หลังอิสราเอลฉีดวัคซีน BNT162b2 ของ Pfizer และ BioNTech เป็นวงกว้าง วันนี้ทาง Sheba Medical Center ก็เผยแพร่รายงานประสิทธิภาพของวัคซีนก่อนฉีดเข็มที่สอง หลังจากที่ Pfizer รายงานว่าประสิทธิภาพของวัคซีนสูงกว่า 90% แต่จะนับประสิทธิภาพหลังจากฉีดเข็มที่สองไปแล้ว 7 วัน
Sheba Medical Center สำรวจประสิทธิภาพจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับวัคซีนจำนวน 7,214 คน เมื่อสำรวจเฉพาะในช่วงหลังจากได้รับวัคซีนวันที่ 15-21 พบว่ามีผู้ติดเชื้อแบบมีอาการ 9 คน คิดเป็น 1.9 เคสต่อ 10,000 คน-วัน เทียบกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอยู่ที่ 5 เคสต่อ 10,000 คน-วัน คิดเป็นประสิทธิภาพ 76% อย่างไรก็ดีควรระวังว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานสาธารณสุขที่อายุไม่สูงนัก
ประสิทธิภาพเช่นนี้ทำให้นักวิจัยจากแคนาดาแนะนำรัฐบาลว่าอาจจะเลื่อนการฉีดวัคซีนของ Pfizer โดสที่สองออกไปก่อนเพื่อให้ฉีดเป็นวงกว้างให้มากที่สุด ส่วนทาง Pfizer ระบุว่ากำลังติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนเช่นกัน
ที่มา - Reuters, The Lancet
ภาพวัคซีน BNT162b2 จาก BioNTech
Comments
แต่เราคงไม่มีโอกาสได้ใช้...
เขาคงกลัวว่าเดี๋ยวจะไม่ได้ ปลาบปลึ้มปิติยินดี กันครับ
อ๊ะ เปเปอร์นี้น่าสนใจหลายอย่าง ชอบตรงที่มีค่า All SARS-CoV-2 positive ให้ด้วย คือตัดกันที่ติดเชื้อหรือไม่เลย ไม่จำเป็นต้องมีอาการด้วยถึงจะนับ ซึ่ง Pfizer ลดได้ 75% แม้ฉีดเพียงเข็มแรกนี่เจ๋งมาก ส่วนถ้านับเฉพาะติดเชื้อ"และ"มีอาการ ได้ 85% (ตามพาดหัวข่าวของ Reuters) น่าเสียดายที่กลุ่มควบคุมคือกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดอะไรเลย ไม่ใช่กลุ่มฉีดหลอก พฤติกรรมการใช้ชีวิตเลยอาจต่างกันจนเอาไปเทียบกับการทดลองวัคซีนปกติไม่ได้
ข่าวล่าสุดเพิ่งมาเมื่อกี้ Pfizer บอกว่าสามารถเก็บวัคซีนที่ -25 ถึง -15 เซลเซียสได้สองอาทิตย์ ประเทศไทยสนเพิ่มขึ้นไหม หรือขอกดสั่งแอสตรารัวๆต่อไป
บ้านเราดูแล้ว ยิ่งมีคนทักท้วงเยอะๆ ยิ่งดื้อครับ ไม่กระจายความเสี่ยงอะไรทั้่งนั้น แถมขู่ฟ้องคนทักท้วงรัวๆ
แต่ยังดี เลิกให้คนของรัฐออกมาปล่อยข่าวปลอมเรื่องไฟเซอร์ละ ช่วงสองสัปดาห์ก่อนนี่ปล่อยข่าวฉีดแล้วตาย ฉีดแล้วปากเบี้ยวรัวๆ โดย"คนของรัฐ" เองที่ยกข่าวที่ยังไม่สรุปจากสื่อมาพูด พอผลการวิจัยจริงๆจังๆออก ก็เงียบหมด เพราะคงอายปากบ้างที่จะออกมาโกหกต่อ
