ญี่ปุ่นประกาศจองวัคซีน COVID-19 จาก Pfizer เพิ่มสำหรับประชากร 12 ล้านคน (น่าจะ 24 ล้านโดสแต่ที่มาระบุเป็นจำนวนคน) ทำให้ยอดจองวัคซีนรวมตอนนี้เกินจำนวนประชากร 126 ล้านคนไปมาก ขณะที่ประชากรญี่ปุ่นอายุเกิน 15 ปีอยู่ที่ 90 ล้านคน และรัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนอายุเกิน 16 ปีเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นจองวัคซีนจาก Pfizer สำหรับประชากร 60 ล้านคน, AstraZeneca สำหรับประชากร 60 ล้านคน, และ Moderna สำหรับประชากร 25 ล้านคน ทำให้ข้อตกลงการจองก่อนหน้านี้ก็เกินจำนวนประชากรอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี Pfizer เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ยื่นขอรับรองในญี่ปุ่นในตอนนี้ และคาดว่าจะได้รับอนุญาตใช้งานกลางเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้การจองวัคซีนจาก Pfizer ก่อนจะเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนเป็นวงกว้างได้เร็วขึ้น
ทาง Pfizer เพิ่งประกาศเพิ่มกำลังผลิตจนคาดว่าจะผลิตวัคซีน COVID-19 ได้ 2,000 ล้านโดสเพียงพอสำหรับประชากร 1,000 ล้านคนในปีนี้ ทำให้รองรับคำสั่งซื้อจากประเทศต่างๆ เพิ่มเติมได้
ที่มา - Japan Times
ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
Comments
เห็นประเทศอื่นแล้วก็อิจฉา ประเทศเราถ้าผู้บริหารมีความตั้งใจจะทำงานให้ประชาชน ใส่ใจประชาชนสักหน่อย เราก็ทำแบบเขาได้
เปิดทีวีข่าว 2 ทุ่ม เห็นหน้ารมต.สธ. ไปยืนยิ้มแหยๆรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้วก็แบบ... งานหลักเลยสินะ
ของเราก็ตั้งใจทำงาน แต่วัตถุประสงค์ต่างกัน ของญี่ปุ่นอันนั้นเพื่อประชาชน
ของเรา "กัญชา" priority first ฮะ
ถ้าไม่นับเรื่องการ PR บุคคลสำคัญ
ดูแล้วหน่วยงานรัฐก็กระตือรือร้นที่จะสั่งให้เร็วที่สุดนะครับ
ติดอย่างเดียวคือ ขั้นตอนทางราชการ ที่ออกเป็นกฏหมายไว้ กลายเป็นช้ามาก
หน่วยงานรัฐเรา บวมน้ำมาก ชักช้า อืดอาด หลายขั้นหลายตอน การเดินเอกสารแบบดั้งเดิม
ยิ่งผู้นำประเทศ เติบโตมาจากหน่วยงานรัฐอีก อีกมองการทำงานไปแบบล้าช้า ไปกันใหญ่
ขั้นตอนราชการมันช้าจริงครับ อันนี้เถียงไม่ได้เลย แต่กับเรื่องที่เป็นวิกฤติระดับโลกแบบนี้อย่างน้อยมันควรจะ "พยายาม" หาวิธีจัดการให้มันเร็วขึ้น
จากการถ่ายทอดของบรรดารมต.และโฆษกทั้งหลาย ประชาชนหลายส่วนในประเทศมองไม่เห็นถึงความพยายามในการจัดการปัญหาเพื่อประชาชนเลย กลายเป็นพยายามจัดการเพื่อ PR ให้บุคคลสำคัญไปเฉย
ซึ่งถ้าคนเป็นถึงผู้นำประเทศแต่อ้างว่าไม่สามารถจัดการอะไรให้มันเร็วขึ้นได้เพราะต้องทำไปตามระบบมันก็ดูเป็นการอ้างที่แบบ.. งั้นให้ใครทำก็ได้ผลเหมือนกัน ไม่ต้องมีเขาหรอก ใช่มั้ย?
พรก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจในการงดเว้นขั้นตอนทางกฏหมายได้ครับ
ขึ้นอยู่กับความจริงใจล้วนๆ ชีวิตพวกเราไม่รู้เค้าเห็นค่าแค่ไหน
ผมกลุ้มใจทุกวันไม่รู้เอายังไง เงินก็พอมี แต่ไม่มากพอพาครอบครัวไปฉีดวัคซีนที่ต่างประเทศ
ในประเทศ ก็บังคับ เหลือวัคซีน 2 ตัวมีปัญหาทั้งคู่ ไม่รู้ฉีดแล้ว เป็นยังไง ระหว่างตายเพราะโควิด กับ พิการเพราะวัคซีน
คนกำลังจะตายมหาศาล แต่ยังเห็นหน้าตาสำคัญกว่าสิ่งใด ไม่รับความผิดพลาด และความช่วยเหลือจากใคร หรือ เอกชน ทุกอย่างคือดีแล้ว เพียงพอไปหมด
ไม่เหมาะกับไทยหรอกครับประเทศเราเป็นเมืองร้อน...
