หลัง Intel เปิดตัวซีพียูเดสก์ท็อป 10th Gen ไป ทำให้ปัจจุบันซีพียูในท้องตลาดมีมากมายหลายรุ่นไปหมด ตัวเลขก็เยอะขึ้นจนอาจทำให้ผู้บริโภคปวดหัวกันได้ วันนี้ผู้เขียนจึงอยากนำเสนอการเปรียบเทียบสเปกเบื้องต้นซีพียูของทั้งสองค่าย ในระดับต่างๆ ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยผู้บริโภคอีกแรงในการเลือกซื้อซีพียูที่มีขายในท้องตลาดปัจจุบัน
การเทียบในบทความนี้คือจะพยายามใช้รุ่นใกล้กัน ที่มีราคาใกล้เคียงกันที่สุดมาเปรียบเทียบ ผู้เขียนจะใช้ซีพียูฝั่งอินเทลที่เป็นระดับ K มาเทียบกับรหัส X ของฝั่ง AMD เนื่องจากซีพียูรุ่นที่ไม่มีตัว X ของ AMD หลายรุ่น เป็นรุ่นที่มีจำหน่ายสำหรับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปโดยเฉพาะ ไม่สามารถซื้อแยกชิ้นได้ ส่วนซีพียูรหัส K ของ Intel เป็นซีพียูที่ไม่มีการล็อกตัวคูณสำหรับการโอเวอร์คล็อก และมีความเร็วคล็อกสูงกว่ารุ่นปกติ ซึ่งน่าจะคล้ายคลึงกับรหัส X ของฝั่ง AMD มากกว่า (แม้จะมีต้นทุนที่สูงขึ้นอีกเล็กน้อย เนื่องจากรหัส K ไม่มีพัดลมระบายความร้อนแถมมาให้)
คู่แรก ระดับเริ่มต้น Core i3-10100 vs Ryzen 3 3100
คู่แรกกับซีพียู Intel 10th Gen รุ่นเริ่มต้นอย่าง Core i3-10100 กับ Ryzen 3100 ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบรุ่นราคาถูกสุดของทั้งสองค่าย ในเจ็นใหม่นี้ Intel ใส่ Hyper Threading มาให้ Core i3 รุ่นเริ่มต้นด้วย ทำให้มี 4 คอร์ 8 เธร็ด เท่ากับฝั่ง AMD แต่ฝั่ง Intel ก็ยังไม่รองรับ PCIe 4.0 และราคายังแพงกว่าอยู่ โดย Core i3 3100 เริ่มต้นที่ประมาณ 122 เหรียญสหรัฐ ส่วน Ryzen 3 3100 อยู่ที่ประมาณ 99 เหรียญ สำหรับผู้ประกอบคอมที่มีงบจำกัด AMD ชนะไปในด้านของความประหยัดในยกนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของซีพียูรุ่นเริ่มต้น ส่วนในฝั่ง Intel จะได้เปรียบในด้านบูสต์คล็อก ที่มากกว่าอยู่ 300MHz เท่านั้น
หรือถ้าขยับขึ้นมาหน่อยในเรทราคาใกล้กันขึ้นมาอีกเล็กน้อย AMD จะมี Ryzen 3 3300X ที่ได้ 4 คอร์ 8 เธร็ด คล็อค 4.3/3.8GHz แต่ผลเบนช์มาร์คออกมาเหนือกว่า Ryzen 3 3100 แถมมี CCX แค่ชุดเดียว ลดความหน่วงระหว่างคอร์ลงด้วย
คู่สอง รุ่นกลาง Core i5-10600K ปะทะ Ryzen 5 3600X
