ต้นปีที่แล้ว Huawei ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐ โดยระบุว่าคำสั่งแบนของรัฐบาลผิดรัฐธรรมนูญ ล่าสุดศาลมีคำสั่งติดเป็นประโยชน์กับรัฐบาลพร้อมตีตกคำร้องของ Huawei
ผู้พิพากษา Amos Mazzant ระบุว่าคำสั่งซื้อขายของภาครัฐเป็นเอกสิทธิ์ของรัฐบาล (ในการตัดสินใจว่าจะซื้อขายกับใคร) ไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แถมระบุด้วยว่า Huawei ก็ยังคงสามารถทำธุรกิจกับเอกชนหรือบริษัทไหนก็ได้ในสหรัฐและอีกกว่า 169 ประเทศที่ Huawei ทำธุรกิจด้วยมาโดยตลอด
ด้าน Huawei แสดงความผิดหวังต่อคำตัดสินนี้ โดยโฆษกระบุว่าเข้าใจเรื่องความมั่นคงของประเทศ แต่มาตรการของรัฐบาลเป็นการป้องกันภัยคุกคามที่ผิดที่ผิดทางและละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญของ Huawei
ที่มา - WSJ
Comments
ผมอ่านโดยไม่รู้ลึกๆว่า รธน. ระบุว่าไงนะ
คือมองว่ารัฐบาลเป็น
นิติบุคคล และ เพื่อความมั่นคงจะกระทำการการจัดซื้อ
จัดจ้างเจาะเจงเพื่อเป็นการเอื้อใครก็ได้หรอ
คือผมอ่านแล้วเหมือนจะบอกว่า
"เฮ้ ไอไม่เลือกยู ไอมีเอกชนขายไอไม่ได้ปิดกั้น
แถมยูยังขายได้ทั่วโลกนะ ไม่มีปัญหาหรอก
ถ้ายูขายไมไ่ด้มันเกี่ยวกับความสามารถของยู"
แถมยังไม่พูดเรื่องไปกดดันประเทศพันธมิตรอีก
มันขัดกับหลักการเสรีประชาธิปไตยที่ยังไงๆอยู่นะ
แล้ว ถ้างั้นคนในประเทศบอกให้แทรกแซงราคา
ค่าสาธารณสุขก็ได้งั้นสิ เพราะ เป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลจะตั้งโรงงานแล้ว
มาขายเวชภัณฑ์แข่งกะเอกชนเพื่อกดราคาลงก็ได้หนิ? ในเมื่อไม่ต้องสนใจแล้วก็
ตั้งบริษัทฯขายของ บริการบังคับทุกคนใช้โซเชียลของรัฐไปเล้ยยยยยยย
อ่านแล้วยังกะศาลประเทศแถวๆนี้ยังไงไม่รู้
เมื่อจั่วหัวด้วยความมั่นคงมันจะบิดตรรกะเฉพาะบางเรื่องได้
อย่างหน้าตาเฉย ถึงแม้จะสมเหตุสมผล แต่ก็ทำใจยอมรับไม่ได้
ยังไงไม่รู้
กฎกติกาต่างๆ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของประชาชน มันเป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ดังนั้นในทางทฤษฎีอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศก็จะมีการตรากฎหมายออกมาควบคุม ดูแล เพียงแต่ในบางประเทศ คนออกฏหมายก็ถูกควบคุมด้วยผลประโยชน์จากกลุ่มบุคคล มันทำให้นิยามของมันผิดเพี้ยนไป
กรณีนี้ผมว่าเข้าเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ ถึงคนอื่นจะมองว่ายังไง เขาก็ต้องหาทางลงให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศตัวเองนั่นแหล่ะ
ผลประโยชน์ของประเทศ หรือผลประโยชน์ของใครครับ
ในเมื่อทางรัฐไม่มีหลักฐาน ว่าทางหัวเหว่ยส่งข้อมูลให้รัฐบาลจีน
มันเป็นการใช้ devil's proof โดยจะให้หัวเหว่ยหา
หลักฐานในสิ่งที่ไม่มี มันตะเป็นไปได้อย่างไร
ในประเทศที่บอกว่าตัวเองเป็นประเทศเสรีมันขัดใจมากๆ
และยิ่งเป็นการอ้างโดยรัฐ ผมว่าเข้าขั้นไร้หลักการเลยนะครับ
ถ้าบอกเพราะceo มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ รบ.
