ไมโครซอฟท์ประกาศเปิด Microsoft Edge สำหรับลินุกซ์ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเดือนตุลาคมนี้ โดยยังเป็นเวอร์ชั่น Dev preview และจะเปิดให้ดาวน์โหลดจากเว็บ Microsoft Edge Insider แม้ตอนนี้ยังไม่ระบุว่ารองรับดิสโทรอะไรบ้างแต่หน้าจอที่โชว์มาก็เป็น Ubuntu
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ระบุว่า Microsoft Edge บนลินุกซ์จะเปิดทางให้นักพัฒนาสามารถทดสอบบน Edge ได้เหมือนกันไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มใด โดยนอกจากการปล่อย Edge บนลินุกซ์แล้วไมโครซอฟท์ยังเตรียมปล่อย WebView2 สำหรับการพัฒนาเดสก์ทอปแอป ให้เป็นสถานะ GA ภายในปีนี้
ไมโครซอฟท์ยังยืนยันทำงานร่วมกับชุมชน Chromium ต่อไป จนถึงตอนนี้ทีม Edge ส่งโค้ดเข้าโครงการ Chromium ไปแล้วถึง 3,700 commit
ที่มา - Windows Blog
Comments
ถ้า Raspberry Pi ได้จะเป็นพระคุณยิ่ง
จะดีกว่าใช้ Chrome บน Linux ไหมนะ
นั้นน่ะสิ แต่จากที่ใช้บน PC ดีกว่าเยอะนะครับเรื่องกินแรมกับการค้าง
กราบงาม ๆ เจ้าข้าเอ๊ย
วันนึง ไมโครซอฟท์ จะเป็นผู้ให้บริการลินุกซ์
MS ยุคใหม่เค้าดีจริงๆ
รอ Linux distro จาก MS
The Dream hacker..
M$ Office for Linux ได้ไหม
เยี่ยม
..: เรื่อยไป
Open Source Windows เหรอ ยางงงงง
ยุคหน้า แกนของ windows จะกลายเป็นตระกูล unix หรือเปล่านะ
หน้าตาแบบแบบ windows ที่ทุกคนคุ้นเลย แต่เสถียรและปลอดภัยแบบ macOS
ปูทางกันไปเรื่อยๆ ...
WE ARE THE 99%
เรื่องเสถียรผมไม่มีความคิดเห็นนะครับ
แต่เรื่อง macOS ปลอดภัยกว่า Windows เนี่ยจริงเหรอ
ผมไม่แน่ใจ macOS แต่ผมใช้ Ubuntu, Chromebook, Windows แล้วพบว่าในบรรดากลุ่ม Desktop นี่ Windows ระบบอัพเดตมันแย่ที่สุดแล้วครับ เวลากดอัพเดตทีเราคาดเดาไม่ได้เลยว่าจะ 2 นาทีหรือ 20 นาที
Ubuntu กับ Chromebook นั้นอัพเดตคือระยะเวลา "1 บูต" ไม่เกินนั้น
แม้จะบอกว่า Windows ไม่มีช่องโหว่กว่ารายอื่น แต่ข้อเสียแบบนี้สร้างนิสัยการหลบเลี่ยงการอัพเดตให้กับผู้ใช้วินโดวส์จนเป็นเรื่องปกติ
lewcpe.com, @wasonliw
เรื่อง Windows Update มันเปลี่ยนไปเยอะนะครับ
จากการที่เป็นคนกดอัหเดตบ่อยมานาน ตอนนี้ Windows แบ่งอัพเดตเป็น 3 ประเภทแล้วนะครับ
1. Security
2. Comulative
3. Feature
ส่วน security จากที่อัพเดตมา 99% ไม่ต้อง restart ครับนั่งทำงานต่อได้เลย
ส่วนตัว comulative อัพแล้วต้อง restart ครับ แต่ถ้าอัพบ่อย ๆ การ restart จะเร็วเพราะมันไม่ต้องจัดการเยอะแบบนาน ๆ อัพที
ส่วน Feature อัพเดตตัวนี้หนีไม่พ้นครับ ยาวแน่นอน ขึ้นกับประสิทธิภาพเครื่องล้วน ๆ ครับ
แต่สองตัวหลังอัพเสร็จแล้วไม่ Force restart ทันทีมาปีสองปีแล้วนะครับ
ส่วนนิสัยของผู้ใช้เป็นสิ่งพูดยากครับ เคสนี้เหมือนไม่ล๊อคบ้านเพราะขี้เกียจหรือเคยเจอกุญแจห่วย ๆ มาก่อนแต่ของใหม่ปรับแล้วแต่พอโดนขโมยขึ้นบ้านกลับโทษว่าบ้านขโมยขึ้นง่ายซะงั้น
สุดท้ายเลยคือ ถ้าใช้ Windows Update ให้บ่อยครับ อย่างน้อยใช้เป็นข้ออ้างอู้งานได้ (หยอก ๆ) อย่างน้อยก็จะเป็นการเซฟเวลาครับ ง่าย ๆ คืออัพบ่อย restart เยอะแต่ใช้เวลาน้อย ดีกว่าตอนงานเร่งแล้วเจอ pack ใหญ่นะครับ อีกอย่างคือลดโอกาสเสียเวลาถ้าโดนโจมตีด้วยนะครับ เพราะถ้าโดนโจมตีในสิ่งที่เขาแก้ให้ได้แล้วแต่ไม่อัพเดตมันจะงานเข้ากว่าเดิมครับ
คิดว่าปัญหามันอยู่ที่ UI/UX นี่ล่ะครับ เพราะอัพเดตมีหลายแบบ แต่ในความรู้สึกของผู้ใช้มันคืออัพเดตเหมือนๆ กันหมด กดปุ่มอัพแล้วไม่รู้จะเจออันไหน
อันนี้ไม่เถียงครัฟ เห็นด้วย MAX