รุ่นกลางในระดับราคาประมาณ 250-260 เหรียญสหรัฐ แม้รุ่น 10600K ของ Intel จะแพงกว่าเล็กน้อย และไม่มีพัดลมระบายความร้อนมาให้ แต่ก็ชนะไปด้านความเร็วคล็อก ถึงจะแพ้ไปในด้านการรองรับ PCIe 4.0 และ จำนวน Cache ก็ตาม แต่ปัจจุบัน PCIe 4.0 ก็ยังไม่มีการใช้งานที่แพร่หลายนัก แต่อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ในระยะยาว
คู่ที่สาม รุ่นใหญ่ Core i7-10700 ปะทะ Ryzen 7 3700X
คู่ที่สาม เป็นคู่รุ่นใหญ่ราคาประมาณ 320-330 เหรียญสหรัฐ ฝั่ง Intel เป็น Core i7-10700 ส่วนฝั่ง AMD เป็น Ryzen 7 3700X ยกนี้ AMD ชนะไปในด้านความเร็วคล็อกพื้นฐาน ส่วน Intel มีความเร็วบูสต์สูงกว่า แต่ ก็แพ้ไปในด้านความจุ cache และการไม่รองรับ PCIe 4.0 เช่นเคย
คู่ตัวท็อป Core i9-10900K ปะทะ Ryzen 9 3900X (พร้อมแขกรับเชิญ Ryzen 9 3950X)
ถ้าวัดกันเรื่องตัวท็อปในราคา 400 เหรียญปลายๆ คงต้องจับ Core i9-10900K มาชนกับ Ryzen 9 3900X เพราะระดับราคาใกล้เคียงกันซึ่ง AMD จะชนะไปในแทบทุกด้าน ยกเว้นความเร็วบูสต์ (ซึ่ง Intel ก็เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงได้ด้านนี้แทบจะทุกรุ่น) แต่จำนวนคอร์และเธร็ดของ AMD ที่มากกว่า น่าจะทำให้การทำงานแบบ multi-threads ทำได้ดีกว่าพอสมควร
แต่ฝั่ง AMD ยังมีอีกรุ่นที่เป็นตัวท็อปจริงๆ คือ Ryzen 9 3950 X ซึ่งเป็นรุ่นที่มีราคากระโดดไปมาก คิดว่านำมาเปรียบเทียบกับ 10900K โดยตรง อาจจะแตกต่างเกินไป แต่จะได้จำนวนคอร์/เธร็ด ถึง 16 คอร์ 32 เธร็ด ที่แม้ความเร็วคล็อกจะต่ำกว่า แต่น่าจะถล่ม Intel ในด้านการทำงานแบบ multi-threads ไปเลย ติดที่ราคาจะกระโดดไปถึงประมาณ 749 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 488 เหรียญ ของ i7-10700K
สรุป
สเปกของ Intel Core 10th Gen กับ Ryzen 3000 Series อาจจะดูใกล้เคียงกัน โดย Intel มีความได้เปรียบกว่าในเรื่องความเร็วบูสต์ (เทคโนโลยี Turbo Boost Max ของ Intel) แต่ AMD ก็ยังมีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนคอร์ สถาปัตยกรรม 7nm ความจุ cache ที่มากกว่า และการรองรับ PCIe 4.0 (บนเมนบอร์ด X570 และ B550)
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการเปรียบเทียบแค่สเปกบนหน้ากระดาษเท่านั้น ส่วนประสิทธิภาพคงต้องรอ benchmark เปรียบเทียบจากฝั่ง Intel Core 10th Gen ในแง่การทำงานด้านต่างๆ กันต่อไป
นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมว่า Ryzen 3000 series เป็นรุ่นที่ออกมาก่อน Intel Core 10th Gen และเราอาจได้เห็น Ryzen 4000 Series บนเดสก์ท็อปกันภายในปีนี้ หลัง 4000 Series ในโน้ตบุ๊ก ทำประสิทธิภาพได้ดี จน Intel ต้องร้อนๆ หนาวๆ
