New York Civil Liberties Union กลุ่มสหภาพเพื่อสิทธิพลเมือง จัดการฟ้องร้องหน่วยงานการศึกษาในนิวยอร์กหรือ New York State Education Department ที่ดำเนินการให้โรงเรียนในเขตการศึกษา Lockport City ติดตั้งระบบจดจำใบหน้า เพราะกังวลว่าจะละเมิดความเป็นส่วนตัวเด็ก และต้องการให้โรงเรียนยกเลิกการติดตั้งระบบเสีย
ตัวระบบจดจำใบหน้าที่ทางกลุ่มโรงเรียนติดตั้งตั้งมีมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ ใช้ระบบจดจำใบหน้า Aegis ของบริษัท SN Technologies ในแคนาดา เป้าหมายหลักของการติดตั้งเป็นไปเพื่อความปลอดภัย ตรวจจับบุคคลต้องสงสัยและปืนในโรงเรียน
การฟ้องร้องนั้นยื่นในนามของผู้ปกครองนักเรียนเขตการศึกษา Lockport City ระบุว่าระบบจดจำใบหน้าที่ใช้ในโรงเรียนมีการเก็บข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของนักเรียน ละเมิดกฎคุ้มครองความเป็นส่วนตัวภายใต้กฎหมาย
ภาพจาก Facebook Lockport City School District
ที่มา - CNET
Comments
กลับไปใช้ รปภ เหมือนเดิมก็ได้มั้ง
ไม่เข้าใจว่าในโรงเรียนเป็นพื้นที่ส่วนตัวด้วยเหลอ หรือเขาเอาไปติดในห้องน้ำ
ถ้าใช้เพื่อความปลอดภัยก็ไม่ต่างจ่างกล้องวงจรปิดที่สามารถระบุตัวตนได้ทันทีไม่ต้องให้คนมานั่งวิเคราะหลังเกิดเหตุร้ายและสามารถพัฒนาต่อให้แจ้งเตือนเมื่อมีเหตุร้ายได้อีก แต่ถ้าถูกเอาไปใช้อย่างอื่นก็ว่าไปเป็นกรณีไป
แต่ที่นั่นคือสหรัฐ ดูจากการตายเป็นแสนจากโควิดและติดเชื้ออย่างไม่หยุด อาจจะมองว่าเสรีภาพอยู่เหนือทุกสิ่งแม้กระทั่งความปลอดภัยในชีวิต หรือชีวิตคนชนชาติอื่นด้วยหรือเปล่า
ความเป็นส่วนตัวมีได้ทุกที่ครับ ไม่งั้นอีกหน่อยติดกล้องทุกที่แบบจีนแล้วเราจะถูก monitor ทุกอย่าง
ผมเดาว่าเป็นเพราะจับภาพเด็กมั้งครับ (คิดว่ากฏหมายคุ้มครองเด็กน่าจะเข้มข้นกว่าปกติ) เลยเป็นประเด็นพิเศษขึ้นมา
ตอบข้างบนที่ว่า "ความเป็นส่วนตัวมีได้ทุกที่ครับ ไม่งั้นอีกหน่อยติดกล้องทุกที่แบบจีนแล้วเราจะถูก monitor ทุกอย่าง"
คุณน่าจะอ่านใหม่นะ ผมไม่คิดว่าพื้นที่ส่วนตัวจะหมายถึงความเป็นส่วนตัว สิ่งที่คุณพูดคือเอาไปใช้ในกรณีอื่นที่บอกไปในคอมเม้นแล้ว ในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศเช่น อังกฤษมีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทุกที่ทั้งที่สธารณะและราชการและเอกชน เพื่อติดตามอุปัติเหตและอาชยากรรม ถ้าเป็นแบบที่คุณบอกแสดงว่าประเทศพวกนี้ไม่ให้สิทธิส่วนบุคคลหรือหรือความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ติดตั่งกล้องหรือ? หรือในข่าวบอกว่าที่โรงเรียนนี้ใช้ระบบเดียวกับจีน
กล้องวงจรปิดกับระบบจดจำใบหน้ามันคนละเรื่องกันนะครับ
ถ้าคุณถูกติดตามด้วยสาเหตุอะไรซักอย่างไม่ว่าจะผิดหรือถูกสุดท้ายข้อมูลในกล้องก็จะถูกนำมาระบุตัวตนอยู่ดีเพียงแต่หน้าที่ระบุตัวตนจะเป็นคนหรือโปรแกรม
เรื่องจดจำใบหน้า มันเป็นข้อมูลไบโอเมทริกซ์ ที่ติดตัวกับเราไปจนตาย ไม่ใช่แค่ใส่หมวกหรือแว่นแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นการใช้งานจึงต้องรัดกุมระมัดระวังไม่พร่ำเพรื่อ เพราะหากหลุดไปถึงตลาดมืดแล้วก็เรือหายแน่น่อนไปจนวันตาย นอกจากจะไปศัลยกรรมใบหน้า มันไม่เหมือนกับบัตรเครดิตหรือพาสเวิร์ดที่ถ้าโจรขโมยไปก็ทำใหม่เปลี่ยนได้ ดังนั้นจึงเซนซิทีฟกันเป็นพิเศษครับ ยิ่งสำหรับเด็กที่ก็ยิ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะตอนเด็กเราผู้ใหญ่ไปตัดสินใจให้เด็ก เพราะเด็กยังตัดสินใจเองไม่ได้
มันก็จะอยู่ที่ว่าเราก็ต้องมาคุยกันว่า เส้นกั้นระหว่างความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวอยู่ตรงไหน บางคนอยากปลอดภัยมากอาจจะคิดว่า เออ เอากล้องวงจรปิดใส่เข้าไปในห้องน้ำห้องส้วมสาธารณะทุกห้องเลยดีกว่า ป้องกันภัย แต่คนส่วนใหญ่อาจจะรู้สึกว่ามันรุกล้ำเกินไปจนเกินบรรยาย
ผมโอเคกับระบบจดจำใบหน้านะ ถ้าจะทำให้อาชญากรรมหมดไปได้ หรือกรณีในข่าว
แต่ระบบนี้ต้องใช้เพื่อรักษาความเรียบร้อยเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการเมือง
แต่ก็พูดยาก
จะมีตำรวจประเทศไหนในโลกป้องกันการถูกแทรกแซงจากรัฐได้หรือเปล่า แม้ประเทศเจริญแล้วก็ตาม
เหตุผลที่ฟ้อง เพราะเค้าห่วงหรือกังวลอะไร ที่จะไปละเมิดสิทธิเด็กเหรอครับ?