แต่ผมคงติดตามข่าววัคซีนเยอะเกินไป จนเรื่องที่ใหม่จริงๆชนิดที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ที่ฝ่ายค้านอภิปรายในสภา คือเรื่องที่ว่าสยามไบโอ ผลิตชุดตรวจโควิดยังไม่ผ่าน อย ชุดตรวจที่โหมโฆษณาว่าเป็นของขวัญจากฟ้าตั้งแต่ปีที่แล้วนั่นแหละ ส่วนเรื่องประเด็นอื่นๆเกี่ยวกับวัคซีน เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว
เฮ้ยยย อันนี้เบิกเนตรผมมาก ผมเพิ่งรู้ว่า "คนของรัฐ" บ้านเรา สามารถไปหลอกให้ "สื่อหลักต่างประเทศ" เค้ารายงาน side effects ของวัคซีนไฟเซอร์ได้
ตกใจมากว่า ทำไมสื่อพวกนั้นไม่ยอมตรวจสอบข่าวก่อนจะเผยแพร่เลย
คุณ Fourpoint ไม่ได้บอกว่า "สื่อหลัก" นะครับ แค่ "สื่อ" เฉยๆ ซึ่งเทคโนโลยีทุกวันนี้ใครๆก็เป็นสื่อได้
สื่อที่เป็นเสาหลักของโลก เท่าที่ผมค้นมาคือสามสำนักข่าว Reuters เสาหลักแห่งอังกฤษ AP เสาหลักแห่งอเมริกา AFP เสาหลักแห่งฝรั่งเศส ทั้งสามเสาหลัก ต่างพากัน fact check เรื่องวัคซีนมีความสัมพันธ์กับอาการปากเบี้ยวว่าไม่เป็นความจริง
แปะลิ้งค์ยาวไปไม่สะดวก ลองเอาไปหาใน Google นะครับ
(Reuters) Fact check: Anaphylaxis and Bell’s palsy are not the most common side-effects of COVID-19 vaccines
(AP) No record of registered nurse who claims Bell’s palsy after vaccine
(AFP) Old photos circulated in misleading social media posts about Pfizer-BioNTech Covid-19 vaccine trial volunteers developing facial paralysis
แต่คุณอนุทินออกมาพูดเฉยเลยว่า "ลองนึกสภาพหากฉีดแล้วเหมือนในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เมื่อฉีดแล้วปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใครจะเป็นผู้อธิบาย เมื่อเรามีเวลาและโอกาสเลือกสิ่งที่ปลอดภัยทำไมจะไม่ทำ"
จัดไปครับ
Reuters
-- https://www.reuters.com/article/uk-factcheck-anaphylaxis/fact-check-anaphylaxis-and-bells-palsy-are-not-the-most-common-side-effects-of-covid-19-vaccines-idUSKBN29Z0PD
AP News
-- https://apnews.com/article/fact-checking-afs:Content:9915802202
AFP
-- https://factcheck.afp.com/old-photos-circulated-misleading-social-media-posts-about-pfizer-biontech-covid-19-vaccine-trial
ข้างบนยกตัวอย่างfact checkง่ายๆกันไปแล้ว
คนสายวิชาการ ต้องว่ากันด้วยpaperครับ ไม่ใช่จากสื่อบางเจ้า ที่เขียนข่าวชี้นำไปโดยไม่สรุปอย่างเป็นกระบวนการ