ผู้บริโภคอาจต้องขอบคุณ AMD ที่ในระยะหลังพัฒนาสถาปัตยกรรม Zen ได้ดีจนแซงหน้า Intel ไปแล้วหลายช่วงตัว ก่อให้เกิดการแข่งขันและลดราคาต่อประสิทธิภาพของซีพียูลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ Intel ครองตลอดเจ้าเดียว ซึ่งก็ไม่รู้ว่า Intel จะก้าวข้ามสถาปัตยกรรมเก่าที่สืบทอดมาจาก Skylake ตั้งแต่ปี 2015 และเดินหน้าเต็มตัวไปกับ Sunny Cove ที่ขนาด 10 นาโนเมตร ก่อนจะต่อยอดไป 7 นาโนเมตรได้เมื่อไหร่
Comments
i5 10600k มัน 6คอร์ ไม่ใช่รึครับ
ที่มา
อะ ขออภัยครับ กำลังแก้ไข สักครู่นะคร้าบ
Ryzen จะใช้ PCI-E 4.0 ได้บนเมนบอร์ด X570, B550 นะครับ
ขอบคุณครับ เพิ่มเติมไปแล้วคร้าบ
Intel ก็ยังมี PCIe Lanes แค่ 16 เหมือนเดิมจะงกไปไหนเนี่ย
ประกอบ PC ยังไงก็ขอ AMD ดีกว่า เคยประกอบ Intel ให้ลูกค้า ปัญหาตามมาเป็นกระบุง
มีปัญหาอะไรบ้างหรอครับ พอบอกได้ไหมครับ คอมบ้านเริ่มมีอายุเผื่อ จะได้เผื่อใจ AMD บ้าง
ผิดกับเราแหะ ก่อนหน้านี้จัดชุด amd ใช้ไปได้ 3-4 ปี มีปัญหาจอฟ้าไม่รู้เพราะบอร์ดหรือ cpu โดนทั้ง 2 ชุด เลยย้ายมา intel ปัจจุบันนิ่งมาก
ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าไป amd เท่าไหร่
Intel ยุคไหน / ปัญหาอะไรหรือครับ
ตัวหน้าผมคงเป็น AMD แต่ก่อนหน้านี้จัด Intel ใช้เองมา 3 ตัวก็ไม่มีปัญหาอะไร (นอกจากพวกช่องโหว่)
ถ้าจะเทียบราคา ฝั่ง intel ควรเอาตัวรหัส f ที่ไม่มีการ์ดจอในตัวมาเทียบนะครับ
แต่อาจเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้ในระยะยาว
ถ้าอ่านเต็มๆ
ทั้งหมดที่ว่ามาหมายถึง Intel ครับ ความหมายเลยเป็น
ตอนผมอ่านก็สับสนครับเพราะมีแต่ซ้อนหลายครั้งด้วยมั้ง เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า (มั้ง)
+1 ผมเองก็สับสนเหมือนกันครับ
ฝั่งintel ต้องเลือกตัวมี F ครับเพราะฝั่ง AMD ก็ไม่มี iGPU มาเช่นกัน ซึ่งฝั่ง intel ตัวเทียบเท่าราคาจะลดลงราวๆ 1พันบาท ไม่งั้่่นจะกลายเป็นเทียบแบบไม่เท่าเทียม
เช่นตัวล่างสุด ii3-10100f น่าจะราคาราวๆ 89-99USD เพียงแต่ยังไม่เปิดตัวตอนนี้ แต่รุ่น i5ตัวtopมี i5-10600kf ที่ไม่มี iGPU แต่ OC ได้ราคา 237USD(ถูกกว่า R5 3600x) i9-10900kf ก็ราคา 472USD ถูกกว่าอีกเช่นกัน