ยังฟังดูขึ้นกว่าอีกนะ
ถ้าจะเสียเวลางี้บอกเลย คดีนี้ไม่รับพิจารณาเะฝพื่อความมั่นคง ไม่ดีกว่าหรอครับ
หลักการคืออะไร ? คือสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาใช่ไหม ถ้าใช่ก็ย้อนกลับไปอ่านอีกรอบว่าหลักการต้องยึดอยู่กับอะไร เสรีภาพมันก็คำที่กล่าวอ้างขึ้นแค่นั้นแหล่ะ สุดท้ายผลประโยชน์ที่ลงตัวเท่านั้นแหล่ะ ที่จะทำให้การต่อรองทุกอย่างสำเร็จ ลองให้หัวเหว่ยบอกว่าจะวาง Black Door ในอุปกรณ์ให้ทางสหรัฐด้วยสิ แล้วให้แชร์ข้อมูลร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศเป็นความลับไม่ให้คนอื่นรู้ แล้วดูสิว่าสหรัฐจะยอมหรือเปล่า
"ผมอ่านโดยไม่รู้ลึกๆ ว่า รธน. ระบุว่าไงนะ"
นั้นผมว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนออกตัวแรงเลยครับ เดี๋ยวจะเหมือนผลสำรวจเร็วๆ นี้ที่คนจำนวนมากบอกว่าเป็นฮาร์ดคอร์การเมืองอ่านข่าวทุกวัน แต่กลับไม่รู้ว่าหลายๆ คนที่ออกสื่อบ่อยๆ นั้นความจริงไม่ได้เป็นสส.
เวลาเขาบอกว่าเสรีหลักๆ คือเสรีทางความคิดและการแสดงออกหรือการกระทำที่ไม่กระทบคนอื่น ผมไม่ได้มีสิทธิเสรีจะเดินเข้าบ้านใครไปทั่ว เช่นกันเราก็ไม่มีเสรีในการละเมิดกฎหมาย ดังนั้นหลายๆ อย่างที่มีตัวบทกฎหมายไว้ตราบใดที่กฎนั้นไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็ย่อมแปลว่าเราไม่สามารถละเมิดได้ รธน.ประเทศเขาไม่ได้ระบุว่าใครใคร่ค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าวัวค้า ผมอยู่ๆ จะทำอาหารมาเดินขายตามถนนไม่ได้ มันมีกฎหมายควบคุม ห้องครัวผมต้องสะอาดกิจการผมต้องจ่ายภาษี ผมจะไปเที่ยวรักษาคนไข้ ผมก็ต้องเรียนจบแพทย์มีใบประกอบโรคศิลป์ ฯลฯ สังคมมีกฎเกณฑ์ อันแบบไม่กฎเลยเขาเรียกไร้ขื่อแป ไม่ใช่มีเสรีภาพ
ส่วนประเด็นว่าการที่รัฐบาลจะผลิตยามันไปละเมิดรัฐธรรมนูญข้อไหน? มันอาจจะดูย้อนแย้งกับแนวคิด laissez-faire แต่ก็อีกล่ะ นั่นไม่ใช่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ รัฐบาลสร้างถนนได้ รัฐบาลเป็นเจ้าของกิจการรถไฟ โอ๊ย จิปาถะ
แล้วเรื่องความมั่นคงก็เป็นเหตุที่ฟังขึ้น แต่การที่ความว่าประเด็นใดเป็นความมั่นคงก็อีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องกดดันชาติอื่นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตยอะไรเลย เพราะประเทศอื่นๆ เขามีอธิปไตยของเขา เขากดดันด้วยอิทธิพล เขาไม่ได้มีอำนาจบังคับ
+1
เสรีภาพตามกฎหมาย สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ว่าจะอนุญาตให้ใครมาค้าขายอะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้ ถ้าการค้าขายทุกอย่างมันต้องเสรีหมด แล้วแต่ละประเทศมีกำแพงภาษีได้อย่างไร ?
อยากให้มองกันตามความเป็นจริงครับ
That is the way things are.
