มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวในวิดีโอคอลคุยกับพนักงาน เผยยุทธศาสตร์ใหม่ของ Facebook คือก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ให้พนักงานทำงานแบบ remotely โดยภายในปี 2030 คาดการณ์ว่า 50% ของพนักงานจะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้แบบถาวร ไม่ต้องเข้ามาที่สำนักงานใหญ่
ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า จะมีการคิดใหม่ทั้งการจ้างงานที่เดิมที Facebook มักจะจ้างงานคนที่อยู่ในละแวกใกล้กับสำนักงาน จากนี้ไป ก็จะจ้างงานคนที่อยู่ไกลได้ การทำบริษัทให้เป็น remotely จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่าที่ของบริษัท และค่าเดินทางกินอยู่ของพนักงานที่ต้องอาศัยในพื้นที่ใกล้ออฟฟิศด้วย โดยการจ้างคนทำงานแบบ remotely จะเริ่มขึ้นในสหรัฐฯ ก่อนจะค่อยๆไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากสำนักงาน Facebook ในสาขาต่างๆ
จนถึงตอนนี้ Facebook อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ยาวๆ ถึงสิ้นปี 2020 เช่นกันกับกูเกิล และซักเคอร์เบิร์ก คาดตัวเลขคนทำงานที่จะเข้ามาทำงานได้ในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปีมีเพียง 25% เท่านั้น ส่วนทวิตเตอร์ และ Coinbase นั้นประกาศตัวเป็นบริษัทที่ให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้อย่างถาวร
Facebook เองก็ขยับและปรับตัวมากขึ้นในช่วงที่คนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว Messenger Rooms, กรองข้อมูลปลอมเรื่อง COVID-19, เครื่องมือสื่อสารองค์กร Workplace ของ Facebook ก็ผู้ใช้บริการ 5 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านรายในเดือนตุลาคม
งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยชิคาโกคาดว่าจะมีงานในสหรัฐ 37% สามารถทำที่อื่นนอกเหนือจากออฟฟิศได้ ยิ่งถ้าดูงานในแต่ละพื้นที่อย่าง ซิลิคอนวัลเล่ย์ และซานฟรานซิสโก ตัวเลขก็จะสูงขึ้น 51% และ 45% ตามลำดับ แต่ในความเป็นจริงตามข้อมูลจากสถิติแรงงานมีประชากร 2% ในสหรัฐที่ทำงานที่บ้านเป็นประจำ
Comments
ก็มีผู้ใช้บริการ 5 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านรายในเดือนตุลาคม
ทำงานที่ไหนก็ได้ แต่คงต้องเป็น time zone เดียวกัน :p
อีกตัวเลือก หลับเช้า ตื่นเย็น ทำงานดึก
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
วิสัยทัศน์ดีครับ เห็นด้วยว่าต้องผลักดันเรื่องนี้
ต่างจาก CEO MS ที่พูดเมื่อวันก่อน
ส่วนผมยังอยากเจอเพื่อนร่วมงานอยู่ครับ อยู่บ้านเหงา ถ้าทำได้อยากเข้า office 3 วัน หยุด 4 วัน
ผมจะสื่อว่า อย่างน้อยแกก็ผลักดันครับ นี่แหละที่ต่าง