side effect มันเกิดขึ้นจริง แต่ก็ต้องสอบเทียบกับสถิติ หรืออาการ ว่ามันมีcorrelation กันไหม ไม่ใช่ บอกคนฉีดแล้วตาย คนฉีดแล้วหน้าเบี้ยว เกิดเพราะวัคซีนโดยทันทีแล้วออกมาพูดให้แตกตื่นโดยคนดังๆ
พวกชอบอ้างว่า คนนั้นคนนี้อาจารย์หมอพูดนะ ต้องเชื่อ คือเพื่อนผมก็ระดับอาจารย์หมอหลายท่านนะครับ เวลาคุยกันก็ต้องยกpaperมาให้ดู ผมก็ไม่ได้เรียนสายนั้นโดยตรงแต่ก็พอจะอ่านสรุปผลรู้เรื่อง เพราะการจะ"เชื่อ"อะไรมันก็ต้องมีการทดลอง วิจัย รองรับที่ชัดเจน
สุดท้าย ผมย้ำเรื่องการกระจายความเสี่ยงมากกว่า ประเทศที่เจริญแล้ว รวยกว่าเรา เขากระจายความเสี่ยง สั่งซื้อวัคซีนหลากยี่ห้อ เพราะเขาไม่มั่นใจได้เลยว่า จะมียี่ห้อไหนเพียงพอ หรือไม่เกิดปัญหา ตอนถึงเวลาจริง หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราหลายประเทศก็กระจายเช่นกัน
เราก็ไม่ได้รวย แต่ค่าวัคซีนมันก็เป็นเพียงส่วนน้อยมากๆของงบสู้โควิท(หลักพันล้าน vsล้านล้าน) ถ้าจะทุ่มเงินส่วนวัคซีนนี้เพิ่มขึ้นมันตอบคำถามได้ ทุกคนเข้าใจได้ง่าย เหมือนกับที่อ้างว่าต้องให้เงินลงทุนกับเอกชนแค่เจ้าเดียวไปก่อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตวัคซีนในประเทศ(แม้จะมีคำถามว่า ถ้าให้เงินก้อนเดียวกันกับองค์การเภสัชฯล่ะ?) มันก็พอฟังได้ แต่ไม่ใช่ทุ่มแทงเจ้าเดียว แล้วออกข่าวโจมตีเจ้าอื่น มันดูเหมือนมีความต้องการแอบแฝงหรือธง ไว้แล้ว
ข่าวล่าสุดจากตปท.ว่า แม้แต่ออสเตรเลีย ที่ทำสัญญาผลิตวัคซีนแอสตร้าฯ ก็มีปัญหาด้านการผลิต ทำให้ได้น้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ข่าวบ้านเราเงียบกริบว่าไปถึงไหนแล้ว ก็น่าหวั่นใจ ว่าถึงเวลาจริงจะผลิตได้แค่ไหน และจะจัดส่งให้รบ.ไทยได้สัดส่วนเท่าไร จากที่สั่งไป(เพราะสัญญาจ้างผลิตจากบ.แม่ ไม่ได้ขายให้เราโดยตรง)แล้วถ้ายังไม่มีแผนสำรองหรือกระจายซื้อเจ้าอื่นทั้งๆที่มีผู้ผลิตบางยี่ห้อมาเสนอขายถึงที่(เช่นJ&J ตามข่าวคคห.ล่าง) ถึงวันนั้น บ้านเราอาจจะล้าหลังที่สุดในโซนนี้ก็ได้
ป.ล.วัคซีนพาสปอร์ต มาแน่ครึ่งหลังของปี ถ้าไทยยังไม่ได้ฉีดหรือฉีดล่าช้า ก็เปิดประเทศได้ช้ากว่าใคร การท่องเที่ยวและการติดต่อค้าขายก็ยากที่จะฟื้นตัว
คิดว่าlotของปีนี้น่าจะโดนจองไปหมดแล้วแหล่ะ ตอนนี้ถ้าเงินไม่หนาพอน่าจะหายาก
เงินหนายังหายากเลยครับ 5555 ประเทศมหาอำนาจยังบ่นกันขรึม ขนาดจองสองเท่าถึงสามเท่าของประชากร จ่ายเงินตั้งแต่วัคซีนเป็นวุ้น ยังขาดของ มันน่าเจ็บใจตรงที่ข่าวก็เคยลงว่ารัฐบาลไทยเคยคุยกับ Pfizer สองหรือสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้ดีลเสียที
