หลังจากมีข้อมูลจาก Reuters เรื่อง Apple Car ที่เงียบมายาวนานซึ่ง Reuters บอกว่าน่าจะเปิด 2024 แต่ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลแอปเปิลค่อนข้างแม่นยำจากแหล่งข้อมูลในสายซัพพลายเชนกลับบอกว่า ที่เป็นไปได้อย่างเร็วคือ 2025
Kuo บอกถ้าหากการพัฒนาทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดอะไรเลย Apple Car ก็น่าจะเปิดตัวระหว่างปี 2025-2027 แต่เจ้าตัวก็มองว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าและมาตรฐานของแอปเปิลที่สูง ถ้า Apple Car เปิดตัวหลังปี 2028 เป็นต้นไปเขาก็ไม่แปลกใจ
นอกจากนี้ Kuo เตือนนักลงทุนด้วยว่าการบุกเข้าธุรกิจใหม่ของแอปเปิลใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป โดยยกตัวอย่าง HomePod ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักและเจ้าตัวบอกด้วยว่าแอปเปิลพักการพัฒนาลำโพงอัจฉริยะไปแล้วด้วย
ขณะที่อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าและรถไร้คนขับมีความโหดร้ายและแข่งขันสูงมากกว่า โดยเฉพาะรถไร้คนขับที่ต้องการข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ซึ่ง Kuo คาดว่าแอปเปิลน่าจะตามหลังบริษํทอย่าง Tesla หรือ Waymo อย่างน้อย 5 ปี อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ก่อนหน้านี้มองตรงข้ามว่าระดับแอปเปิล น่าจะประสบความสำเร็จในวงการยานยนต์ได้
ที่มา - 9to5Mac
Comments
ลำโพงถ้าไม่ขายให้มันแพงมากนักก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอก
ถ้าของมันดีสมราคาลูกค้าก็ซื้อครับ ขายแพงไม่ว่ากันอยู่แล้ว ยิ่งลูกค้าแอปเปิ้ลด้วยแล้ว ขายไม่ออกแสดงว่าไม่ดีพอกับราคาที่ตั้ง สร้างจุดเด่นด้านคุณค่าเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ได้มากพอ อันนี้ชัดเจนว่าคลาดต่างกันคุณค่าในมุมมองผู้บริโภคก็ไม่เหมือนกันครับ ไม่มีทางที่แอปเปิลจะไปลงตลาดใหม่แล้วลูกค้าจะยอมรับทันทีแน่ๆ เพราะของมันคนละอย่างกันยังไม่ได้พิสูจน์อะไรทั้งนั้น
รอดู
homepod mini ก็ดูน่าใช้ดีออก
ถ้าสมมติว่ามีโอกาสได้นั่ง ดูประวัติการประกาศ Apple Service Programs แล้วผมไม่กล้านั่งนะ เวลามีอะไรออกมาใหม่แล้วมีปัญหานี่ต้องให้คนรวมตัวกันโวยวายกันเองซักพักก่อนถึงจะยอมออกโปรแกรมซ่อมฟรีตามมาทีหลังแล้วใช้คำว่ามีคนได้รับผลกระทบจำนวนน้อย กับรถยนต์นี่ไม่กล้าเลย
ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ เพราะอันนี้เป็นธุรกิจใหม่เลยและเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย การจะบอกปัดแบบนั้นไม่น่าจะทำได้และเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องสูงมาก
กลับกัน ผมว่าถ้าเครื่องอยู่ในระยะรับประกัน Service ของแอปเปิ้ลนี่อันดับต้น ๆ เลยนะครับ ส่วนเรื่องนอกประกันนี่ไม่มีเจ้าไหนให้ได้มากเท่าแอปเปิ้ลแล้วครับ อันนี้รวมตัวกันยังได้ซ่อมฟรี แต่เจ้าอื่นนี่ลอยแพเลย ที่ดัง ๆ ก็มี HP สมัยก่อนที่การ์ดจอพังอันนั้นยื้ออยู่นานเลยกว่าจะได้ หรือท่านพอมีข่าวว่ายี่ห้อไหนซ่อมฟรีนอกประกันบ้างมั้ยครับ? ที่แบบว่าไม่ต้องรวมตัวกัน
ส่วนรถยนต์นี่แต่ละค่ายก็เหมือน ๆ กันนะผมว่า ถ้าไม่รวมตัวกันหรือปัญหามันมีหลายเจ้าจริง ๆ เค้าก็ไม่มีใครให้ซ่อมฟรีนอกประกันนะครับ
