เมื่อปีที่แล้ว แอปเปิลเปิดตัว iPhone 12 พร้อมกับแนวทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเลิกให้ที่ชาร์จกับหูฟัง เพื่อลดปริมาณขยะ ทำให้กล่องบางลง ขนส่งต่อหน่วยได้มากขึ้น ลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ต่อมาผู้ผลิตหลายรายก็ทำตาม มาปีนี้ iPhone 13 ก็ได้ประกาศแนวทางอนุรักษ์เพิ่มเติมอีก
ในคีย์โน้ตของ iPhone 13 Pro นั้น ช่วงท้ายแอปเปิลได้พูดถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยมีประเด็นสำคัญคือ การระบุว่าจะเลิกใช้พลาสติกห่อแพ็คเกจกล่อง iPhone 13 ช่วยลดปริมาณพลาสติกได้มากถึง 600 ตัน
ตอนนี้ iPhone 13 ยังไม่เริ่มส่งมอบให้กับลูกค้า จึงยังไม่ชัดเจนว่ากล่อง iPhone ที่ไม่มีห่อพลาสติกจะเป็นอย่างไร แต่มีภาพหลุดจากผู้ใช้ Weibo โพสต์ให้เห็นว่า แอปเปิลใช้แถบกระดาษ ที่ยึดด้วยกาวด้านในกล่อง เวลาเปิดครั้งแรกให้ฉีกแถบกระดาษนี้ จึงทำให้ป้องกันการกระแทกได้เหมือนเดิม และตรวจสอบได้ว่ากล่อง iPhone ยังไม่เคยถูกเปิด
แอปเปิลยังประกาศเป้าหมายว่าจะเลิกใช้พลาสติก กับแพ็คเกจผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ภายในปี 2025
ที่มา: GSM Arena
Comments
ก็ดีนะครับ เปิดง่ายดีด้วย
ต่อไปก็ iPhone 14 จะไม่มี iPhone ในกล่อง iPhone
รู้สึกไม่ sterile อ่ะ
เห็นด้วย
ยุคcovid pandemic นี่ เห็นหีบห่อที่มีความเสี่ยงปนเปื้อนเชื้อ แล้วสยอง
พวกเครื่องใช้ทดแทนสายรักษ์โลกนี่น่ากลัวมาก พวกกระดาษนี่เชื้อปนเปื้อนง่าย(เช่นมีคนจามใส่) ทำความสะอาดยาก(เพราะวัสดุหรือพื้นผิวจะเสียหายจนอาจใช้งานไม่ได้ถ้าเอาผ้าชุบน้ำหรือalcoholเช็ด)
ลดถุงพลาสติก แต่ให้ใช้มือเปล่าหยิบจับโดยตรง ถุงผ้าที่คนทั่วไปมักไม่ค่อยได้ทำความสะอาด(บางชนิดก็ทำความสะอาดได้ยาก) ฯลฯ
จับเสร็จก็ล้างมือเอาก็ได้นะครับ ยังไงกล่องเราก็ไม่ได้จับบ่อยหรือที่ต้องการความสะอาดแบบใช้ในโรงพยาบาล ห้องผ่าตัด อะไรแบบนี้นะครับ
ตอบรวมๆท่านล่างด้วยแล้วกัน ประหยัดโควต้า
ลองนึกถึง หลอดกระดาษครับ...บางท่านบอกใส่ในซองสิ แค่อยู่ในซองก็เปื้อนตั้งแต่ซองแล้ว ส่วนหลอด 7-11รุ่นเก่านี่ผมชอบมาก ทำความสะอาดก่อนแกะง่ายมาก
ถุงกระดาษ
หยิบจับแล้วล้างมือได้ แต่มันก็เกิดcontaminate ไปทั่วได้ง่ายกว่า ในขณะที่ ถ้าเป็นถุงพลาสติก คุณฉีดพ่นalcohol ได้ก่อนแกะถุง หรือใช้alcohol pad เช็ดได้ก่อน ที่จะจับเต็มๆ