ไฟเซอร์อาจจะยากถ้าต้องการlotใหญ่ตอนนี้(แม้ว่าเขาจะเคยมาเสนอขายเรานานแล้ว แต่ตอนนั้นเราก็ไม่เอาเองด้วย)
แต่ถ้ายี่ห้ออื่นๆ ตามข่าวก็มีมาเสนอหลายเจ้าไม่นานมานี้ว่าพร้อมจะได้ของในอีก3-6เดือนแต่เรา"ไม่เอา"
"นายอนุทิน ชาญวีรกูล ...ให้สัมภาษณ์...การจัดหาวัคซีนมีหลายบริษัทเข้ามาคุย อย่างสัปดาห์ที่แล้วมีจอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน เข้ามาหารือ แต่ยังไม่ทำสัญญา เพราะมีข้อตกลงที่ยังไม่อาจยอมรับ เช่น ต้องสั่งซื้อจำนวนมาก และกว่าจะได้ล็อตแรกก็ปลายไตรมาส 3"
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_5908095
จอห์นสันฯ เสนอขายวัคซีนให้ไทยราคาทุน
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/141584
ว่ากันตามตรงนะครับ บ้านเราต่อให้มีคนฉีดแล้วตายจริง5-10คน หรือหลายสิบคน แต่ไม่มีเปเปอร์แบบที่ท่านว่ายืนยัน ก็ไม่มีใครกล้าหยุดการฉีดในบ้านเราครับ ไอ้หมอที่อ้างหลักความปลอดภัยฉีดช้าชัวร์กว่าเพื่อความปลอดภัยของประชาชนพวกนั้นน่ะไม่กล้าแจ้งหยุดฉีดหรอกเพราะอาจถูกฟ้องได้ อีกข้อนึงก็คือ... อะนะใครกล้าขัดล่ะ
เรื่องวัคซีนผมตามอ่านเม้นคุณตลอดนะครับ ได้อะไรเยอะดี
ขอบคุณครับ
หายไปจากโลกยากมากไวรัส ชนิดนี้ ถ้าไม่ร่วมมือกันทั้งโลก
ยิ่งปล่อยไว้นานๆ กลายพันธุ์ไปไหนต่อไหน
ต่อให้บางประเทศฉีดครบทุกคนแต่ประเทศรอบๆยังเป็นก็รอดยาก
บ้านนี่เรารอเพื่อนบ้านได้ฉีดครบแล้วเราผลิตเองใช้เองเปล่าครับ แบบนี้น่าจะนานน่าดู ขายเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ด้วยซิ เขาก็เลิกใช้หมดแล้ว สำรองไม่ต้องเยอะแล้ว
คนที่ติดแล้วไม่เป็นอันตรายนี่ถึงว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วไม่ต้องฉีดหรืเปล่าครับ
ถ้าเอาภาพรวมของอิสราเอล มาอ้างอิงอิงกับทั่วโลก ผมว่าไม่น่าได้
เพราะในความจริง อิสราเอล มีคนตายกว่า 0.5%
ถ้าประเทศไทยมีคนตาย ในอัตราเดียวกันนี้ คือมีคนตายถึง 3.35 แสนคน มาตรการช่วยเหลือก็คงไม่ต่างจากอิสลาเอล
ประเด็นที่ผมจะสื่อคือ ทีมหมอคือคำแนะนำหลักของรัฐบาล ดังนั้นแนวทางปฏิบัติ จึงเหมือนหมอรักษาคนไข้ ซึ่งวันรุ่นใจร้อนมักจะไม่ชินกับแนวทางนี้
อิสราเอลติดเชื้อ 742k เสียชีวิต 5509 คนเท่ากับอัตตราการเสียชีวิต
0.74%
ถ้าบ้านเราเสียชีวิต 0.5% เท่ากับ 3.35 แสนคน เท่ากับคนในประเทศทุกคน ติดเขื้อโควิดหมด ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ @_@
หรือท่านคำนวนอะไรผิด?