ผมใช้ MacBook สมัยก่อนที่ Apple จะมาเปิดเองที่ Icon Siam กับ Central World ปัญหาที่ผมบอกว่าต้องรวมตัวกันเองคือเรื่องหน้าจอลอกครับ ถึงสุดท้ายเค้าจะออกโปรแกรมซ่อมฟรีมาให้แต่ผมก็ไม่โอเคอยู่ดี
ร้านแรกบอกว่าขออนุมัติกับ Apple ก่อนว่าได้หรือไม่ได้เพราะตัวบอดี้มีรอยบุบที่นึง ตอนหลังบอกว่าไม่ได้แต่ผมไม่ยอมเพราะที่เคลือบหน้าจอลอกมันเกี่ยวอะไรกับบอดี้บุบ ถึงขั้นต้องโทรคุยกับหัวหน้าฝ่ายบริการลูกค้าของ Apple ที่อังกฤษ สุดท้ายโยนกันไปมา ที่ร้านบอกว่า Apple ปฎิเสธ ส่วน Apple บอกว่าประเทศไทยไม่มีร้านของ Apple เองเค้าทำอะไรไม่ได้ อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับ Apple Authorized Service Provider แต่ละเจ้า สุดท้ายต้องตระเวนตามหาร้านที่ไม่ถามมาก รับเข้าระบบไปให้แล้วอีกอาทิตย์นึงก็ไปเอา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่พอใจอยู่ดีเพราะว่าพยายามบอกว่านี่เครื่องใช้ทำงานต้องใช้ทุกวัน สั่งหน้าจอมาก่อนพอได้ของแล้วค่อยเข้าไปเปลี่ยนไม่ได้เหรอ ร้านยืนยันว่าไม่ได้ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นกฎจาก Apple ว่าต้องส่งอะไหล่เก่ากลับไปก่อนเท่านั้นถึงจะส่งอันใหม่กลับมาให้เพราะกลัวชิ้นส่วนรั่วไหลไปร้านรับซ่อมข้างนอก ถ้า AASP เจ้าไหนไม่ทำตามจะต้องโดนปรับค่าอะไหล่แล้วโดนแบน)
ถ้าเรื่องนอกประกันก็ไม่ฟรีหรอกครับ แต่เจ้าอื่นพอหาร้านรับซ่อมโน้ตบุ๊คข้างนอกได้ แต่ Apple พยายามล็อคไม่ให้หาชิ้นส่วนมาซ่อมได้ด้วยวิธีการที่บอกข้างบน แล้วตอนนี้ก็ล็อคด้วย software ด้วยว่าต่อให้หาอะไหล่มาเปลี่ยนเองได้ก็เปิดใช้ไม่ได้อยู่ดีถ้าไม่ได้รับการอนุมัติจาก Apple พออำนาจอยู่ในมือแล้วเค้าก็จะบอกว่าอันนี้ต้องเปลี่ยนทั้งบอร์ดซ่อมไม่ได้ราคาเกือบเท่ากับซื้อเครื่องใหม่ทั้งเครื่อง เราก็ไม่มีทางเลือกต้องซื้อเครื่องใหม่ เสร็จแล้วเค้าก็เอากลับไปซ่อมนิดเดียวที่โรงงาน outsource แล้วก็วนกลับมาขายใหม่ในราคา refurbished ถึงได้รวยแล้วรวยอีก
เครื่องทำงานผมเจอปัญหาหน้าจอลอกทีนึง ครั้งต่อไปยังซื้ออีกเจอปัญหา keyboard อีก ตอนนี้ยังเหลือใช้ iPad อยู่เท่านั้นเพราะไม่ใช่เครื่องทำงานถ้าต้องเอาไปทิ้งไว้เป็นอาทิตย์ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่
ผมตั้งคำถามว่าตอนนี้appleจะเอาอะไรมาเป็นจุดแข็งบนรถตัวเอง AI-Autopilotก็สู้Teslaกับยี่ห้อจีนไม่ได้แน่ๆใน 5 ปี
แบตเตอรี่ก็คงจะต้องฟัดกับToyotaที่ตอนนีมีข้่าวSolid-Batteryใกล้พร้อมแล้วอย่างน้อยภายใน 5 ปีหรือน้อยกว่าอาจะได้เห็นกันแน่ๆ
ยิ่งเรื่องราคาก็ไม่ต้องพูดถึงเลยของขึ้นชื่อAppleอยู๋แล้ว
การซื้อรถมันไม่เหมือนมือถือถ้าเปิดตัวมาแล้วเล่นตัวแบบตลาดมือถือก็จบ แถมเรื่องศูนย์บริการและค่าซ่อมบำรุงระยะยาวที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาอีก ยังมองไม่ออกว่าจะเดินแผนยังไงให้ประสบความสำเร็จในตลาดนี้ถ้าจะเน้นBand loyaltyก็ดูจะเสี่ยงเกิน
อาจตั้งทีมพัฒนาเพื่อมองหาโอกาสใหม่ๆ และความรู้ในมุมมองอื่นจากที่มี ตอนทำ iPhone ยังต้องนับ 1 ใหม่
บริษํท > บริษัท
ผมว่าทำของแต่งรถ น่าจะกำไรดีกว่าทำรถทั้งคันนะ
แล้วถ้าทำรถ แล้วออกของแต่วงรถที่เข้ากันกับระบบของรถในราคาที่มากกว่าเจ้าอื่นประมาณเท่าตัวล่ะครับ?