อันนี้เอาฮาหรือจริงครับเนี่ย
ประเด็น คือ สั่งจนเกินจำนวนประชากร
และเขาสั่งทั้งสองแบบจ้ะ
ขยายความให้ ว่าเค้าประชดครับ ก่อนหน้านี้มีคนมาให้เหตุผลว่าประเทศไทยร้อน ขนส่งและจัดเก็บยาก ต้องลงทุนตู้เก็บความเย็นเพิ่ม
ที่ฮาคือ มันตั้ง -70 องศา ต่อให้เป็นอลาสกา หรือไซบีเรีย ก็ต้องซื้อตู้ทำความเย็นครับ
มีแหล่งข่าวที่ระบุเป็นจำนวนโดสด้วยครับ คือ
https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20210120_33/
ที่สั่งเยอะแบบนี้เพราะเผื่อโอลิมปิกด้วยหรือเปล่า
ส่วนสาเหตุที่ญี่ปุ่นอนุมัติช้าเพราะวัคซีนใดๆที่จะใช้ในญี่ปุ่นต้องมีการทดลองในญี่ปุ่นด้วย อย่าง Moderna ก็เพิ่งเริ่มเดือนนี้ AstraZenaca จะเริ่มปลายเดือนนี้ คาดว่าจะได้อนุมัติเดือนพฤษภาคมโน่นเลย
ส่วนไฟเซอร์ที่เพิ่มการผลิตก็ทำให้ส่งออเดอร์ช้าออกไป จนอิตาลีพิจารณาฟ้องไฟเซอร์แล้ว
เขามีเงินสดในมือเยอะก็ใช้เงินแก้ปัญหาก็ถูกแล้ว เราเงินน้อย ต้องการผลระยะยาว ก็ต้องใช้แบบที่สาธารณสุขทำในตอนนี้แหละ
Covid-19 มันมีพื้นฐานเหมือนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นมันจะอยู่กับเราอีกนาน ถึงแม้จะมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว มันก็ยังจะมีผู้ป่วยเรื่อยๆ เหมือนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นการที่เราลงทุนกับงานวิจัย แล้วมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาเพื่อให้บริษัทในไทยผลิตเองได้ มีผลดีในระยะยาวมากกว่า ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ระยะยาวเราจะไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนวัคซีน รวมถึงมีความรู้ในเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีน ถ้าในอนาคตมีการกลายพันธ์ เราก็จะไม่ต้องเริ่มต้นที่ศูนย์ ผมเชื่อในข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขนะ เพราะเขาเป็นบุคคลากรที่เป็นระดับหัวกะทิของประเทศ เป็นที่รู้กันเด็กเก่งส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นหมอ ถ้าเราไม่เชื่อเขาแล้วเราจะไปเชื่อใครล่ะ
ดูจากการวางแผน และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา มันมาจากคนที่มีพื้นฐานความรู้ในวิชาชีพที่แน่นมาก มีการวางแผนไว้หลายชั้น ไม่ใช่นักการเมืองวางแผนแน่นอน เพราะนักการเมืองจะวางแผนเพื่อให้ผลเร็วสุด
เราจ่ายเงินชดเชยไปแล้วน่าจะสองสามแสนล้านนะครับ งบประมาณสำหรับ COVID รวมก็ตั้งไว้ตั้ง 1 ล้านล้านแล้ว เฉพาะเงินกู้ soft loan ก็ห้าแสนล้าน
ถ้าซื้อเข็มละพันสำหรับคนไทยทั้งประเทศ 150 ล้านเข็ม ก็ 150,000 ล้าน เรามีเงินพอแน่ๆ (ให้เสียค่าขนส่งค่าเก็บด้วยก็คงไม่เกินสองแสนล้าน) เงินไม่น่าใช่ปัญหาสำหรับกรณีนี้
lewcpe.com, @wasonliw
เศรษฐกิจก็ส่วนเศรษฐกิจ Covid ก็ส่วน Covid การวางแผนประเทศไม่สามารถเอาเงินมาทุ่มส่วนใหญ่ส่วนหนี่งได้หรอกครับ มันต้องมองเป็นภาพกว้าง การแจกเงินเป็นวิธีการให้เงินเข้าถึงประชาชนเร็วที่สุด ให้เกิดการใช้จ่าย เพื่อพยุงเศรษฐกิจไว้ ไม่งั้้น Covid หาย แต่ประเทศไปต่อไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร อย่าเอาแนวคิดทางการเมืองมาปนเลยครับเรื่องบางเรื่องถึงจะเกลียดเขาแต่เขาทำดี ก็ผ่านๆ บ้าง
เขาทำห่วยนี่ครับ นาทีนี้เรามีสัญญาที่น่าจะได้วัคซีน 26 ล้านโดสเท่านั้น ที่บอกว่าจะได้ 50% ของประชากร ยังไม่มีอะไรสัญญาเลย Sinovac เองก็ไม่นับเรื่องการทดสอบที่น่ากังขา ก็ยังได้แค่สำหรับประชากร 1 ล้านคน