ถ้าจะเอาประชากรทั้งประเทศมาคิด 9 ล้านคน เสียชีวิต 5509 คน เท่ากับเสียชีวิต 0.06% ของประชากรทั้งประเทศครับ ถ้าเป็นบ้านเราก็ 40200 คน
แถม.. ผู้ติดเขื้ออิสราเอล 742k คนคิดเป็น 8% ของประชากรทั้งประเทศ ถ้าบ้านเรา 8%ก็ 5.36 ล้านคน ก็เยอะแหละ
ขอบคุณครับ ผมคิดผิดจริงๆ
ไม่ได้ใช้เรื่องคิดเลขครับ เลยพยายามปัดให้เป็นตัวเลขกลมๆ แต่ก็ตก0ไป1ตัวอยู่ดี
แก้ไขเป็น คนไทยตาย 4.02 หมื่นคน ถ้าคิดอัตราอิสราเอล
เป็นสิ่งที่ผมครุ่นคิดมานานอยู่เหมือนกันเพราะแต่ละประเทศมีบริบทที่ไม่เหมือนกัน แต่พอดีเห็นรัฐบาลโปรโมทว่าไทยจัดการโควิดได้ดีเป็นอันดับสี่ของโลกอ้างอิงจาก Lowy Institute เลยได้ดูประเทศที่จัดการดีพอๆกับเราว่าเขามีดีลกับไฟเซอร์อย่างไร
นิวซีแลนด์ที่ได้อันดับหนึ่ง สั่งวัคซีนของไฟเซอร์1.5ล้านโดส และเริ่มฉีดไปตั้งแต่วันที่ 18 แล้ว
เวียดนามได้อันดับสอง ออกข่าวเมื่อวานว่ากำลังคุยกับไฟเซอร์และโมเดิร์นาเพื่อที่จะเติมเต็มแผนที่จะสั่งวัคซีน 150 ล้านโดสในปีนี้ (เวียดนามสั่ง AZ และโครงการ COVAX ไปแล้วอย่างละ 30 ล้านโดส)
ไต้หวันที่ได้อันดับสาม สั่งของไฟเซอร์เช่นเดียวกันห้าล้านโดส แต่โดนจีนแผ่นดินใหญ่บล็อก ลองหาข่าวนี้ด้วยคำว่า Taiwan Pfizer
ไซปรัส ประเทศเล็กๆที่ได้อันดับห้า ก็สั่งของไฟเซอร์ 9.57 แสนโดส (เกินครึ่งของประชากร) เริ่มฉีดไปตั้งแต่เดือนธันวาแล้ว
รวันดา ได้อันดับหก สั่งของไฟเซอร์หนึ่งล้านโดส ระหว่างรอก็สั่งโมเดิร์นามาพันโดสฉีดให้เจ้าหน้าที่ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
ไอซ์แลนด์ ประเทศเล็กๆที่ได้อันดับเจ็ด กะจะให้เป็นเหมือนอิสราเอลเลย คือเร่งฉีดไฟเซอร์ 70% ของประชากรภายในมีนาคม ทำเหมือนเป็นห้องทดลองภูมิคุ้มกันหมู่ขนาดใหญ่ สั่งมาห้าแสนโดสและเริ่มฉีดไปเกินหนึ่งอาทิตย์แล้ว
ออสเตรเลีย ได้อันดับแปด สั่งของไฟเซอร์ 20 ล้านโดส จะเริ่มฉีดวันจันทร์นี้
ลัตเวียได้อันดับเก้า สั่งของไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส เริ่มฉีดไปตั้งแต่ธันวาแล้ว และกำลังสั่งของโมเดิร์นาเพิ่ม
ศรีลังกาอันดับสิบ สั่งซื้อของไฟเซอร์ 2 ล้านโดส แต่ก็เริ่มฉีดของ AZ ที่ผลิตจากอินเดียตั้งแต่เดือนที่แล้ว (และได้ฟรีมาห้าแสนโดส)
ถ้าทำงานแบบปกติ ไม่มี hidden agenda อะไร
ตอนนี้ไทยก็น่าจะมีวัคชีนหลายๆ ยี่ห้อเข้ามาแล้ว
หลักการกระจายความเสี่ยงง่ายๆ พนง ธรรมดาก็คิดได้
ฝ่ายไหนแน่ที่มี hidden agenda
รอบแรกไทยติดเชื้อน้อยกว่าประเทศอื่นก็ hidden agenda บังคับให้เปิดโรงเรียน
รอบ 2 ติดเชื้อเยอะ แต่ตายเพิ่มแค่ 6ราย ก็เล่นเรื่องวัคซีน