อันนี้ผมไม่ได้ ออกตัวแรงนะครับ
อาจจะเข้าใจผิดเลยขอแก้ตัวละกัน
ผมสรุปละกัน
1. เหตุผลการอ้างของศาลมันดูทำให้นิยามหลายๆตัวเบลอไป
ซึ่งส่วนตัวสำหรับผมรับแบบนี้ไม่ค่อยได้
2. ด้วยพฤติกรรมของประเทศ เองทำให้ผมดูว่า
การอ้างคำว่าความมั่นคงในเรื่องนี้ เลยทำให้เหตุผลของศาลมันเบาเกินไปหน่อย
3. ผมกก็เข้าใจว่าไม่ใช่ครั้งแรก มันก็พอๆกับตอนที่เมกาไปจับมือกับเหมาหนะหละครับ
แล้วทำโซเวียดเหงื่อตกพลั่กๆ
อันนี้ผมสงสัยนะ
การกดดันผู้อื่นโดยใช้อิทธิพล โดยไม่มีอำนาจบังคับมันมีด้วยหรือครับ
มันมีอิทธิพลเพราะมันมีอำนาจอยู๋ข้างหลังไม่ใช่หรือ?
ไม่ว่าจะอำนาจทางทหาร หรือ ทางเศรษฐกิจ
แบบสงครามการค้า อยู๋ที่ว่าจะงัดออกมาใช้หรือไม่?
ความคิดผมนะ
ศาลก็ของเขา ประเทศก็ประเทศเค้า ไปสู้ในกติกาที่ตัวเองเสียเปรียบยังไงก็แพ้
งั้นก็ไม่ควรพูดว่าตัวเองเป็นประเทศเสรีนะครับ
สำหรับผมความเข้าใจว่าประเทศเสรีคือ เสรีของประชาชนเค้านะครับ ไม่ได้หมายความว่าเสรีที่ใครประเทศอื่นจะเข้ามาทำอะไรก็ได้
เสรีทางการแสดงออกครับ ไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ อันนั้นเรียกว่าจลาจล ไม่มีกฎหมาย
ผมจะอยู่ๆ เดินไปต่อยหน้าคนที่พูดไม่เข้าหูไม่ได้ แต่ผมบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าผมไม่พอใจได้
ผมก็ไม่ได้จะให้เสรีขนาดนั้น แต่เสรีในที่นี้คือเสรีในการแข่งขัน ตราบใดที่เค้ายังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ควรจะเป็นสิทธิของประชาชนในการเลือกซื้อมากกว่า
ส่วนตัวอยากเห็นใจความสำคัญว่าเอกสารหลักฐานที่กล่าวหาต่อ Huawei มีความจริงมากน้อยแค่ไหน
That is the way things are.
"แถมระบุด้วยว่า Huawei ก็ยังคงสามารถทำธุรกิจกับเอกชนหรือบริษัทไหนก็ได้ในสหรัฐ"
แบบนี้ก็เท่ากับเอกชนมีสิทธิซื้อขายได้โดยรัฐบาลห้ามไม่ได้สิ เพราะ " (ในการตัดสินใจว่าจะซื้อขายกับใคร) "
ถ้าห้ามเท่ากับละเมิด ?
นั่นสิ แล้วเมื่อไหร่ Huawei จะกลับมาใส่ GMS ได้สักที
เหมือนศาลทำมึนเรื่อง Entity List
เอาง่าย สหรัฐฯ จะทำอะไรก็ได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และเพื่อคงอยู่ในฐานะประเทศมหาอำนาจ ส่วน Huawei ก็ไม่ได้เป็นบริษัทใสสะอาดด้วยเช่นกัน ที่อาจจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน มองได้สองแง่นะ
แต่เมื่อจะห้าม คัดค้าน หรือแบนอะไรก็ตาม ขอให้มันมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ มันยากนักเหรอ เหมือนกับตอนที่บุกอีรัก ที่อ้างว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็หาไม่เจอ ไร้หลักฐาน กลายเป็นสร้างความวินาศให้กับประเทศและพื้นที่แถวนั้น
ถึงกระนั้น สหรัฐฯ ก็ลอยตัวสบายๆ แม้ไม่มีหลักฐาน และไม่มีใครกล้าหือ ยกเว้นจีนกับรัสเซียที่กล้าคานอำนาจ ต่อให้ไม่มีใครดีทั้งหมดก็ตามที พูดง่าย ๆ ว่า ทุกฝ่ายทำเพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งนั้นเลย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทำธุรกิจได้หมายความว่ายังไงหว่า งั้นก็กลับมาค้าขายเหมือนเดิมอ่ะนะ
"สามารถทำธุรกิจกับเอกชนหรือบริษัทไหนก็ได้ในสหรัฐ"
ดูย้อนแย้งนะ บอกทำธุรกิจกับบริษัทเอกชนได้
แต่พอบริษัทไหนในสหรัฐ ทำการค้ากับหัวเหว่ย รัฐบาลก็ออกมากดดัน และห้าม คืออะไร
ดูแล้วหลายคนไม่เข้าใจ
สหรัฐฯ เขาห้ามหน่วยงานตัวเองครับ หน่วยงานรัฐบาลครับโปรดเข้าใจด้วย ข่าวก็เขียนอยู่ว่าภาครัฐ ดังนั้นประชาชนอยากซื้อมือถือหัวเหว่ยก็ทำไป บริษัทไหนอยากให้พนักงานได้ใช้ HMS ก็ซื้อไป
ผมคนนึงที่ไม่เข้าใจอย่างแรงว่า ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วแปลว่า Huawei สามารถกลับมาคุยกับ Google ได้แล้วใช่ไหม?
