รัฐบาลเยอรมนีออกแถลงการณ์เตรียมใช้ Contact Tracing API ของกูเกิลและแอปเปิล โดยทิ้งแนวทางการสร้างโปรโตคอลของตัวเองหลังจากแอปเปิลไม่เปลี่ยนท่าทีที่ไม่อนุญาตให้แอปพลิเคชั่นปล่อยสัญญาณ Bluetooth Low Energy (BLE) ด้วยตัวเองเมื่อทำงานเบื้องหลัง
แหล่งข่าวในรัฐบาลเยอรมนีระบุกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่าแอปเปิลปฎิเสธที่จะเปลี่ยนแนวทาง โดยระบุว่าไม่มีแนวทางอื่นนอกจากรัฐบาลจะเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาแอปเท่านั้น
Contact Tracing API ของแอปเปิลและกูเกิลเป็นแนวทางแบบไร้ศูนย์กลาง (decentralized) นั่นคือฐานข้อมูลการเข้าใกล้ระหว่างกันจะอยู่ในโทรศัพท์ทั้งหมด เมื่อพบผู้ติดเชื้อและหน่วยงานสาธารณสุขได้รับโทรศัพท์ของผู้ติดเชื้อแล้ว การค้นหาผู้ที่เคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อจะต้องอาศัยการส่งข้อมูลแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์ทุกเครื่องเพื่อให้แต่ละเครื่องตรวจสอบตัวเองว่าเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อหรือไม่ จากนั้นแอปของหน่วยงานสาธารณสุขจึงบอกกับผู้ใช้อีกครั้งว่าควรปฎิบัติตนอย่างไรหากเคยเข้าใกล้
แนวทางของรัฐบาลหลายแห่งเป็นแนวทางแบบรวมศูนย์ นั่นคือหน่วยงานสาธารณสุขสามารถค้นหาผู้เคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อได้ทันทีที่ได้โทรศัพท์ของผู้ติดเชื้อมา โดยแอปที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น TraceTogether ของสิงคโปร์ หรือหมอชนะของไทยล้วนใช้แนวทางนี้ อย่างไรก็ดีแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ล้วนทำงานได้ไม่สมบูรณ์บน iPhone โดยผู้ใช้ต้องเปิดแอปบนหน้าจอตลอดเวลาจึงทำงานได้ ซึ่งทำให้ประโยชน์ของการทำ contact tracing นั้นจำกัดอย่างยิ่ง
ในยุโรปรัฐบาลประเทศต่างๆ ยังคงมีแนวทางต่างกันในการเก็บข้อมูลการเข้าใกล้ระหว่างกันนี้ โดยเยอรมนีเคยต้องการใช้แนวทางรวมศูนย์แต่เพิ่งเปลี่ยนท่าที ทำให้ตอนนี้เหลือสองชาติหลังที่ยังยืนยันใช้แนวทางรวมศูนย์ คือ ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร
ที่มา - Yahoo! News
Comments
ดีครับ คนที่อยู่เยอรมันจะได้ปลอดภัย
ไม่สามารถอ่านคนที่อยู่เยอรมันแล้วตีความว่าเป็นคนเยอรมันได้อีกต่อไป
สามารถทำให้มันเป็น Centralized ได้ถ้าแค่ให้ทุกคนทำตัวเหมือนผู้ติดเชื้อ โดยระบบกลางอาจจะทำเป็นระบบตรวจสอบว่าเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อหรือเปล่า ให้ส่งข้อมูล Daily Tracing Key ของตัวเองมาตรวจสอบ และส่วนกลางก็เก็บข้อมูลเอาไว้ แทนที่จากเดิมระบบจะดาวน์โหลดเฉพาะ Key ของคนที่ติดเชื้อมาหาในเครื่องตัวเอง
ซึ่งตัวแอปจะต้อง request ของ Tracing Key ตลอดเวลา ผมเข้าใจว่า dialog ของ iPhone มันจะเตือนผู้ใช้ว่าเป็นการมอบข้อมูลให้ ไปหาเรื่องแบบนั้นชวนให้ Apple แบนแอปเสียเปล่าๆ
แต่ใช่ครับ ระบบ decentralized ใดๆ ก็ตามในโลกสามารถกลายเป็น centralized ได้ เพียงแค่ทุกคนเอาข้อมูลไปโพสไว้ตรงกลางรวมๆ กัน
lewcpe.com, @wasonliw
อาจจะไม่บอกผู้ใช้ตรงๆ ว่าเป็นการมอบข้อมูล แต่ขอเอามาตรวจที่ส่วนกลาง อยากรู้ว่าตัวเองเสี่ยงหรือเปล่าก็เอามาตรวจ มีแจ้งเตือนได้ถ้าเกิดเจอผู้ติดเชื้อทีหลัง ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ คิดอีกแง่นึงก็คือการที่ บริษัทมหาอำนาจทางเทคโนโลยี กำหนดทิศทางการใช้งานเทคโนโลยีเองหมด มันก็อาจจะไม่มีความคิดต่อยอดใหม่ๆ ก็ได้ ลองนึกถึง GPS ถ้า Apple กับ Google เอาเรื่องความเป็นส่วนตัวมากๆ (คนที่ใช้ API ได้ต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นเป็นต้น) วันนี้เราอาจจะไม่ได้ Grab กดเรียกรถให้มารับถึงหน้าบ้านก็ได้
คิดว่าไม่บอกไม่ได้ครับ เพราะ API มีแค่ขอให้ Service ของ Google/Apple คืนข้อมูลออกมา แม้ยังไม่มีหน้าจอออกมาตอนนี้ แต่ก็พอเดาได้ว่าตอนเรียก API จะกลายเป็น system UI ในการขออนุญาตผู้ใช้ ตัว app เองไม่เคยเข้าถึงฐานข้อมูลตรงๆ อยู่แล้ว (เป็นประเด็นสำคัญที่สองบริษัทออก API ออกมา)
มหาอำนาจกำหนดเทคนิคโนโลยีตัวเองก็เรื่องหนึ่ง แต่การที่บริษัทภายนอกทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น หมอชนะ ที่ใช้ static ID สร้างความเสี่ยงให้ผู้ใช้โดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
ประเด็น static ID นี่เก่ามากๆ แล้ว (เกิน 5 ปีแล้ว) บทเรียนมีมาจำนวนมากว่าเวลา device ปล่อย static ID อย่าง MAC address จะมีคน abuse มัน ทั้ง iPhone/Android แก้ปัญหานี้กันหลายปี แต่ "ความคิดต่อยอด" อย่างหมอชนะก็ยังสร้างความเสี่ยงให้ประชาชนได้
lewcpe.com, @wasonliw
ชื่อประเทศคือ เยอรมนี ครับ