Tesla เริ่มปล่อยอัพเดตซอฟต์แวร์ Full Self-Driving Beta 9 หลังจากที่ล่าช้าเกินกำหนด จนมีคนไปทวงถาม Elon Musk
Tesla FSD Beta v9 ถือว่ามีความสำคัญ เพราะเปลี่ยนวิธีการนำทางจากเรดาร์มาเป็นการใช้กล้องล้วนๆ โดยใช้ระบบประมวลผลภาพตัวใหม่ที่เรียกว่า Tesla Vision แทน
อัพเดตตัวนี้ยังปล่อยให้กลุ่มผู้ทดสอบ early access ประมาณ 2,000 คน (ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน Tesla เองด้วย) แต่ก็เริ่มมีคนที่ได้อัพเดต ถ่ายคลิปนำมาให้ดูกันบ้างแล้ว
ทวีตของ Elon Musk เมื่อเดือนมีนาคม ที่บอกว่าจะเลิกใช้เรดาร์ เปลี่ยนมาเป็น pure vision
FSD Beta has now been expanded to ~2000 owners & we’ve also revoked beta where drivers did not pay sufficient attention to the road. No accidents to date.Next significant release will be in April. Going with pure vision — not even using radar. This is the way to real-world AI.
— Elon Musk (@elonmusk) March 12, 2021
ที่มา - Electrek
Comments
อยากรู้ว่าทำไมถึงเลิกใช้เรดาร์
สิ่งที่เรดาร์ทำได้มันน้อยกว่ากล้องทำได้ครับ จริงๆทั้งคู่เป็น Input Sensor ที่รับ Wave มาประมวลได้เหมือนกันครับ สิ่งที่แตกต่างกันคือกล้องสามารถรับ Input ที่เป็นพิกเซลเรียงกันเป็นผืนภาพขนาดนั้นใหญ่(กว้าง ยาว และมีลึกในกล้องบางชนิด หรือคำนวณเอาได้)ซึ่งเป็น Data ที่นำไปประมวลผลได้เยอะกว่า เรดาร์ ดังนั้นมันจึงใช้งานได้หลากหลาย ตรวจสอบความลึก นำมาประมวลเพื่อเข้าใจสภาพแวดล้อมได้ เพราะ Data ในการนำมาประมวลมีเยอะกว่า และกล้องก็รับ Input ได้หลากหลายกว่าตาเรานะครับรับได้หลายคลื่นความถี่ รับความถี่ของเรดาร์ได้ด้วยซ้ำถ้าอยากทำ ผมว่าต้องไม่ยึดติดกับกล้องถ่ายภาพปกติที่เราใช้กันมันทำได้เยอะกว่านั้นครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่า Tesla ติดกล้องอะไรไปบ้าง ซึ่งสุดท้ายแล้วผมว่าคนเราขับรถด้วยการมองตั้งแต่รถกำเนิดขึ้นมา ถ้าจะใช้เรดาร์เพื่อรู้สภาพรถข้างหน้าให้มันคุยกันเองเลยน่าจะเป็น Way ที่ถูกต้องกว่า ส่วนจะจับระยะใกล้ที่เป็นจุดบอดของกล่อง Sensor อื่นทำหน้าที่นี้ได้ถูกกว่าเยอะครับซึ่งก็ติดกันในรถรุ่นใหม่อยู่แล้วไม่ต้องมีเรดาร์ให้ติดผมว่าก็น่าจะคิดแบบนี้
ปล. เรดาร์สะท้อนได้น้อยในบางวัตถุนะครับอาจจะนำไปใช้ก่อการร้ายได้
กล้องน่าจะไม่ใช่แค่รูปแน่ๆ เลยนะครับผมเดานะ
น่าจะเอาสัญญาอย่างที่คุณว่ามากกว่ารูปด้วยแน่เลย
เพราะภาพเวลาแสงเปลี่ยนมันมีผลด้วย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
อันนี้ Elon ตอบมาครับ
“ The whole road system is designed to work with optical imagers (eyes) and neural nets (brain). That’s why cameras and silicon neural nets are the solution.”