ด้วยสภาพตอนนี้เราไม่เห็นทางสว่างที่จะสร้าง herd immunity ในไทยได้เลย ถ้าบอกว่า "มันมาจากคนที่มีพื้นฐานความรู้ในวิชาชีพที่แน่นมาก" คงต้องถามว่าเขาใช้ความรู้ประเภทไหน
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าว่ากันตามข่าวแบบไม่อคติ
ญี่ปุ่นรับมือบริหารจัดการแก้โควิด (ภาครัฐ เอกชน ประชาชน) ห่วยกว่าไทยอีกนะ
ถ้าไม่นับเรื่องการหาวัคซีนก็น่าจะใช่ครับ (ซึ่งว่ากันว่าเกิดจากการขาดกฎหมายควบคุม)
แบ่งสั่งดีแล้วครับ จะได้ดูผลกระทบจากการฉีดวัคซีนก่อน เดี๋ยวก็ได้ผลิตในประเทศแล้วครับ
ผลิตในประเทศไม่เกี่ยวกับยอดจองครับ Siam Bioscience เป็นแค่โรงงานรับจ้างผลิต ไม่ใช่ว่าเอามาขายตรงได้ เราจองเท่าไหร่ก็ได้แค่นั้น
ขณะที่เรามีกำลังผลิต 200 ล้านโดส (ถ้าเริ่มผลิตไตรมาสแรก ปีนี้ก็พอคนไทยทั้งประเทศแล้ว) ถึงได้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของเราทั้งหมด
lewcpe.com, @wasonliw
ทำไมหลายๆ คนดูแฮปปี้กับคำว่า "ผลิตในประเทศ" นะครับ ข้อมูลมันก็มีชัดเจนนะว่าเราผลิตส่งให้บริษัทเมืองนอก ไม่ใช่ผลิตแล้วเอาออกจากโรงงานมาขายเอง
เหมือนกับคนที่คิดว่าเสื้อผ้าแบรนด์ดังเป็น made in Thailand แล้วต้องขายที่ไทยถูกกว่าเมืองนอกอ่ะ
จริง หลายคนพูดเหมือนเราซื้อสิทธิ์ขาดมาผลิตขายเอง จะผลิตใช้เองเท่าไรก็ได้
จริงๆคือแค่รับจ้างผลิต จะซื้อใช้ในประเทศก็ต้องซื้อจากบ.แม่เหมือนเดิม ต่อคิวเหมือนเดิม
แต่แค่ว่าอาจจะซื้อง่ายขึ้น(?) ซึ่งก็ยังดูไม่จริง เพราะเรายังตกลงซื้อได้ไม่ถึงครึ่งของประชากรเลย
มันแยกส่วนไม่ได้หรอกครับ เศรษฐกิจพังเพราะโควิท ถ้ากำจัดโควิทไม่หมด แก้เศรษฐกิจยังไงก็ไม่ได้ เหมือนไฟไหม้ มันก็ต้องพยายามดับไฟ ไปพร้อมๆกับก่อสร้างใหม่ซ่อมแซใ แต่ไม่ใช่ปล่อยไฟไหม้ไป อ้างว่างบไม่พอ เอาไปรอสร้างใหม่อย่างเดียว?
มันต้องทุ่มป้องกันให้ไวที่สุดตะหาก
ที่สำคัญ มันก็เห็นๆแล้วว่า ยังมีการใช้งบที่ดูไม่ค่อยจะเร่งด่วนอีกเพียบที่สมควรจะเลื่อนออกไปก่อน เช่นการซื้ออาวุธราคาแพง ที่ชอบอ้างว่า งบประมาณคนละส่วน :P
พูดไปได้.. เศรษฐกิจก็ส่วนเศรษฐกิจ Covid ก็ส่วน Covid..
การได้รับวัคซีนช้า เพราะเราต้องรอให้ Oxford ถ่ายทอดเทคโนโลยี่ให้บริษัทเอกชนไทย กว่าจะผลิตให้คนไทยใช้ได้ก็ช้ากว่าเค้าไปหลายเดือน
ไทยเราต้องสูญเสียเงินไปกับความล่าช้านี้มหาศาล ปีที่แล้วออกพรก.กู้เงินล้านล้านบาท ระบาดรอบใหม่นี้ก็ใช้เงินสองแสนกว่าล้าน
จะดีกว่าไหมถ้าเราเลิกรอวัคซีนที่จะผลิตเอง แต่รีบซื้อมาฉีดให้คนไทยเดือนนี้ เดือนหน้าเลย เพื่อหยุดการระบาดให้เร็วที่สุด
ทำไมต้องให้รีบซื้อล่ะครับ. ในเมื่อไทยกำลังจะผลิตเองได้
แถมอัตราการแพร่ระบาด ก็ยังไม่หนัก. สามารถรอได้
แล้วทำไมถึงต้องรีบเสียเงินเป็นแสนล้านไปซื้อวัคซีนที่ยังไม่ได้มีการการันตีด้วยซ้ำว่ามันจะได้ผลจริง ๆ งง
รอบเมื่อกี้ ก็ด่าที่ไทยไปสั่งวัคซีนที่ผลมี 50% จากการทดสอบที่บาซิล. คนก็ด่า
แล้วถ้าเกิดเสียเงินแสนล้านไปสั่งวัคซีนมา. แล้วอยู่ ๆ ผลการทดสอบลดต่ำ เดี๋ยวก็ด่าอีก
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทีมทำงานอะ. เขาทำงานได้ดีมาก ๆ อยู่แล้ว. คนชมทั้งโลก
ปัญหาอยู่ที่พวกคุณนี่แหละ พยายามมีปัญหากับทุกอย่าง
คนทำดีก็หาเรื่องติ. เรื่องด่า เรื่องใส่ร้าย
ตำหนิผมเรื่องหนึ่ง แต่ fact ต้องชัดก่อน เราไม่ได้ผลิตเองได้ เรามี "โรงงานรับจ้างผลิตในประเทศ" และเรามีสิทธิ์ซื้อ 26 ล้านโดสจากโรงงานนี้