Apple Ecosystem
นึกภาพขับรถไปเคลมที่ apple store ไม่ออกเลย
ดูทรงแล้ว กำลังออกแบบระบบชาร์จผ่านพอร์ต Lightning แน่นวล
ทำรถยนต์ถ้า เจ้งนี่เจ็บหนักนะ
หรืออาจจะ รอซื้อ nikola มาทำต่อ แค่ รอ นิโคล่า ให้ราคาต่ำสุดขีดค่อยไปสอยมา 55
ถึงตอนนั้นผู้บริหารแอปเปิลคงพิจารณาว่า nikola มันเป็นแบรนด์ลวงโลกรึเปล่า รวมถึงดูเทคโนโลยีในมือตัวเองตอนนั้นเทียบกับ nikola ด้วย ซึ่งผมว่าไม่ซื้อ
Nikola พึ่งเจอเรื่องเปิดโปงการหลอกลวงหลังลงนามกับ GM เพียง 2 วันกับผู้ก่อตั้งโดนฟ้องล่วงละเมิดทางเพศนะครับ น่าจะเละไปแล้ว ไม่น่ารอด
แต่ GM ยังออกจากสัญญาได้หรือหาทางแก้ได้ เพราะยังไม่มีการลงทุนเกิดขึ้น มีแค่การลงนามสัญญาความร่วมมือ แต่ไม่น่าจะกลับมาดีขึ้น
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ซื้อ Nikola เพื่อเอาเทคโนโลยีขับเคลื่อนรถด้วยแรงโน้มถ่วงเหรอครับ :)
พอแบตเตอรีเริ่มเสื่อม จะลดความเร็วรถลงอีกไหม
ตอบแบบไม่กวน ผมว่าเป็นไปได้ คือ ทุกวันนี้อ่ะไหล่ในรถหลายๆชิ้น แม้มีชุดสำรองเข้าทำงานทันทีที่ชุดหลักเสีย แต่ก็ใช้หลักการการสร้างความรำคาญให้คนขับเพื่อไม่ให้ขับไม่รู้เรื่องรู้ราวจนตัวสำรองพังไปอีกอันแล้วไม่เหลืออะไรเลย
รบกวนบอกยี่ห้อรถ และชื่ออะหลั่ยตัวนั้นหน่อยได้มั้ยครับ คือผมสนใจว่ามันมีอะหลั่ยชุดสำรองที่สามารถเปลี่ยนตัวเองกับชุดหลักแบบอัตโนมัติโดยที่เจ้าของรถไม่รู้ได้ยังไง ล้ำมาก
สมัยก่อนนานมากแล้วมันเป็นหลักการของรถสวัเดนค่ายหนึ่งที่ไม่ใช่วอลโว่ เขาเอาแนวคิดของเครื่องบินมาใช้ที่ว่าทุกอย่างต้องมีระบบสำรอง แต่ตอนหลังๆก็ใช้รูปแบบนี้กันแทบทุกยี่ห้อแหล่ะครับ จริงๆมันไม่ได้เปลี่ยนอ่ะไหล่แต่มันเอาอีกตัวมาทำแทน เช่น พัดลมไฟฟ้า ถ้าตัวหลักดับไป รถจะสั่งให้อีกตัวเข้าทำงานแทนทันที โดยตั้งเสียงไอ้ตัวนี้ให้มันดังๆจนเจ้าของกลัวที่จะขับโดยไม่ตรวจเช็ค
ถ้าเอาในระดับซอฟแวร์ก็ยกตัวอย่าง ระบบที่เรียกว่า Limp Mode สมองกลจะสั่งให้รถเป็นง่อย คือ ขับได้ช้ามาก เมื่อมันตรวจพบความผิดปกติในระดับเครื่องยนต์ โดยที่จริงๆแล้ว สมองกลจะทำให้รถสิ่งไปต่อไปแบบปกติก็ได้ แต่เขาทำให้คนขับรู้สึกว่ารถกำลังมีปัญหานะ อะไรงี้
วันก่อนพ่อผมขับ CHR ไปเหยียบตะปูโดยไม่รู้ตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนกว่าจะรู้ตัวคงลงข้างทาง แต่นี่ไฟเตือนขึ้นลมยางอ่อนผิดปกติที่หน้าปัด พอเลยขับเข้าศูนย์ถึงรู้ว่าโดนตะปู
ถ้าเป็นรถทั่วไปเมคเซนส์อยู่นะ เวลาน้ำมันใกล้จะหมดและขับหาปั๊ม ก็จะแนะนำให้ขับรถไม่เกินความเร็วที่แนะนำและปิดแอร์เพื่อใช้พลังงานให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ทุน r&d เยอะ ถึงแม้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่มันก็ขายสิทธิบัตรนวัตกรรมได้ไม่ใช่หรอ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