source - https://electrek.co/2021/07/07/hacker-tesla-full-self-drivings-vision-depth-perception-neural-net-can-see/
อ่านแล้วเข้าใจว่าตัวประมวลผลภาพตัวใหม่เทพขึ้นจนประมวลผลภาพเป็นกว้างยาวลึกได้แม่นยำขึ้นจนไม่ต้องใช้เรดาร์ เพราะกล้องสามารถบอกระยะลึกได้ ผมว่าเรดาห์คงไม่จำเห็นต้องใช้แล้ว
เอาง่ายๆคือ radar มันโดนหลอกง่าย และระบุวัตถุผิดพลาดมากกว่ากล้องครับ ถ้า AI ฉลาดและเร็วถึงระดับหนึ่ง ข้อมูลจากกล้องที่ความละเอียดสูงพอ สามารถระบุสิ่งต่างๆได้ดีและชัวร์กว่า ปัญหาที่ผ่านมาคือมันช้ากว่าประมวลด้วย radar โดยเฉพาะในรถอัตโนมัติ ที่ต้องการการตอบสนองที่เร็วมากๆ
แต่เห็นว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเทสล่าก็เพราะกล้องมันมองเห็นหลังรถบรรทุกเป็นสีขาวแล้วเข้าใจว่าไม่มีรถนี่ครับ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเรดาห์มันน่าจะรับรู้ได้แน่ ๆ ว่านั้นวัตถุสีขาวไม่ใช่ที่ว่างอะครับ
สิ่งที่คุณบอก น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เทสล่าตัดสินใจเอาเรดาห์ออกครับ ถ้าติดเรดาห์แล้วไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอย่างนี้ได้ สู้ไปทำ AI ให้วิเคราะห์กล้องให้ดีไปเลยดีกว่า มีเรดาห์ก็กลายเป็นแค่เพิ่ม Noise ของข้อมูลมากกว่า
เข้าใจว่าตัวอีลอนเองไม่ชอบเรดามาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ แล้วก็ใช้ข้ออ้างอย่างความเห็นล่างว่า กล้องก็เหมือนตา กล้องแยกไม่ออก ตาก็แยกไม่ออก มาเถียงข้าง ๆ คู ๆ
ทั้ง ๆ ที่กล้องบางทีมันมีเรื่องของแสงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ท้องฟ้าบางช่วงที่ทำให้กล้องเอ๋อจนแยกไม่ออกว่าไหนท้องฟ้าไหนถนนจนเกิดอุบัติเหตุเป็นต้น แล้วแทนที่จะพยายามเอาทั้งคู่มาใช้ร่วมกัน แต่นี่ตัดออกไปเลยผมว่าน่ากลัวนะครับ
ข้อดีของการแยกไม่ออก คือเราก็จะไม่ตัดสินว่าข้างหน้าคืออะไร (รถก็จะหยุดไงครับ)
การที่ตามองไม่เห็นในบางอย่าง มันทำให้เรารอบคอบมากขึ้น
สรุปคือคุณก็มีอคติอยู่แล้วว่าทำไมเค้าถึงทำอย่างนั้น ถ้าเกิดเรดาห์มันดีอย่างที่คุณพูดจริงๆ ทำไมเคสรถบรรทุกสีขาวถึงไม่รู้ล่ะครับ? ตอนนั้นก็มีเรดาห์นะ เค้าเพิ่งถอดเรดาห์ออกตอนนี้
ไม่ใช่เพราะ primary หลักคือใช้กล้องเปล่า ส่วน radar หรือ lidar ไม่รู้มีตัวไหนมันแค่เป็นรอง ไม่ใช่ข้อมูลหลักในการตัดสินใจ
reply ผิดที่
คุณขับรถด้วยตาหรือเปล่าครับ? กล้องมันก็เหมือนตาคุณนั่นแหละครับ
แต่ผมก็สงสัยนะ ว่า radar มันช่วยในช่วงที่ทัศนวิสัยแย่ได้ ต้องดูอีกทีว่าเค้าแก้ปัญหานี้ยังไง หรือว่า radar ที่ใช้อยู่ ไม่ได้ช่วยอยู่แล้ว
มีอีกข้อนึงคือถ้ารถบนถนนใช้ radar หลายๆคันจะมีผลอะไรไหม
ลบ
