ปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10X ที่ใช้กับแท็บเล็ตจอคู่ Surface Neo โดยเน้นความเป็นระบบปฏิบัติการขนาดเบา ประหยัดแบตเตอรี่ ดูแลรักษาง่าย และรองรับเฉพาะแอพแบบ UWP เท่านั้น โดยรันแอพ Win32 แบบดั้งเดิมในคอนเทนเนอร์แทน มีกำหนดออกช่วงปลายปี 2020
อย่างไรก็ตาม เดือนพฤษภาคมปีนี้ Surface Neo ประกาศเลื่อนไม่มีกำหนด และ Windows 10X ปรับโฟกัสมาเน้นอุปกรณ์จอเดียวไปก่อน จากนั้นข่าวของ Windows 10X ก็เงียบหายไปหลายเดือน
ล่าสุดเว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะตัดฟีเจอร์ Win32 ออกจาก Windows 10X อีกทอดหนึ่งด้วย เหตุเพราะเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ (มีชื่อเรียกว่า VAIL) มีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานไม่ดีพอตามที่คาดไว้ตอนแรก
อีกปัจจัยที่มีผลคือ เดิมทีไมโครซอฟท์วางกลุ่มลูกค้าของ Windows 10X เป็นแท็บเล็ตสองจอแบบพรีเมียม มีพลังประมวลผลสูง แต่พอต้องปรับโฟกัส Windows 10X มาเป็นอุปกรณ์หน้าจอเดียว ทำให้มันกลายมาเป็นคู่แข่งของ Chrome OS ที่เป็นอุปกรณ์ราคาถูกแทน พอตลาดเปลี่ยน ฮาร์ดแวร์มีสมรรถนะน้อยลงจากเดิม จึงไม่เหมาะกับฟีเจอร์ VAIL สักเท่าไรนัก ทำให้ Windows 10X จะเน้นการใช้แอพที่เป็น Web/UWP เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การไม่ซัพพอร์ตแอพ Win32 ที่เป็นจุดแข็งของวินโดวส์มายาวนาน อาจซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีตอย่าง Surface RT, Windows 10S หรือ Surface Pro X ได้ ไมโครซอฟท์จึงหาทางแก้ด้วยเทคนิคการสตรีมแอพ Win32 ผ่านคลาวด์แทน ลักษณะเดียวกับบริการ Windows Virtual Desktop ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ การที่ไมโครซอฟท์ถอด VAIL ออกไป ทำให้ Windows 10X ไม่จำเป็นต้องอิงกับสถาปัตยกรรม x86 ในการรัน virtualization เราจึงมีโอกาสเห็น Windows 10X บนอุปกรณ์ตระกูล ARM ด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวของ Windows Central ยังบอกว่าฟีเจอร์ VAIL ยังจะตามมาในอนาคตระยะยาว เมื่อไมโครซอฟท์สามารถพัฒนาอุปกรณ์จอคู่แบบ Surface Neo ได้เสร็จตามแผน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังปี 2021
ที่มา - Windows Central
Comments
แปลว่าทุกครั้งที่ใช้โปรแกรม x86/x86-64 ก็ต้องออกเน็ตตลอดเวลา ถ้าเน็ตหลุดหรือ Cloud ล่ม ก็ไร้ความหมายเป็นที่ทับกระดาษแทน เพราะใช้อะไรแทบไม่ได้ แถมแอพ ARM ก็น้อยอีก ทำอะไรไม่สุดสักอย่าง MS เอ้ย
เว้นแต่จะ Complie แอพจาก x86/x86-64 มา ARM เต็มตัว
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้าตั้งใจมาแข่งกับ Chrome OS ไม่มีเน็ตมันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันรึเปล่าครับ
Chrome OS ปัจจุบันรองรับแอป Android และแอป Linux แล้ว ตอน Offline ไม่มีปัญหาแล้ว
ที่ งง คือมันติดอะไร ถ้าไม่ดีก็ทำให้มันดีแล้วเอาออกมาขาย เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา งง โดนบีบงานหรอ จะ ARM ก็เดินหน้าไปเลยพลักดันให้สุด
เสียบ Sim ใช้ 4G ก็กินไฟนะ
น่าจะทำแบบให้สุดไปสักทางเลยนะ ทำแยกไปเลย แบบ win32 ก็อีกอัน แบบ arm ก้อีกอัน มาแบบนี้ไม่ขยับสักที นักพัฒนาก้จะได้มีเป้าหมาาย
win32 = windows10
arm = windows10x แต่เพิ่ม option ถ้าจะเล่น win32 ก็สตรีมผ่านคลาวด์
ถ้าจะดันให้ได้อย่างน้อย MS ต้องดัน App ตัวเองให้ Run ได้บน Windows 10X ก่อนแหละ เพราะทำได้ก็น่าจะอุดจุดอ่อนเรื่อง Win32 ไปได้ ส่วนที่เหลือต้องให้ Dev Compile มาให้ Support แล้วล่ะ
เกิดเป็น MS นี่มันลำบากจริง ๆ (;´д`)ゞ
เห็นด้วยนะ จริงๆ เอาแอพตัวเอง (Office+VS) กับ App ยอดนิยม (Adobe) ให้ได้ก่อน
ไม่ใช่ออกเครื่องมา แล้วก็หวังเอาเองว่าทุกคนจะเปลี่ยน
หรือว่าจะลอยแพ SQ1
ผมว่ามันจะเป็น SQ1 ซะมากกว่านะครับ