Gabe Newell ผู้ก่อตั้ง Valve ให้สัมภาษณ์กับ Edge Magazine ถึงพัฒนาการของ Steam และการเกิดขึ้นของ Steam Workshop ว่ามีจุดหนึ่งที่ Valve เริ่มมองว่าเกมเป็นมากกว่าแค่ความบันเทิง และสามารถเป็น “productivity platform” หรือ “แพลตฟอร์มสร้างผลผลิต” ได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์แนวคิดนี้ Gabe Newell จึงตัดสินใจลงไปเป็น gold farmer หรือการหาไอเท็มมาขายเป็นเงินจริงในเกม World of Warcraft ด้วยตัวเอง (นึกถึงการขายเอ็มในเกม Ragnarok) โดยเขาสามารถทำเงินได้ถึง 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อเทียบกับค่าจ้างรายชั่วโมงของหลายที่ในโลก
หลังจากที่ได้เห็นการทำงานของเศรษฐกิจในเกมอย่างใกล้ชิดแล้ว Valve จึงเริ่มสร้าง Steam Workshop ขึ้นมา เพื่อให้ผู้เล่นสามารถขายไอเท็ม หรือ mods ต่างๆ ได้ และสามารถทำรายได้ให้หลายๆ คนได้มากกว่า 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ Gabe ยังเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งที่มีพ่อแม่ของเด็ก โทรมาหา Valve เพราะ PayPal แจ้งเตือนว่ายอดเงินที่ลูกของพวกเขาได้รับ เกินลิมิตของเงินที่บัญชี PayPal รับได้ต่อเดือน และลูกของเขาอาจกำลังขายของผิดกฏหมาย หรือค้ายาเสพติดอยู่ จน Gabe ต้องแจ้งว่า “ลูกของคุณขายของใน Team Fortress Workshop เขาทำเงินได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ต่อปีเลยนะ” และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ Gabe เชื่อว่าการมองเกมเป็นแพลตฟอร์ม เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และทำให้ Valve ใช้มุมมองนี้ในการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ในเกม multiplayer มาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Gabe ยังพูดถึงมุมมองของเขาต่อ Epic Game Store และการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้นของสโตร์ขายเกมแบบออนไลน์ โดย Gabe บอกว่าเขามีปัญหากับ Apple Arcade และการที่ผู้คนเริ่ม “ตกหลุมรักวิธีที่ Apple พยายามควบคุมทุกอย่าง” มากที่สุด
ที่มา - PCGamer
Comments
ผมก็เคยขาย m เกมส์ ragnarok แต่ผมคิดอะไรไม่ออก
น่าสนเดียวลองศึกษาดู ทำงานเสริมมาเยอะแล้วแต่สายนี้ไม่เคยทำเหมือนกัน
รอกน่ารัก (Ragnarok) ผมเล่นตอนแจกแผ่น beta เล่นฟรี ยังคิดว่าเอาชีวิตไปฝากเซิฟ มันจะดีเหลือว้า พอเป็นตัวเต็ม เล่นไปพักนึงก็ให้ user เด็กที่เล่นข้างๆในไปเลย แต่เห็นว่า มีคนขาย เอ็ม แถวบ้านขายจนได้ วีออส ไปคันนึงนะครับ ซื้อเงินสดด้วยนะ
ทรงเป็นทั้งผู้ให้ และ ผู้ทวงคืน ... เอ๊ะ แปลกๆ
The Dream hacker..