นาทีนี้แม้โรงงานจะผลิตได้ปีละ 200 ล้านโดส ตอนนี้เราต้องเจรจาซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส ก็ต้องเจรจาก่อน ได้หรือไม่ หรือได้เมื่อไหร่ ต้องรอจากโรงงานนี้ถึงเมื่อไหร่ ยังไม่มีใครรู้ ถ้ารู้จะรีบแจ้งครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ตกลงผมเข้าใจผิดใช่ไหม ผมเข้าใจว่าเรารับจ้างผลิตนะ ผลิตเสร็จจะไปประเทศไหนต้องขึ้นกับ บ.ที่เป็นคนจ้างผลิตไม่ใช่ว่าผลิตแล้วออกจากโรงงานมาใช้ในประเทศได้เลย
มืดบอดเหลือเกิน
มาเลเซียสั่งวัคซีนไฟเซอร์ 25 ล้านโดส
ฟิลิปปินส์สั่งวัคซีนโมเดิร์นา 20 ล้านโดส
จริงๆผมไม่ได้ติดใจเรื่องที่รัฐสั่ง AstraZeneca/Sinovac และไม่ได้ติดใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยซ้ำ(แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องตรวจสอบนะ) แต่ติดใจเรื่องที่ว่าทำไมไม่มีการกระจายความเสี่ยงมายังวัคซีนที่ได้รับการรับรองใน US EU UK Switzerland และได้ฉีดไปแล้วหลายสิบล้านโดสและมีงานวิจัยตีพิมพ์ชัดเจนว่า highly effective เลย
ก่อนจะชมว่า ญี่ปุ่น มีเงินสดเยอะ ไปดูหนี้ต่อ GDP ญี่ปุ่นก่อนครับ ว่าเยอะกว่าไทยกี่ร้อยเท่า - เค้ายังจัดหาให้ ปชช. เค้าได้เยอะและเร็ว
เรายังใช้ความรู้เก่าทางเศษรฐศาสตร์ เรื่องหนี้ไม่ควรเกิน 60% ของ GDP อยู่เลย
โอเคครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่อำนาจทางการเมือง อันนี้พอเข้าใจได้ แต่ผมก็ยังมองว่า เราทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานนะ
แต่เจ้าหนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่นคือประชาชนของเค้าเองนะครับ
ถึงจะล้มมันก็ยังล้มบนฟูกอยู่ดี เพราะคงไม่มีเจ้าหนี้ที่ไหนอยากให้ประเทศตัวเองล่มจมหรอก
บ้านเรานี่เครดิตในประเทศของภาครัฐแทบไม่มีเลย กู้ในประเทศไม่ได้ มันเลยต้องพึ่งเงินภายนอก ซึ่งถ้ากู้มามากเกินไป มันจะมีความเสี่ยงที่ประเทศจะถูกแทรกแซงโดยเจ้าหนี้(ต่างประเทศ)ได้ไงครับ
ขอมองต่างมุม (?)
ช่วงแรกๆ มีข่าวว่า ใช้ยาไทย ร่วมกับยาอื่น แล้วรักษาได้ผลดี
ทำไมไม่ทำการศึกษาต่อจนเอาไปใช้งานได้จริง แล้วขายยาหาเงินเข้าประเทศ
ในเมื่อ ต่างประเทศ ยังมีการระบาดอยู่
แต่ติดตรงไหน..........
แก้ได้ทั้งโรค แก้ได้ทั้งเศรษฐกิจ (ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อยา)
เข้าใจว่ายามันใช้ไม่ได้จริงน่ะสิครับ เหมือนตั้งใจสร้างข่าวแต่ไม่รู้จุดประสงค์เหมือนกัน
ก็กำลังพยายามทำให้แล้วไง อย่าบ่นให้มากนักนะ บ่นมากเดี๋ยวทวงบุญคุณซะเลย
นี่ถ้าไม่ได้.นะพวกคุณยังต้องต้มยาหม้อเก็บสมุนไพรกินเองกันอยู่เลย สำนึกบุญคุณกันบ้าง
แล้วไม่ต้องมาถามอะไรด้วยถามมากเดี๋ยวเจอข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง(ของ?)ซะเลย
คือพยายามทนนั่งฟังรมต.ประเทศนึงในแถบทะเลใต้
เขาพล่ามตั้งเกือบ 30 นาที มีเนื้อหาแค่นี้ มีแต่ทวงบุญคุณ ไม่มีการตอบในส่ิ่งที่เขาถามเลย
เห็นพาดหัว คิดไม่ผิดว่าในเม้นท์ต้องอดมีคนเปรียบเทียบไม่ได้
ประเทศเราถึงบางเรื่องมันจะบ้าๆ บอๆ เพี้ยนๆ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกครับ หลายๆ เรื่องดีกว่าด้วย (เช่นเดียวกัน ประเทศอื่นเค้าก็มีเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบของเค้า แค่เราไม่รู้)
อันนี้ไม่ได้บอกว่า ทำไม่ดีด่าไม่ได้งี้นะ ตามสบายเลยครับ แต่คิดว่าคนที่เหนื่อยอ่านการกระแนะกระแหน ที่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอะไรขึ้นมาเหมือนผมก็คงมี
ไม่อยากให้เปรียบเทียบ ไม่อยากให้มีคำถาม ไม่อยากให้ประชาชนสงสัย ไม่อยากให้ประชาชนคิดต่าง
อ่าาาาาาาาาาา
ฟิน
ถถถถถถ
ว่าแต่ เพราะการที่ประชาชน feedback ไปถึง ผู้มีอำนาจ เค้าไม่ได้ปรับอะไรขึ้นมาเลยหรอ
คิดงี้จริงดิ!!!