จริงๆต้องบอกว่าทั้งสองค่ายแทบไม่เคยตั้งราคาชนกันตรงกัน แต่จะตั้งเหลื่อมกันเสมอก็ว่าได้ ให้รู้สึกว่าอยากแรงขึ้นอีกนิดก็จ่ายแพงขึ้น หรือที่ช้ากว่าหน่อยนึงเป็นเพราะมันถูกกว่าอยู่แล้ว แม้price range จะอยู่ใกล้เคียง แต่ส่วนต่างเล็กน้อย สำหรับคนงบจำกัด สามารถนำไป upgrade การ์ดจอให้แรงขึ้นกว่าเดิมอีกระดับได้ โดยเฉพาะกลุ่ม mainstream ที่ราคาการ์ดจอกระจุกตัวมากๆ และซอยรุ่นเยอะ
แต่สำหรับคนทำงานหรือแม้แต่คนเล่นเกมที่เน้น streaming การเลือกcpu แบบมี iGPU อาจจะคุ้มกว่ากับราคาที่เพิ่มขึ้น 1พันบาท ไม่ใช่เพราะใช้เป็นการ์ดจอสำรองได้ แต่เพราะใช้ความสามารถ quick sync ที่ encode video ได้เร็วมากๆโดยใน win10สามารถใช้ร่วมกับการ์ดจอตัวหลักได้เลย(ใช้แยกงานกัน)
อยากรู้ว่ากับ desktop ต้องตั้งค่าอะไรยังไงบ้างครับ?
ว่าแต่ encode video นี่การ์ดจอแยกก็ทำได้ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมลืมเขียนต่อไปว่า การ encode video เพื่อการ streaming น่ะครับ
วิธีการ ขอเวลาหาบทความนะครับ แต่เจอคลิปตัวอย่างการตั้งค่าเพื่อการstreaming ลองดูไปก่อน https://www.youtube.com/watch?v=MMielD4nfCM ใน win10 สามารถกำหนดได้ว่า app ไหนใช้ GPU อะไรได้ครับ
แต่ทำไมไม่ใช่การ์ดจอ ก็เพราะเราใช้การ์ดจอเล่นเกมเป็นหลักไงครับ เกมภาพสวยๆกิน GPU ไป 100% แล้ว แทบไม่เหลือพลังให้สำหรับการ encode video แบบ real-time เพื่อการ streaming จริงๆfeature ในการ์ดจอใหม่ๆก็streaming พร้อมเล่นเกมได้(เช่น Relive/Shadowplay) แต่คุณภาพ video จะต่ำครับเพราะมันแบ่งงานกัน
ปกติเราก็จะใช้ cpu ในการ encode(s/w encoding) หรือใช้การ์ดแยกสำหรับการ encoding โดยเฉพาะ(ราคาก็หลายพัน) หรือแม้แต่เพิ่มการ์ดจออีกใบเพื่อแยกงาน streming ออกมา เคยเห็นนักแคสเกมดังๆ ใช้ pc แยกอีกตัวในการ streaming โดยเฉพาะเลย -_-"
แต่ถ้ามี iGPU ของ intel gen ใหม่ๆ ก็สามารถใช้ quick sync ในตัว iGPU เป็นตัว encoding video แทนได้ ทำให้ไม่กินแรง GPU/CPU หลักเลยไงครับ ก็ถือว่าแพงกว่าปกติพันนึง(เทียบตัวไม่มี k) แต่เอาไปใช้งานได้คุ้มกว่า เพิ่มการ์ดจออีกใบ/การ์ด encode แยก สำหรับงบจำกัด
สอบถามครับ ใช้ Quicksync ช่วยในการสตรีมเกมสามารถแทนที่การ์ดพวก Elgato 4K60 อะไรพวกนั้นได้เลยใช่ไหมครับ
แก้ไขหลังพบว่าผมเข้าใจเรื่อง stream เกมผิดแล้วพูดรวมๆไป
