปล่า คนที่ทำผิดก็หาทางเลี่ยง ไม่ติด รบกวนสัญญาณ ฯลฯ แล้วก็ไม่มีคนตามให้ปฏิบัติ คนที่รับเคราะห์ไปก็มีแต่คนดี ปฏิบัติตามกฎ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ทุกวันนี้ค่าปรับคนก็ยังไม่ไปจ่าย ไม่เห็นบังคับได้เลย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
นักการเมืองท้องถิ่นไม่ถูกใจสิ่งนี้ ถ้าไม่ถอดทิ้งก็เปิด jammer ยาวๆ
ทุกวันนี้ติดกล้องหน้ารถจ้า ขับแช่ขวาก็ไม่ได้ พูดนินทาคนอื่นในรถยังไม่กล้าเลย
เอาตรงๆ แทบไม่มีประโยชน์เลย บังคับติด easy pass เพื่อบเก็บค่าไช้ถนน ช่วง prime time แบบสิงคโป ยังมีประโยชน์
แต่เข้าใจนะ ญาติๆ แก คงเตรียมตั้งบริษัท กินหัวคิวแล้ว
ทำไมไม่ติดเป็น Beacon แทน วางจุด track ตามถนน ดูใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่จะมาตามจิกรถด้วย GPS
คนจะขโมยมันก็มีเครื่อง GPS Jammer ใช้ครับอย่าแถ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
สมมุติว่าคุณดูภาพจากมุมสูง gps รายงานออกมาเป็นจุด เมื่อรถทุกคันมี gps คุณก็จะเห็นเป็นจุด จำนวณมาก
เมื่อมีการเปิด Jammer จุดจำนวณหนึ่งก็จะหายไปด้วย ... เหมือนกับบอกว่า คุณอยู่ตรงใหนเลยแหละครับ
ถ้าจะเอาจริงๆ ต้องไช้ Faraday cage เข้าสู้ ... แต่ GPS เดี่ยวนี้ก็ทะลุทะลวงเก่งนะครับ ... แล้วสัญญาน gps ที่มีอยู่ แต่จู่ๆก็หายไป ก็น่าจะ alert เจ้าของ / ตำรวจ ได้ระดับหนึ่ง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
gps jammer มันส่งผลแค่ที่แคบๆ ก็ไม่ต่างจากสัญญาณหลุดแค่คันเดียวไงครับ และรถก็ไม่ได้จอดเฉยๆ ขับไปเรื่อยๆ ยากมากที่จะจับผิด โทษเครื่องเสียก็ได้
GPS ทะลุทะลวงเก่ง? เจอฟิล์มปรอทถูกๆบางยี่ห้อก็เดี้ยงแล้วครับ กับรถบางคันผมยังต้องหาเสาต่อ repeater แบบ active เพื่อรับสัญญาณ GPS อยู่เลย หรืองบน้อยเอาถุงผสมใยโลหะครอบ ก็จบ..