ขอตัวอย่างเรื่องดีๆ หน่อยครับ อยากรู้สึกฟินบ้าง
เว็บนี้ของผมครับ ThaiMobData.com เรื่องวัคซีนในเว็บ ใครไม่ฟิน แต่พวกผมฟิน
ยินดีด้วย 55
เดาว่าเผื่อคนต่างชาติที่ได้วีซ่าพำนัก/ทำงานที่นั่นด้วย
รัฐบาลเชื่อฝ่ายแพทย์มากเกินไป ซึ่งแพทย์ไทยหลายๆท่านเชื่อมั่นในวัคซีนที่ผลิตด้วยวิธีการดั้งเดิมซึ่งก็คือของAstraZeneca/Oxford มากกว่าวิธีใหม่เอี่ยมอ่องที่อย่างของ PfizerและModerna ทำให้ไทยเรามุ่งไปที่วัคซีนของAstraZenaca/Oxfordและเพิ่มเติมด้วยSinovacเป็นหลัก พอจะหันไปสั่งวัคซีนแบบใหม่จาก2บริษัทก็ไม่ทันประเทศอื่นๆแล้ว คิวยาวเป็นหางว่าว
แทนที่จะกระจายความเสี่ยงของชนิดวัคซีน
แล้วถ้าๆไม่เชื่อฝ่ายแพทย์แล้วจะไปเชื่อใครล่ะครับ ผมว่าถ้าเชื่อตัวเองน่าจะเละกว่านี้นะ @_@ ผมว่าแพทย์น่าจะมีความรู้มากกว่านะเรื่องวัคซีน รู้มากกว่าผมแหละคนนึง อย่าลืมว่า วัคซีนก็มีความเสี่ยงไม่ใช่ไม่มี
ส่วนตัวผมคิดว่าบ้านเราฉีดช้ากว่าประเทศอื่นก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะผู้ติดเชื้อไม่ได้เยอะมากเท่าไร ยังพอใช้มาตรการปัจจุบันป้องกันได้ไปก่อน ที่ผ่านมาไม่มีวัคซีนก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ถ้าเอาปัจจัยนี้มาคิดด้วยแล้ว การใช้วัคซีนที่น่าจะได้ผลชัวร์สุดน่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าสำหรับสุขภาพชาวไทย
เรื่องการท่องเที่ยวหรือเศรฐกิจมันเป็นเรื่องรอง การท่องเที่ยว ถ้าบ้านเราฉีด ประเทศอื่นยังไม่ฉีด ก็เปิดประเทศไม่ได้อยู่ดี เพราะงั้น เราฉีดหลังเค้าก็น่าจะไม่เป็นอะไร อาจจะแค่ 6 เดือน รอให้ประเทศอื่นเค้าพร้อมก่อนค่อยเปิดก็ได้
รอบนี้การช่วยเหลือ "เราชนะ" ใช้เงินประมาณสองแสนล้าน ถ้าช้าไปอีกหกเดือนรอบนี้คุมได้ก็รอลุ้นไปครับ ว่าหกเดือนนี้จะมีอีกรอบไหม แล้วเราต้องช่วยเหลืออีกกี่รอบ? จนกว่าจะเกิด herd immunity ทั้งหมดนี้ไม่นับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นของคนตกงานเอาจริงๆ มันเกิน 7,000 บาทที่รัฐบาลให้
ตอนนี้เรามีสัญญา 26 ล้านโดสหนึ่งฉบับ Sinovac ที่บอกว่า "จะมา" ผมยังไม่เห็นข่าวว่าตกลงจองกันหรือยัง เพราะอย่าง COVAX ที่บอกว่า 20% ของประชากร แถลงข่าวกันมานานก็ปรากฎว่ายังไม่ได้เซ็น ข้อความล่าสุดคือ "ก็อาจมีความยุ่งยากในการจองซื้อบางประการ และการจะได้วัคซีนก็อาจมีปัญหา"
ผมไล่ข่าวต่างประเทศให้ดูเพราะภายในปีนี้เราเห็นได้ชัดว่าน่าจะมีหลายประเทศทำได้ในระดับ herd immunity แต่อย่างที่ผมคอมเมนต์ด้านบน เมืองไทยผมไม่เห็นทางแม้แต่ในปีนี้ (หรือปีหน้า)
วิกฤติหรือไม่นี่ขึ้นกับใครมองครับ ผมเองแทบไม่โดนอะไรเลยนอกจากเบื่อๆ ที่ต้องอยู่บ้าน แต่คนตกงาน เขาสัมผัสไม่เหมือนผม คนเราจะลอยตัวว่าฉันไม่โดนก็ไม่เห็นเดือดร้อนเลยก็คงได้ คนทำงานท่องเที่ยวทำงานโรงแรม ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแต่ยังมีนักท่องเที่ยวไทย ร้านอาหารยังเปิดได้ นักดนตรียังมีงานทำมันก็คงมีคนที่หลุดวิกฤติได้เยอะพอสมควร
lewcpe.com, @wasonliw