ทั้งๆที่ประเทศที่อ้าง สั่งสัคซีนมาฉีดได้แค่ 1-10% ของประชากร มันไม่เพียงพอให้เกิดภูมิต้านทานหมู่
ยังไงหน้ากากก็ต้องอยู่กับโลกใบนี้ไปถึงอย่างต่ำปี 2565
ข้ออ้างใหม่หรอครับ ฉีดได้น้อยไม่พอสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ก่อนหน้านี้ก็อ้างว่าไม่มี cool chain ที่ดีพอจะเก็บรักษาวัคซีน
ฉีดได้ 10% ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฉีดเลยซักเข็มไหมครับ?
แล้วยิ่งถ้าเป็น 10% ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นแพทย์/พยาบาล/ผู้สูงอายุ หรือจนท.ตามโรงแรมที่ใช้กักตัวคนที่มาตากตปท.
อย่าไปอะไรเลยครับ เจ้าของเดียวกับตรรกะ ตำรวจจับโจรไม่ได้ควรโทษเจ้าของทรัพย์สิน
https://www.blognone.com/node/120638
เกิดมาพึ่งเคยเห็นตรรกะแบบนี้
ลองเลิกคิดเป็นฝ่าย ใครโจมตีใคร คนที่เราเชียร์ถูกตั้งคำถามต้องปกป้อง
เป็น
ประเทศนี้ควรจะเป็นยังไง ประชาชนควรจะได้อะไร
เพื่อให้ประเทศเราดีขึ้นนะครับ
ถ้ามองจากมุมมองของสังคม
อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุด 275/201 ในการโหวตสภาในวันนี้
มันสื่อให้เห็นว่าสังคมส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับมาตรการที่ไทยใช้แก้ปัญหาโควิด
ขณะเดียวกันคือเป็นการตอกย้ำว่าวิธีที่ฝ่ายค้านเสนอ คนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
ใช้คำว่า สังคมส่วนใหญ่ คงไม่ถูกนะครับ
อันนี้คือ มติ สส. ไม่ใช่ elector นะครับ
สส. คือเราเลือกไปเพื่อเป็นตัวแทนของเรา ซึ่งอาจจะมีข้อที่เราเห็นต่างจากผู้แทนบ้าง แต่เป็น best choice ในขณะนั้น ดังนั้น ที่ สส. ของเราเลือก กับสิ่งที่เราอยากให้เค้าเลือก อาจจะไม่ต้องตรงกันเสมอไป
คนละแบบกับ elector ซึ่งเราเลือกเค้าไปเพื่อประโยชน์ในการลงคะแนนประเด็นใดประเด็นหนึ่งประเด็นเดียวอย่างเฉพาะเจาะจงครับ
เข้าใจที่คุณจะสื่อ แต่ใช้คำว่าสังคมส่วนใหญ่ผมอาจจะติดใจตรงนี้นิดนึงครับ ขอบคุณครับ
เพิ่มเติม: ตอนเลือกตั้ง ก็ยังไม่ได้มีเรื่องโควิดนี่เข้ามานะครับ เราไม่มีทางรู้ว่า สส. จะเลือกอะไรในตอนนั้นครับ
คุณพูดเหมือนว่าเรื่องในสภา ไม่ใช่เรื่องใหญ่
อ่านข่าวนี้ แล้วคุณอาจจะเปลี่ยนใจ
ก้าวไกล เร่งตรวจสอบรายชื่อ ส.ส. ยกมือไว้วางใจ 'อนุทิน' พร้อมลงโทษทางวินัย ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม และ งานของพรรคในสภาฯ
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/923642
ผมพูดตรงไหนครับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่?