สิ่งที่คุณกำลังพูดถึงถ้าเอาตามหลักการคือคลื่นชนิดไหนที่สามารถทะลุสิ่งกีดขวางได้ดีกว่ากันครับ ซึ่งในที่นี้ก็คือฝนหรือฝุ่นควันที่บดบังทัศนวิสัย ซึ่งปกติแล้ว radar ก็อยุ่ในช่วงคลื่นที่ทะลุผ่านอนุภาคของน้ำได้ ซึ่งจริงๆแล้วแสงก็ทะลุได้ครับแต่เกินการหักแหทำให้เรามองไปที่น้ำแล้วดูเหมือนมองไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยความที่เรดาร์สิ่งที่เราได้จากมันแค่สะท้อนวัตถุข้างหน้าแล้วกลับมาเฉยๆว่าระยะเท่าไหร่ Noise ในการกรองเพื่อได้ข้อมูลจึงน้อยกว่าภาพเยอะเราถึงวัดระยะได้ แต่ส่วนกล้องของ Tesla มันจะทำอะไรทีคล้ายแบบนี้ได้ไหมผมไม่รู้ แต่ถ้าปกติแล้ว Depth Sensor Camera คิดว่าสามารถมองผ่านฝุ่นหรือน้ำฝนได้ครับ แต่มันอาจไม่ได้เป็นภาพที่สมประกอบแต่คิดว่าถ้าเป็นระยะทางก็อาจจะความแม่นยำลดแต่ก็ยังวัดได้
ปล. จริงๆแล้วถ้ากล้องความเร็วสูงก็มองผ่านได้ฉะลุยนะครับเพราะน้ำยังไงก็ไม่เร็วกว่าแสง แล้วถ้าประมวลได้เร็วมากๆ เราก็จะเห็นน้ำหรือฝุ่นคล่อยๆเคลื่อนที เราจะเห็นเป็นภาพด้านหลังฝนอย่างชัดเจนกว่า ที่เรามองเห็นฝนเป็นสายๆมองไม่รู้เรื่องเพราะสมองเราจำภาพบางส่วนเพื่อมาต่อกันเหมือนอนิเมชั่นนี้แหละครับ
เรดาร์ดูป้ายจราจรข้างทางไม่เป็นหรือเปล่า ไหนจะสัญญาณไฟต่างๆ
ระบบต้องพึ่งกล้องมากกว่าเรดาร์ และถ้าทำกล้องให้เทพๆ ความสามารถไม่แพ้เรดาร์ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้
เห็นคนตอบเยอะแล้ว
ผมขอตอบลดต้นทุนครับ
ผมว่าตรงประเด็นที่สุดแล้ว
ลดต้นทุนทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟ์ตแวร์
รวมไปถึงประกันด้วย ซูบารุก็ไม่มีเรดา
เหตุผลหลักที่ให้มาก็คือลดต้นทุน
ทั้งการติดตั้ง ซ่อมแซมหลังเกิดอุบัติเหตุ
เพราะกล้องอยู่ที่กระจกแต่เรดาต่องติดที่กระจังหน้า
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าเจ้าอื่น
ในบางสถานการณ์เช่นฝนตกหนักหรือหมอกลงจัด
งี้ Subaru ก็เบรกเองไม่ได้เปล่าครับ ไม่มี Radar เช็คข้างหน้าเนี่ย
ซูบารุใช้กล้องสเตอริโอทำให้กะระยะเบรคได้
แต่ถ้าฝนตกหิมะตกหรือหมอกลงจัดระบบก็จะใช้งานไม่ได้ดี
ต่างจากเจ้าอื่นเช่นโตโยต้าที่มีเรดาช่วยในเคสที่ทัศนวิศัยไม่ดี
ซูบารุยอมรับตั้งแต่แรกว่า
ที่ตัดเรดาออกเพราะลดค่าใช้จ่ายในการ
ซ่อมแซมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรงด้านหน้ารถ
แต่ผมว่าเหตุผลหลักก็น่าจะเป็นลดค่าใช่จ่ายตั้งแต่การพัฒนาเลย
ที่เปลี่ยนใช้กล้องเนี่ยคือจะมีความสามารถพวกจับความร้อนมองในที่มืดและกล้องจับวัตถุพิเศษต่างๆได้ด้วยหรือป่าว
ถ้าฝนตกโคลนเลอะกล้องจะมีปัญหาไหม?
รถก็จะขึ้นว่าใช้งานระบบไม่ได้ครับ
อันนี้น่าคิดแฮะ โดยเฉพาะพวกขี้เกียจล้างรถ ?
ไหนจะหิมะ ไหนจะฝน
ถ้าจงใจวินาศกรรม ก็ปาไข่/พ่นโฟมใส่
pure vision น่าจะรับมือลำบาก ?
จริงมันก็เหมือนกระจกรถปกติที่เราไม่ได้ล้างนะครับ มองไม่เห็น ขับไม่ได้ ซึ่งปกติเราก็เปิดที่ปัดน้ำฝนไรงี้ถ้ากระจกหน้า