อ่อ ผมลืมบอกไป ผมทำงานโรงแรม แผนกเซล อยู่บ้าน และโดนลดเงินเดือน 75% บ้านก็ต้องผ่อน ลูกก็พึ่งเกิดเมื่อปลายปีที่แล้ว
ถามว่าวิกฤตมั้ย ก็ขึ้นอยู่กับคนมองอ่ะนะครับ ทุกวันนี้ก็ต้องขายของที่ซื้อไว้ เครื่องเกม คอม โนตบุคเพื่อ เอาเงินสดมาใช้ก่อน หางานเสริมนู่นนี่ทำ แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร
คนที่ลำบากกว่าผมก็น่าจะมีแหละครับ แต่ผมเชื่อว่าคนที่เค้าทำงานตรงนี้เค้าทำดีที่สุดแล้วที่จะแก้ปัญหาผมในฐานะที่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็ได้แต่ให้กำลังใจคนที่เค้าทำงานและพยายามเข้าใจและมองในแง่ดีในสิ่งที่เค้าตัดสินใจ ไม่งั้นเครียดครับ - -*
เข้าใจมั้ยครับ ว่าถ้าคิดว่าเค้าทำเต็มที่แล้ว เราก็รออย่างมีกำลังใจ แต่ถ้าเราคิดว่าเค้าห่วยแตก แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ มันไม่เกิดผลดีกับสภาพจิตใจ
แต่อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่แรกผม "ไม่มีความรู้เรื่องวัคซีน"
+1 ผมเชื่อว่าทุกคนก็ทำหน้าที่กันหัวหกก้นขวิดกันทั้งนั้น ตามความรู้ความสามารถของเขา แค่อาจจะรู้สึกไม่ถูกใจเราด้วยเหตุผล(ที่เรา"คิดว่า"ดีกว่า)ต่างๆ นานา
(ส่วนดีกว่าจริงหรือเปล่าก็ไม่มีใครตอบได้จริงๆ อยู่ดี ทั้งโลกนั่นแหละครับ)
ขนาดนี้ผมว่าคนจำนวนมากก็คงมองว่าวิกฤติแล้วนะครับ มองโลกในแง่ดีก็ยินดีด้วยครับ
แต่ผมก็ยังยืนยันว่าคนที่โดนระดับคุณหรือแรงกว่านี้ต้องเรียกว่าวิกฤติแล้ว และรัฐต้องเร่งทำทุกอย่างให้กิจการกลับมาเปิดได้โดยเร็ว
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าบอกว่า "การใช้วัคซีนที่น่าจะได้ผลชัวร์สุดน่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าสำหรับสุขภาพชาวไทย"
ก็ควรจะเลือกวัคซีนที่ค่าล่างของ 95% confidence interval สูงที่สุดรึเปล่าครับ ซึ่งก็ควรจะเป็น Pfizer (90.3%) หรือไม่ก็ Moderna (89.3%) แต่รัฐไทยไปเลือก AstraZeneca (54.8%) กับ Sinovac (46.15%)
แพทย์ก็มีหลายความเห็นครับ เพื่อนผมก็อาจารย์หมอ ไม่กล้าฉีดวัคซีนจีนที่แม้แต่paperอย่างเป็นทางการยังไม่ออก ยอมเสี่ยงต่อ คนไม่ได้มีความรู้แค่คนเดียวครับ คนที่อวยเพราะผลประโยชน์ก็มี คนที่รู้ยิ่งกว่าเพราะทำงานโดยตรงแต่ไม่ดังไม่มีอำนาจก็มี ความรู้ยิ่งตรวจสอบทบทวนได้ :P
ส่วน mRNA เป็นของใหม่ประสิทธิภาพสูง จะบอกให้ว่าถ้าเอกชนนำเข้ามาได้จริง พวกที่ปากบอกไม่ดีๆเพื่ออวยตามรบ. แอบไปลงชื่อจองฉีดกันทั้งนั้น :P
ฉีดช้ากว่าประเทศอื่นก็ฟื้นช้ากว่าคนอื่นน่ะสิครับ เศรษฐกิจพังพินาศ ถ้ายังรับรองความปลอดภัยไม่ได้
GDP การท่องเที่ยวมหาศาลนะครับ เฉพาะในประเทศก็ยังเยอะ คุณจะบอกให้นอนซ่อนตัวในบ้านรอ ผลิตวัคซีนเองที่ก็ไม่พออยู่ดีไปเรื่อยๆ? เชียงใหม่เชียงราย เสียหายช่วง hi-season เท่าไร ตอนแรกดราม่าเพราะคนลักลอบไปเพื่อนบ้าน ตอนนี้คือเชื้อมาจากกทม.นั่นแหละย้อนไปแพร่ที่นั่น
แล้วที่ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤตินี่...ถามจริงๆครับทำงานอะไร?