Huawei ได้ต่อลมหายใจอีกครั้ง … กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ขยายระยะเวลาการแบนอีกรอบ
แบบนี้แปลว่า Huawei สามารถกลับมาใช้ GMS ได้ถูกรึเปล่า
แล้วที่ออก list ที่ต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐก่อนคืออะไร
ใจเย็นนะครับ ข่าวนี้ huawei ยื่นฟ้องรัฐบาลเมื่อต้นปีที่แล้ว (ต้นปี 2019) น่าจะหมายถึงข่าวที่ห้ามหน่วยงานรัฐภายในสหรัฐใช้อุปกรณ์ huawei นะครับ
ไม่น่าเกี่ยวกับที่ห้ามเอกชนทำกิจการร่วมกับ huawei ที่โดนแบนช่วงปลายปี 2019
A smooth sea never made a skillful sailor.
นี่คือข้อดี(?)ของการที่ผู้พิพากษายึดโยงกับประชาชนแบบที่นักการเมืองบางคนฝันถึงไงครับ
(District court, Supreme court นี่ผู้พิพากษา appointed by then sitting president อะนะ)
แค่นี้ก็น่าจะชัดอยู่แล้วนะ
ยังจำสมัยก่อนที่อเมริกายกเลิกคำสั่งแบนขาย iphone ที่ samsung ชนะฟ้องละเมิดสิทธิบัตร
สหรัฐทำอะไรไม่มีทางผิดหลอกจะแบนใครจะฆ่าใครไม่จำเป็นต้องมีหลักฐาน พูดถูกเสมอดีที่สุดในโลกพวกเราต้องออกมาปกป้อง
+1
น่าสนใจ
งั้นถ้าหัวเหว่ยไปฟ้องศาลเรื่องสหรัฐละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญที่บังคับไม่ให้เอกชนทำการค้าขายด้วย โดยอ้างอิงคำตัดสินฉบับนี้ จะสามารถทำได้รึเปล่าครับ?
ใครพอมีความรู้เชิงกฏหมายพอจะทราบมั้ยครับว่ามันอ้างอิงข้ามกันแบบนี้ได้รึเปล่า
ส่วนตัวแอบรู้สึกโอเคนะครับ
ไอ้เสรีมันก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คือ ผลประโยชน์ของคนในประเทศต้องมาก่อน
ประเทศที่เป็นที่ 1 ด้านนี้มาตลอด จะยอมไปใช้ของประเทศอื่นทำไม
ในเมื่อมีบริษัทในประเทศที่มีความสามารถที่จะทำเองได้ แค่อาจรอนิดหน่อย
โลกนี้สำหรับมนุษย์ ไม่มีเสรี 100% หรอกครับ
ถ้าจะเสรี 100% อาจต้องไปอยู่กับสัตว์ในป่า ?
จริง พี่จีน ก้ยังพยาม สกัด พวก บริการ จาก บริการเลย แล้วดัน ของ ตัวเอง มาแข่ง
ไม่เข้าใจว่าทำไมมีคนคิดว่าไอ้กันทำไม่ถูกกันนะ ประเทศไหนจะปกป้องผลประโยชน์ตัวเองมันเรื่องปกตินี่ ข้อมูลลับนะเฮ้ย จะให้ใช้ infrastructure ของชาติศัตรูส่งข้อมูลมันใช่เรื่องหรือนี่ ละคำว่าเสรีนี่ใช่ว่าจะให้ใครที่ไหนก็ได้เข้าประเทศ สิทธิเสรีภาพเขามีไว้ให้กับคนประเทศตัวเอง และใช่ว่าสิทธิเสรีภาพหมายถึงจะทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะทำเรื่องที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติตัวเอง
(ซ้ำ เมื่อไร Blognone จะป้องกันการ submit ซ้ำได้นะ)