ในหลายๆสถานที่เราไม่สามารถล้างมือได้ทุกครั้งหลังหยิบจับอะไรทุกชิ้น(จับชิ้นนึง ล้างทีนึง)
อีกอย่างบรรจุภัณฑ์กระดาษนี้ถ้าเปื้อนแล้วต้องทิ้งอย่างเดียวเลยครับ ทำความสะอาดไม่ได้ ที่ว่าเชื้ออยู่ได้วันเดียวจริง(? น่าจะขึ้นกับสภาพแวดล้อม ถ้าห้องอากาศเย็นๆไม่โดนแดดก็คงนานเกินวัน) แต่คราบมันอยู่ตลอดไปนะ(ไม่ได้กลัวคราบไม่สวยครับ แต่มองในแง่ของความสะอาด)
ผมเป็นประเภทเก็บกล่องอุปกรณ์ที่ซื้อเสมอ เพราะเคลมง่ายเวลาเกิดปัญหา(มีs/nข้างกล่อง และมักเก็บใบเสร็จไว้ในกล่องเลย) หรือขายต่อง่ายเวลาเบื่อแล้ว เจอกล่องแบบใหม่ๆที่recycleได้แต่เปื้อนง่ายนี่ก็เซ็งนิดๆ บางทีแค่เก็บดองของไว้ซ้อนๆกันกล่องก็พังแล้ว
อีกอย่างยุคcovid pandemic ผมว่ามันต้องออกแบบบรรจุภันฑ์ที่เกิดcontaminateได้ยาก หรือทำความสะอาดง่าย มากกว่า ซึ่งถุงพลาสติกนี่แหละต้นทุนต่ำและทำความสะอาดได้ง่ายมากที่สดโดยไม่เสียสภาพ
ป.ล. ที่ติดๆกันหนักๆ ก็ไม่ใช่ในรพ.นะครับ แต่เป็นสถานทีทั่วไป ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลาดรวมถึงร้านอาหารนี่แหละ และส่วนใหญ่น่าะจะติดจากการหยิบจับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ มากกว่าจะรับเชื้ัอโดยตรงจากคนอื่น(เช่นคุยแล้วอีกคนน้ำลายกระเด็นใส่ หรือจามใส่) ต่อให้ระวังล้างมือบ่อยๆมันก็พลาดได้ อ้อร้านสะดวกชื่อก็ใช่ เคยอ่านtimeline เคสแถวบ้าน ร้านสะดวกซื้อพนักงานติดกันเองทั้งๆที่ใส่หน้ากากตลอด แต่น่าจะเกิดเพราะหยิบจับเรียงสินค้า....
ก็พอเข้าใจนะครับ แต่หลักของถ้าเป็นผมคือมือก็เปื้อนได้ ก็ล้างเอาครับ คือเราก็รู้ตัวหน่อยว่ามือเราปนเปื้อนแล้ว อย่าไปแหย่แคะจมูก เกาหน้า ขยี้ตา อะไรแบบนี้นะครับ ถ้าไม่จำเป็นจริงผมไม่ได้พ่นน้ำยาอะไรฆ่าเชื้อยกเว้นเอาสนุกๆ นิดหนึง พอเป็นพิธี
กล่องอุปกรณ์นี่ยุคนี้คงเก็บกันแทบทุกคน ประกันอะไรเดี่ยวนี้ต้องใช้กล่องหมดเลย ถ้าไม่ได้เปี่ยนอะไรก็ไม่ขนาดฆ่าเชื้อนะครับ ปล่อยไว้ไวรัสก็ตาย แบคทีเรียแอบจะหน้ากลัวกว่าด้วยซ้ำ ถึกกว่ามาก
หลักๆ ผมก็ประมาณนี้ เลยไม่แนะนำให้แบบพ่นฆ่าเชื้อไปทุกอย่าง ตามทีเรายังล้างมือถือ พ่นของได้ก็พ่นมือด้วยก็ดี ฮ่าๆ
หลอด 7-11 นี่ช่วงหน้าก่อนเป็นพลาสติกหุ้มเป็นถุงใช่เปล่าครับ อันนี้ก็ดี พอมาหุ้มกระดาศผมก็ไม่ชอบเลย ร้านมาส่งใส่รวมๆ กับของเย็นๆ เปียกมา กระดาษติดหลอดเลย กรณีนี้ผมก็ไม่ได้ล้างอะไรนะครับ ถ้าไม่โชคร้ายโดนพวกเชื้อ E-coil เล่นงาน ไวรัสในกระเพาะน่าจะน้อยที่เจริญเติบโตได้