ผมบอกไปแล้วว่าผมเข้าใจที่ต้องการจะสื่อ
แต่คำว่าสังคมส่วนใหญ่เห็นด้วย มันไม่ตรงซักทีเดียวครับ ตอนเลือกตั้ง สส. มันยังไม่ได้มีประเด็นนี้มาให้เลือกครับ
ลองเปลี่ยนบริบทเป็น สมมติต่อไปมีกรณีเหตุการณ์ต้องฟันธงใช้รถญี่ปุ่นหรือรถยุโรปอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้ว สส. ลงมติ ผมก็มองว่า มันไม่ใช่สังคมส่วนใหญ่เลือกครับ เพียงแต่เรายอมรับและเคารพตามมติ สส. ที่เราเลือกมาครับ
เลิกพูดfact แล้วหรือครับ?
ถ้าจะพูดย้อนเรื่องสภา ก็พูดย้อนเรื่องการแก้กฎปัดเศษกลางอากาศด้วยไหมครับ? ทำให้คะแนนโดนโยกไปพรรคเล็กแทนหมด ร้องเรียนไปก็ไม่มีองค์กรไหนรับ(องค์กรที่แต่งตั้งเองกับมือทั้งหมด) ยังไม่นับข้อครหา บัตรเขย่ง บัตรออกลูก อะไรอีกนะ :P
ยังไม่นับการยุบพรรคก่อนเลือกตั้งกระทันหัน(ทั้งๆที่กกต.รับรองไปแล้ว) ทำให้หลายพื้นที่ไม่มีคนลง อีกนะ...
ยังไม่นับการโหวตนายกที่มี สว.ที่แต่งตั้งเองกับมือมาโหวตตัวเองอีกนะ....
ยังไม่นับการดูดส.ส. ด้วยการใช้คดีความเป็นเครื่องข่มขู่อีกนะ....(บางคนย้ายข้างแล้วรอดคดีทางเทคนิค แบบงงกันหมด เช่นฟ้องไม่ทันเวลาอยู่คนเดียว ทั้งๆที่คนอื่นในคดีเดียวกันโดนฟ้องทันเวลาหมด แถมไม่มีใครผิดที่ฟ้องไม่ทันอีกตะหาก...)
ถ้านับตามจริงแล้ว รบ.ทหารไม่ว่ายุคไหน ไม่เคยชนะการเลือกตั้งเลย แต่ได้เป็นรบ.เพราะเทคนิคและการข่มขู่ทั้งนั้น(แบบสมัยแรก ที่ตั้งรบ.ในค่ายทหาร ด้วยการเอาแกนนำคนนึงไปจับแก้ผ้าขังคุกมืดเพื่อให้เปลี่ยนฝ่าย)
เรื่องยุบพรรค มาจากประเด็นนี้นะครับ https://www.komchadluek.net/news/royal/361921
ถ้าไม่ยุบพรรค กกต.แหล่ะ จะหัวขาดแทน
ประเด็นสำคัญคือกกต รับรองคุณสมบัติแล้ว กกต.ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือครับ?
พรรคโดนยุบ แต่กกต.ไม่โดนลงโทษอะไรเลย?
อย่าลืมว่ามันมีผลทำให้ฝั่งนึงหายไปเกือบร้อยเสียงเลยทันที เพราะไม่ได้ลงแข่งกันเอง(อย่าบอกว่าทำไมไม่ลงพรรคเดียวกัน เพราะตามสูตรพิศดาร ต่อให้คนเลือกพรรคเดียวทั้งประเทศ ก็โดนตัดสัดส่วนเกลี้ยงจนแพ้นะครับ)
ที่น่าเกลียดสุดคือการเปลี่ยนสูตรคำนวณการปัดเศษกลางอากาศนี่แหละ พอฝั่งนึงเริ่มชนะขาด ก็หยุดการแสดงผลแล้วหายไปคิดสูตรใหม่ตั้งนาน แถมพอคนร้องให้พิสูจน์ตามข้อกฎหมาย ก็โยนกันไปกันมา อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ จนถึงตอนนี้ก็ยังสรุปไม่ได้เพราะอาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้?
