หลังจาก Elastic บริษัทผู้พัฒนา Elasticsearch ประกาศเปลี่ยนไลเซนส์โครงการเป็น SSPL ทำให้โครงการไม่เป็นโอเพนซอร์สอีกต่อไป (ซอฟท์แวร์กลุ่มนี้เรียกว่า "มีซอร์สโค้ดให้" หรือ source available เพราะจำกัดการใช้งานซอร์สโค้ด) วันนี้ Shay Banon ผู้ก่อตั้งโครงการ Elasticserch และร่วมก่อตั้งบริษัท Elastic เองก็ออกมาอธิบายว่าการเปลี่ยนไลเซนส์เป็นเพราะ AWS นำซอร์สโค้ดโครงการไปทำธุรกิจแข่ง
เขาระบุถึงบริการ Amazon Elasticsearch Service ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 และใช้ชื่อ Elasticsearch ที่เป็นเครื่องหมายการค้าอยู่ในชื่อบริการโดยตรง (เทียบกับ Amazon DocumentDB ที่วงเล็บข้างหลังว่าใช้งานกับ MongoDB ได้) แถม Werner Vogels ซีทีโอของ AWS ยังเคยทวีตว่าเป็นความร่วมมือกับบริษัท Elastic เองทั้งที่ไม่มีความร่วมมือจริง
หลังจากนั้นเขายังเชื่อว่า AWS นำโค้ดของ X-Pack ที่เป็นแพ็กเกจสำหรับขายของ Elasticsearch ไปใช้ในโครงการ Open Distro for Elasticsearch ที่เป็นโครงการขยายความสามารถของ Elasticsearch เวอร์ชั่นโอเพนซอร์สให้ใกล้เคียงเวอร์ชั่นเสียเงินมากขึ้น
Shay ระบุว่าทาง Elastic มีข้อตกลงกับผู้ให้บริการคลาวด์จำนวนมาก รวมถึงไมโครซอฟท์, กูเกิล, และอาลีบาบา และพร้อมจะทำงานร่วมกับอเมซอนหากข้อตกลงยอมรับได้
ที่มา - Elastic
ภาพทวีตของ Werner Vogels จาก Elastic
Comments
นอกจากจะไม่ช่วยโค้ดแล้วยังจะ ..
ช่าย น่าสงสาร ES สุด ๆ
แต่อีกมุมนึงก็มีคนบอกนะครับว่าเมื่อก่อนอยากได้แค่ feature ความปลอดภัยพื้นฐานอย่าง authentication ไม่ได้อยากได้อะไรแฟนซีแต่ elasticsearch เอาไปไว้ในแบบเสียเงินรวมกับ feature ต่าง ๆ มากมายซึ่งเค้าไม่สนใจ จะให้จ่ายขนาดนั้นเพื่อ authentication อย่างเดียวก็จ่ายไม่ไหว ไม่รู้เพราะอย่างนี้ด้วยรึเปล่าถึงได้มีข่าวข้อมูลหลุดจาก elasticsearch cluster กันบ่อย ๆ
ผมว่าแยกกัน TLS ที่พวกองค์กรจำเป็นเพราะโดนกำกับดูแล อันนี้เขาขายซึ่งผมเห็นด้วยว่าเกินไป พอเจอ ODfE ก็ยอมปล่อยฟรี
แต่พวกไม่ใส่ password นี่น่าจะใช้ default
lewcpe.com, @wasonliw
+1 Amazon นี่เกินไปหลายรอบแหละครับ เป็นองค์กรที่เห็นแก่ตัวสุดล่ะ
น่าจะเป็นเพราะ Jeff ที่ทะเลเรียกพี่