การจะใช้ capture card คือต้องการ input ภาพจาก device อื่น เช่นมือถือ/เกม console หรือจาก pc อีกเครื่องผ่านสาย hdmi เข้าcapture card เพื่อมา streaming ออกที่ pc เครื่องที่ใส่การ์ดอยู่ แต่ตอนstreaming มันก็จะใช้ CPU/GPU ของ pc เครื่องนั้นในการ encode video แบบ realtime ส่งออกไป youtube/facebook/twich ผ่านโปรแกรมพวก OBS อีกที ซึ่งการ์ด capture บางตัวก็เรียก quick sync ขึ้นมาช่วยด้วย
แต่ถ้าคุณจะ streaming เกมที่เล่นใน pc เครื่องเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ capture card เพราะคุณไม่ได้รับ input video จากที่ไหน แต่ส่งจากในเครื่องเดียวกันออกไป ตอน encode เลยใช้ cpu/gpu หรือ quick sync แยกกันไป ตามแต่ setting ซึ่งก็มีทางเลือกคือ เลือก cpu ที่มี core เยอะๆจะได้เหลือจากการเล่นเกมมา encode ลื่นๆ หรือเลือกการ์ดจอแรงๆ จะได้เหลือพลังเหลือเฟือเล่นไปด้วยได้ หรือมีการ์ดจอแยกอีกใบ แยกงานไปเลย หรือสุดท้ายใช้ feature quick sync ใน iGPU ทำงาน(คล้ายกับการเพิ่มการ์ดจออีกใบ)
https://www.youtube.com/watch?v=55ROLsQiiU8
โอ๊ะ ทำได้แล้วครับ แค่เลือก encoder QuickSync เลยนี่นา ขอบคุณมากครับ
คือเมื่อก่อนถ้าไม่เสียบจอไว้กับการ์ดจอออนบอร์ดมันจะใช้ไม่ได้เลยครับผมเลยนึกว่าต้องมีเทคนิคอะไรเพิ่มเติม ? นี่วันก่อนอัปเดตไบออสเลยไปเปิดการ์ดจอออนบอร์ดไว้ (เคยเปิดตอนได้เครื่องมาใหม่ๆ แล้วสองจอแยกกันเสียบการ์ดจอคนละใบ จอรองเสียบออนบอร์ด เวลาเล่นเกมมันจะได้ไม่มาดึงการ์ดจอหลัก แล้วหลังจอรองเสียไปตอนอัปเดตไบออสสักรอบก็เลือกที่จะปิดมันไปเพราะคิดว่าไม่ได้ใช้ รอบนี้เปิดเพราะคิดว่าจะเอามาลองเล่น)
ลองดูใน Task Manage สั่ง record desktop
- ก่อน record ผล GTX 1060 วิ่ง 3% UHD 630 วิ่ง 0%
- record ด้วย NVENC ผล GTX 1060 วิ่ง 19~22% UHD 630 วิ่ง 0%
- record ด้วย QuickSync ผล GTX 1060 วิ่ง 4~5% UHD 630 วิ่ง 38~44%
ก็ดูดีครับ
ขอบคุณมากครับ ไว้จะปรับปรุงในโอกาสต่อไป อาจเป็นเมื่อ 4000 Series บนเดสก์ท็อปออกนะครับ :)
สมัยนี้เวลาเอา frequency มาเทียบนี่ผมรู้สึกแปลกๆทุกที
ผมว่ามันไม่มีนัยสำคัญเหมือนแต่ก่อนแล้วอะ
สมัยนี้ควรจะวัดกันด้วย benchmark มากกว่าแล้วนะ
+1
+1
อยากทำแบบนั้นเหมือนกันครับ ผมก็คิดว่ามันต้อง bench และ real world test ไป แต่สภาวะจำกัดหลายๆ อย่างครับช่วงนี้ เลยได้แค่กาง spec sheet มาเทียบให้ดูคร่าวๆ ก่อน ยังไงถ้ามีโอกาสเดี๋ยวไว้จัดให้นะครับ
+1