Reed Hastings ซีอีโอ Netflix ได้เข้าร่วมงานเสวนา DealBook ที่นิวยอร์ก โดยให้ความเห็นและตอบคำถามเกี่ยวกับสงครามสตรีมมิ่งซึ่ง Netflix เป็นผู้นำตลาดอยู่ แต่กำลังถูกท้าทายจากคู่แข่งรายใหญ่จำนวนมาก ที่เริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี
เขาบอกว่าระยะเวลารับชมของผู้ชมจะเป็นตัววัดการแข่งขันที่แท้จริงว่าใครแพ้ชนะ แม้จากนี้เราอาจได้ยินการนำเสนอตัวเลขจำนวนผู้สมัครใช้บริการของแต่ละค่าย แต่ตัวเลขเหล่านี้ยังไม่มีความหมาย เพราะหลายครั้งเกิดจากการขายผ่านแพ็คเกจพ่วงในรูปแบบต่าง ๆ สิ่งที่ต้องดูคือในแต่ละคืน คนเลือกชมอะไรกันแน่
ที่ผ่านมา Hastings ให้ความเห็นมาตลอดว่าคู่แข่ง Netflix จริง ๆ คือกิจกรรมที่ดึงสายตาคนดู ไม่ว่าจะเป็น ทีวีปกติ, YouTube, วิดีโอเกม ไปจนถึงเวลานอน
เมื่อถามถึงบริการคู่แข่งที่เขาสนใจ Hastings บอกว่า Disney+ เป็นบริการที่เขาจะสมัครใช้งานทันทีที่เปิดให้บริการ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้เรียนรู้หลายอย่างจากดิสนีย์ในด้านสื่อบันเทิง
ที่มา: CNBC
ภาพ Getty Images
Comments
นึกว่าวัดด้วยกำไรที่ได้ซะอีกนะเนี่ย ?
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
5555 อย่าเอาเรื่องจริงมาพูดครับ
ผมเข้าใจว่าเขาตั้งใจแซะ Apple TV+ นั่นล่ะครับ เพราะเขาคาดแล้วว่าตัวเลขผู้ใช้จะเหยียบ Netflix เร็วๆ นี้จากมหกรรมการแจกสมาชิกฟรี ซึ่งมีประเด็นสองสามอย่าง
lewcpe.com, @wasonliw
แต่ผู้ถือหุ้นชอบกำไร…
อย่าลืมลบเวลาไถเลือกหนังที่จะดูนะครับ
เวลาที่ "chill" ด้วยครับ
ผมชอบความคิดเรื่องคู่แข่งนะ เหมือนไม่ได้แข่งกับเจ้าอื่นในตลาด
แต่แข่งกับคนดู แข่งกับตัวเอง
ปรกติมันต้องวัดที่กำไร มีที่ไหนวัดที่เวลาดู
กำไรก็ต้องดู แต่มันเป็นตัวที่ช้าไปครับ ทุกธุรกิจดูตัวชี้วัดอื่นประกอบทั้งนั้นที่จะบอกถึงกำไรในอนาคต เช่นจำนวนสมาชิกเสียเงิน เพราะบางครั้งบางธุรกิจยังไม่กำไรในช่วงแรก แต่จำนวนสมาชิกบอกถึงโอกาสในอนาคตได้มากกว่า ในกรณีนี้ netflix เค้ามองจำนวนเวลาที่ใช้ดูมากกว่าจำนวนสมาชิก หรืออย่างพวก social network เค้าก็ดูจำนวน active user กัน หรือจำนวนชั่วโมงที่ใช้เวลาในระบบ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คือจะไปวัดกำไร ตอนนี้คงติดลบแดงเถือกครับ พี่เล่นอัดเงินลงไปที่ original content เสียขนาดนั้น (เสี่ยงที่จะไปวัดกันในระยะยาว) เลยต้องเลี่ยงมาวัดเวลาที่ผู้คนใช้ในการรับชมเนื้อหาเอาแทนครับ จะได้ดูว่ามีอนาคต
Netflix กำไร (ทางบัญชี) นะครับ แต่กระแสเงินสดติดลบ ก็กู้มาเติมเรื่อยๆ
ส่วนจะเชื่อว่าจริงๆ กำไรไหม แอบหมกการขาดทุนไว้เป็นมูลค่าคอนเทนต์ที่ซื้อมารึเปล่า อันนี้ต้องไปส่องเกินที่รายงานตลาดหลักทรัพย์ละ
lewcpe.com, @wasonliw
ปกติช่วงลงทุนยังไม่เห็นกำไร เค้าจะต้องหาเมทริกมาวัดการเติบโต ซึ่งหลายบริษัทใช้จำนวนผู้สมัครใหม่หรือผู้ใช้งาน ซึ่ง ceo netflix เค้าก็บอกว่ามันไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง ซึ่งผมเห็นด้วย อย่าง Youtube ยังตั้ง OKR เป็น play time คล้ายๆ กันเลย
มีคนอยู่กับระบบนาน ระบบมันก็มีคุณค่าไง
เห็นด้วย
เหมือนคนที่วิ่งไปไกลแล้วตะโกนกลับมาบอกคนที่เพิ่งเริ่มวิ่งว่า วัดกันที่ระยะทางนะน้อง
CEO ทุกบริษัท
"ความสำเร็จของธุรกิจนี้วัดกันที่ (ตัวชี้วัดอะไรก็ได้ที่เราเหนือกว่าคู่แข่ง)"
ปล. แต่อันนี้ผมเห็นด้วยกับ CEO Netflix นะ