เอางบที่จ้างIO มาลงข่าวด่าไฟเซอร์ แล้วไม่กล้าลงชื่อตอนมีข่าววัคซีนจีนไปซื้อวัคซีนยังจะดีกว่า :P
เห็นด้วยครับ คงต้องเชื่อหมอและหมอ ๆที่ล้อม ๆรบ.คือระดับอาจารย์หมอทั้งนั้นไม่เชื่อหมอแล้วจะไปเชื่อใครเรื่องนี้
+1 ถ้าจะให้ผมเลือกเชื่อระหว่างชาวโซเชียล กับ ศ.นพ.ยง ที่บอกว่าแผนการจองวัคซีนตอนนี้เหมาะสมแล้ว
ผมก็เลือกเชื่อหมอดีกว่า เพราะชาวเน็ตแถวนี้ เงิบมาหลายทีก็ไม่เคยยอมรับ ตั้งแต่ช่วงระบาดแรกๆตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
เชื่อเถอะ ถ้ารัฐบาลสั่งวัคซีนแบบ mRNA มาฉีด แล้วมีคนตาย พวกนี้ก็จะด่ารัฐบาลอีก…
เชื่อนักไวรัสวิทยา นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วยครับ ไม่ใช่แพทย์อย่างเดียว ถ้าแพทย์ไม่ใชนักวิจัยก็จบแล้ว
เขาคุยกันด้วย paper ครับ ต่อให้คนในสาขามาพูดลอยๆ ก็ไม่น่าเชื่อถือเท่าpaper ผลงานวิจัยว่าอย่างไร....
ไม่อยากจะพาดพิงว่าสมัยหมอผีคนดัง ออกมาพูดว่าใครตายเพราะอะไร ทุกคนก็ห้ามเถียงห้ามสงสัย แต่คนในวงการด่ากันจะตายว่าผิดหลักวิชาการสุดๆ
ทุกวันนี้คุยกันไม่ว่ากับใคร ต้องอ้างอิง paper ครับ ยกมาว่า หมอคนดัง มีชื่อเสียงในวงการนั้นออกมาพูด อันนี้ต้องตั้งคำถามต่อ ว่าเอาpaperไหนมาพูด
อย่าบอกนะว่าไม่เอะใจเลย ที่ตอนนี้ IO รุมลงข่าวด่าไฟเซอร์ที่มีการฉีดแล้วมากที่สุดในโลก แล้วกลับมาอวย วัคซีน ที่แม้แต่paperเฟสสามอย่างเป็นทางการยังไม่ออก โดยอ้างเรื่องวัคซีนอื่นในอดีต?
ประเด็นที่ต้องการสื่อคือนี่แหละครับ เพราะตัวเปเปอร์เองก็ต้องมีคนเชี่ยวชาญในสาขานั้นมาแปลให้อีกทีนะครับ
เลยตอบกลับคนข้างบนว่าแค่แพทย์อย่างเดียวไม่พอแน่นอน
ก่อนหน้าที่ญี่ปุ่นจะสั่งเพิ่มคนญี่ปุ่นด่า ร.บ. เหมือนที่ไทยรึเปล่านี่
พอถึงจุดๆนึง รบ ไทยก็ต้องสั่งเพิ่มอยู่ดีไม่ว่าช้ารึเร็ว
น่าอิจฉาจริงๆครับ เสียดายที่ประเทศเราไม่มีใครมีเงินขนาดนี้
ของเรามาก็ช้าซื้อก็แพงแล้วยังโดนทวงบุญคุณอีกด้วย อยากจะขำแต่ขำไม่ออกจริงๆ
พอมีคนมาตั้งข้อสงสัยก็ยัด 112 อุดปากไป ถถถถถถโถ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
สู้้ๆครับ
เคสคนนั้น พยายามให้ข้อมูลบิดเบือนและใส่ร้าย เลยโดนนิครับ
ก่อนจะเชื่ออะไร ก็ไปค้นหาข้อมูลกันก่อนนนนน
ขาดทุนคือกำไร. เคยได้ยินไหม.
โดน 112 เพราะปรากฏพระนามแบบหมิ่นพระเกียรติชัดเจน ส่วนข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสยามไปโอไซเอนซ์ผิด พรบ คอม ไม่ได้เกี่ยวกับสยามไบโอไอเอนซ์ได้รับการคุ้มครองจาก 112
^^
สำหรับผมถึงประเทศจะจัดหาวัคซีนมาได้เยอะ แต่ระบบการจัดการก่อนหน้านั้นห่วยจนคนตายไปเยอะแล้วผมก็ไม่อยู่อ่ะ ขออยู่ประเทศที่ไม่มีวัคซีน แต่ยังเดินทางไปไหนมาไหนได้สบายใจดีกว่า
หืม. ไทยจัดการ covid ได้ดีกว่าญี่ปุ่น
เลยมีเวลาที่จะรอได้. ทั้งดูผลของ วัคซีนแต่ละตัว
แล้วก็รอให้ไทยสามารถผลิตวัคซีนใข้เอง
เพื่อประหยัดเงินภาษีของประชาชน. มันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอครับ
หรือกะจะให้สั่ง ๆ ไปเลย ดีไม่ดีช่างมัน. ใช้เงินเป็นแสนล้านสั่งมา
แล้วอยู่ ๆ วัคซีนได้ผลไม่ดีเท่าที่คิดไว้. เสียเงินเปล่านะ
ญี่ปุ่นเขาต้องรีบ เพราะเขาระบาดหนักมาก
เขาเลยจำเป็นต้องรีบกว้านซื้อเข้ามาเพื่อฉีด
เขาไม่มีทางเลือก
ผมว่าไทยจัดการได้ดีกว่ามากเลยนะ. ใช้จำนวนเงินไม่สูง แถมได้ผลดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
น่าชื่นชมนะ. ทำไมถึงด่ากันหว่า.