เขาจะทำเพื่อประชาชน ก็ต่อเมื่อประชาชนให้คุณให้โทษเขาได้
นอกเหนือจากนั้นประชาชนคือเหยื่อโอชะ
ก็มี Fake GPS locator ขายอยู่นะ ยังไงก็จัดการไม่ได้ เสียงบประมาณและเงินภาษีเปล่าๆ เรื่องโง่ๆ นี่คิดได้คิดเอา พอๆ กับแบนสารเคมีการเกษตรที่ยังดราม่ากันอยู่เลย
พูดเลย เอาเวลาไปบังคับกฎหมายให้เคร่งครัดและทำใบขับขี่ให้ยากขึ้นก็ช่วยได้แล้ว ทำผิดก็โดนตัดแต่จนกระทั่งห้ามขับยานพาหนะทุกชนิดถาวร ง่ายกว่า
บย้านเราไม่ไปไหนก็เพราะประชาชนห่วยๆ กับรัฐบาลห่วยๆ เนี่ยแหละ ลองให้ปกครองกันเองสิ ทุกอย่างจะจบ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
(ขอสแปมนิด)จำกระทู้นี้กันได้ไหม? - เลื่อนเบาๆลงไปที่ความเห็นที่ 27 กันนะ
https://pantip.com/topic/35589452
นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่ามีประโยชน์ตรงไหน ค่าใช้จ่ายสูงและเป็นภาระผู้ใช้เกินไป
เรื่องกันขโมย - โจรก็ถอดออกได้
เรื่องจับความเร็ว - ไปคุมที่คันเร่งเลยยังง่ายกว่า
เรื่องการจราจร - ใช้ตัวตรวจจับแบบป้ายจราจรอัจฉรินะในกทม.ก็แม่นพอแล้ว ไม่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลด้วย
ที่สำคัญคือถ้าอุปกรณ์ทั้งหลายอยู่ที่ผู้ใช้เอง ถ้ามีคนคิดไม่ดีก็ถูกดัดแปลงได้หมดอ่ะ
มีที่ไหนใช้หรือยังครับ
มีที่ไหนใช้หรือยังครับ
“Whosoever holds this hammer, if he be worthy, shall possess the power of Thor.”
เห็นด้วย แต่อยากให้นำร่องกับรถราชการและรถโดยสารสาธารณะก่อน ไม่ใช่นำร่องติดอย่างเดียวนะครับ
ต้องนำร่องเรื่องการใช้งานและประโยชน์ที่ภาคประชาชนจะได้รับด้วย
ถ้านำร่องไม่ work ก็ยกเลิก
คือไม่ใช่ติดไปก่อน เรื่องอื่นค่อยคิด
โยนหินถามทางล่ะ คนด่าเยอะๆก็เลื่อนเอง
ได้อุปกรณ์ติดตามเป้าหมายแบบใหม่ใช้ในกองทัพแล้ว สะดวกกว่าการตามรอยด้วยมือถือเยอะเลยแถมแม่นยำมากด้วย~~~ เผลอๆ ไอบริษัทที่รับติดเอามาขายต่อให้ใครที่มีเงินจ่ายได้อีกต่างหาก อยากรู้ว่าใครไปไหนก็แค่ใส่ชื่อ ง่ายจะตาย~~~
ปล. อย่าบอกว่ามีกฎหมายนู้นนี้นั้นเพราะความมั่นคง force ได้ทุกกฎ... อย่าเป็นคนที่ผิดใจกับพวกเขาก็แล้วกัน
ถ้าจำไม่ผิด รมต. ท่านนี้เพิ่งออกมาบอกว่าอยากให้ถอด GPS รถตู้เพื่อลดต้นทุนนี่นา ตกลงจะเอาไงกันแน่ให้ถอด GPS รถสาธารณะแล้วติดรถส่วนตัวแทน?
อเมริกา บังคับติดในรถบรรทุก
เอาจริงๆ ถ้ามี ก็คงดี
แต่เรื่องค่าใช้จ่าย และค่ารายเดือนนี่น่ะสิ
ควรจะเป็นแค่ 300/ ปี
กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ รถโดยสารสาธารณะทุกประเภทและรถตู้ (ยกเว้น รถสองแถว, รถหมวด 4 และรถหมวด 1 ภูมิภาค) รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป) ที่จดทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ต้องติดตั้ง GPS และเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบก โดยจัดเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลการใช้ความเร็ว, ชั่วโมงการขับขี่ และตำแหน่งพิกัดของรถ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือ ที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ขับรถ เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารการขนส่งทางบกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ก็อปมาจาก กรมการขนส่งทางบก ครับ
สรุปว่ายอมถอยละ
https://www.thairath.co.th/news/business/1688040
บทสรุป..เหมือนกฏห้ามนั่งท้ายรถกระบะแน่นอน