ก็แค่จะบอกว่า ที่ได้เป็นรบ. มันมาเพราะเทคนิคพิเศษที่เกิดจากองคาพยพที่คนของตัวเองแต่งตั้งช่วยกัน ที่ไม่ใช่กระบวนการปกติ ฉะนั้นอย่าอ้างเลย ว่ามาจากเสียงส่วนใหญ่ครับ
ถ้าใครบอกว่า นี่คือเสียงส่วนใหญ่จริงๆแล้ว ก็ไม่ต่างจากบอกว่า เกาหลีเหนือเป็นปชต เพราะชื่อประเทศและมีการเลือกตั้งนั่นแหละครับ
ป.ล.นอกประเด็นวัคซีนไปเยอะ ผมหยุดดีกว่า รู้สึกเหมือนโดนเบี่ยงประเด็น
หวานมาเลยนะครับ
5555555555555555555
"คนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย" คนส่วนใหญ่ไปโหวตในสภาเมื่อไหร่ครับ ถ้าจะใกล้เคียงสุดก็เอาสว.กับสส.ปัดเศษออกจากสภาไปก่อนครับคุณ แหม่
ที่ฝ่ายค้านเสนอ อย่าว่าแต่คนส่วนใหญ่เอาหรือไม่เอาด้วยเลย สื่อหลักยังไม่รายงานหัวข้อที่ฝ่ายค้านเสนอทั้งหมดเลยนี่ครับ หรือแม้แต่ตอนอยู่ในสภายังไม่มีโอกาสได้พูดจนจบเลยครับ เลิ่กลั่กลนลานกันหมด
รัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอลได้ออกมาบอกค่าหลังจากฉีดเข็มสองไป 14 วันแล้วนะครับ
• 95.8% preventing illness cases
• 98.0% preventing fever and/or respiratory symptoms
• 98.9% preventing hospitalization
• 99.2% preventing severe illness
• 98.9% preventing death
ผมไปหาค่า preventing any detectable infection จากเอกสารหลุดที่ MIT Technology Review ได้ 89.4% ถือว่าปังมาก
สอบถาม ผมจะทำยังไงได้บ้างจึงจะรู้ว่าหลังรับวัคซีนครบแล้ว ผมเป็น 89.4% หรือ 10.6% ครับ
งงกับคำถามนิดหน่อย คือตัวเลขนี้ไม่ได้หมายความว่าฉีดไปแล้ว ไม่ติดโควิด 89.4% ที่เหลือติดโควิดนะครับ มันมาจากการเปรียบเทียบ เช่น ฉีดไปล้านคน ติดหนึ่งคน เทียบกับคนที่ไม่ฉีดล้านคน ติดสองคน ก็จะได้ตัวเลข 50% มา ไม่ได้หมายความว่า ครึ่งนึงติดโควิด อีกครึ่งไม่ติด (ตรงนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นคุณวิโรจน์บอกว่าวัคซีนซิโนแวค ครึ่งนึงรอดครึ่งนึงตาย ถึงจะเป็นแค่สำนวนโวหารแต่ทำคนเข้าใจผิดกันเยอะ)
ส่วนว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน ปกติก็ใช้วิธีตรวจเลือดเอา แต่เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่ใหม่มาก ชุดตรวจยังหาได้แค่ภูมิจากการเคยติดโควิด ยังไม่สามารถหาภูมิจากการฉีดวัคซีนได้ (ยิ่งในปัจจุบันมีวัคซีนหลากหลายที่ไม่ได้มาจากเชื้อตายเหมือนในอดีตด้วย)
ขอบคุณครับ