+1
"หืม. ไทยจัดการ covid ได้ดีกว่าญี่ปุ่น
เลยมีเวลาที่จะรอได้. ทั้งดูผลของ วัคซีนแต่ละตัว"
ผลของวัคซีนมันก็ออกมาหลายเจ้าแล้วที่ได้ผล 80% 90% แต่!!ทำไมไทยถึงเลือกที่จะดึงดันซื้อ Sinovac ที่ได้ผลแค่50% ต่อไปทั้งๆที่ผลก็ชัดเจนขนาดนี้.. แล้วที่ว่าไทยจัดการได้ดีกว่า เพราะไทยไม่ค่อยได้ตรวจเชิงรุกครับ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเลยดูน้อยมาก เพื่อให้บรรดาท่านๆ รมต.พอใจไงครับ
นี่แหละเหตุผลที่เค้าด่ากัน
ถ้านโยบายเราคือ "รอผลชัดเจน จึงจะจอง" อันนี้เข้าใจได้นะครับ (เห็นด้วยหรือไม่อีกเรื่อง แต่เข้าใจได้ มีเหตุผล) กระทรวงควรแถลงให้ชัด แต่แถลงที่ผ่านมาไม่ใช่แบบนั้น
แถลงของกระทรวงคือ เราจะจองโดยไม่รู้ผลก่อน ("กะจะให้สั่ง ๆ ไปเลย ดีไม่ดีช่างมัน" ตามคำพูดของคุณ) แต่ติดงานเอกสาร ออกประกาศได้วันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่บริษัทอื่นจองล่วงหน้าตั้งแต่ กรกฎาคม-สิงหาคม (ย่อหน้าสองหน้าสองในลิงก์)
ออกประกาศมา กว่าจะเจรจา ครม. อนุมัติอีกทีวันที่ 17 พฤศจิกา และทำพิธีลงนามกันวันที่ 27 หลัง Oxford แถลงผลมาแล้วสี่วัน
เช่นเดียวกับ Sinovac ที่แถลงว่าจะเข้ามาแล้ว (ซึ่งผมหาไม่เจอว่าลงนามกันหรือยัง) ยังไม่มี paper แถลงผลชัดเจน นโยบายจะเป็นอย่างไร ไม่มี paper คือไม่ฉีด? ไม่ซื้อ?
ถ้ารู้สึกว่าการที่รัฐบาลรอเอกสารกันสามสี่เดือนในภาวะแบบนี้แล้วเป็นการจัดการได้ดีก็ยินดีด้วยครับ
lewcpe.com, @wasonliw
คุณรู้หรือเปล่าว่าไทยสั่งวัคซีนแพงกว่าประเทศอื่นเมื่อเทียบยี่ห้อเดียวกัน
แพงกว่ายังไม่พอ กระทรวงสาธารณสุขยังมาบอกอีกว่าซื้อได้ถูกสุด
บอกว่าวัคซีน AstraZenaca ไทยซื้อโดสละ 150 บาท คือถูกสุดแล้ว เจอเอกสาร EU ซื้อโดสละ 1.78 ยูโร (65 บาท) ถูกกว่ากันเกินครึ่ง
IO ไปจ้างเพจที่ไม่เกี่ยวกับวงการสาธาฯ ตอบแทนว่า เพราะEU เขาร่วมมือกับ oxfordตั้งแต่แรกเลยได้ถูก แถมอยู่ EU ด้วยกัน(IO ตกข่าวเรื่อง brexit ?)
แถมยกว่าเรายังซื้อแพงๆพอๆกับแอฟริกาใต้นั่นแหละ เราไม่ได้แพงที่สุดในโลกคนเดียว
ที่ขำคือเพจนั้นมันไม่เคยพูดถึงข่าวสาธารณสุขมาก่อน จู่ๆเอาบทความกับภาพมาลง เหมือนโดนจ้างมาเห็นๆ
เพจ Thailand Vision หรือ The Mettad ล่ะ 5555
แต่มีมุกใหม่มาให้ขำอยู่เรื่อยๆนะ เช่น ถ้า AstraZenaca โมโหที่มีการตรวจสอบจนไม่ส่งวัคซีนมา ใครจะรับผิดชอบ (ก็ AstraZenaca ไง)
กับ ประเทศไทยคุมโควิดอยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนเทคโนโลยีใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง (แต่ออสเตรเลียไม่มีการติดเชื้อในประเทศมาสัปดาห์นึงแล้วก็ยังเตรียมฉีดของไฟเซอร์ปลายเดือนหน้า)
เห็นคนพูดเรื่องเราช้าๆ ไม่ต้องแค่วัคซืนหรอก อย่างอื่นเราก็ขยับตัวช้า ตัวอย่างเช่น รถไฟ หรือนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยังไม่ชัดเจนสักที
์Net บ้านเราเร็วนะ ตึงโป๊ะ ;)