มาเพิ่มเรื่อง contact time ด้วย บางทีเราพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปแล้วรีบเช็ดออกเลยนี่เชื้อยังไม่ตายก็ได้นะครับ เคยไปส่องของฝั่ง USA นานแล้วแน่ใจ CDC , FDA จะมีระยะเวลาบอกอยู่ว่าต้องเวลาเท่าไรอะไรแบบนี้ พวกถ้าเป็นพวกแอลกอฮอล์จะใช้เวลาหลักนาทีเลยไม่แน่ใจแอลกอฮอล์ของฝรั่งเขาสเป็คต่ำกว่าไทยขนาดไหน แต่ถ้าพวกน้ำยาดีๆ อารมณ์ Dettol แบบบ้านเรานี่ให้เวลา 30 วินาทีก็เพียงพอ
อันนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะทำถึงขั้นไหนครับ แค่บอกว่ามันมีความเสี่ยงถึงจะน้อย แต่ถ้าโชคร้ายเจอ มันก็กลายเป็นมาก โดยเฉพาะถ้าบ้านมีคนกลุ่มเสี่ยงที่อัตราการตายสูงมาก
อีกอย่างที่กลัวคือคนแก่ในบ้านครับ เราระวังมาก แต่เขาไม่ค่อยระวัง แม้จะเตือนอย่างไรก็หลุดได้ง่ายๆ ก็ต้องป้องกันล่วงหน้าไว้ก่อน
เรื่องน้ำยาฆ่าเชื้อ อันนี้ต้องเปิดpaper ตั้งแต่แรกๆเลยล่ะครับ ช่วงalcohol ขาด ก็นั่งผสมน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอื่นเอง เช่นพวก BKC ผสมเท่าไร สัดส่วนแค่ไหนใช้กับผิวสัมผัส แบบไหนใช้กับสิ่งของ เครื่องอบUV-C อะไรมีหมดครับ
อีกอย่างผมว่า COVID pandemic จะทำให้มุมมองของโลกเปลี่ยนครับถ้าโชคดีจู่ๆโรคก็หายวับไปกับตา เหมือนสมัยไข้หวัดสเปนก็ดีไป แต่ถ้าต้องอยู่กันไปแบบนี้อีกปีสองปี trend โลกคงไปในแนวเน้นสุขอนามัยกับของทุกสิ่งมากขึ้น โดยอาจจะต้องcompromise ระหว่างเรื่องรักษ์โลก กับสุขอนามัย อย่างตัวอย่างไบโอพลาสติกที่ข้างล่างบอก ก็น่าสนใจ
โควิดอาจจะอยู่กับเราไม่นาน แต่พลาสติกจะอยู่กับเราตลอดไป ???
แต่โควิดอยู่บนกระดาษได้เพียง 1 วัน แต่อยู่บนพลาสติกได้ถึง 3 วัน
ปกติแกะก็เอาพลาสติกทิ้ง แต่เก็บกล่องไว้ครับ
พลาสติกทำความสะอาดฆ่าเชื้อโดยไม่เสียสภาพง่ายกว่ากระดาษมากครับ
อีกอย่างตัวกล่อง คนส่วนใหญ่น่าจะเก็บกล่องสินค้าราคาแพงไว้เผื่อเคลม เผื่อขายต่อกันนะ กลายเป็นเก็บเชื้อไว้ในห้อง? ส่วนพลาสติกหุ้นส่วนใหญ่แกะทิ้งกันหมด
อย่ากัลวลอะไรจนเกินไปเลยครับป้องกันตัวเองแบบพอดีจะดีที่สุดนะผมว่า อย่ากังวลอย่าระแวงจนเกินไปเลยควรอยู่กับความเป็นจริงอยู่กับธรรมชาติดีกว่า ผมมาคิดต่อไปข้างหน้านะว่ามนุษย์เราอะจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงเรื่อยๆดูจากโควิดเป็นตัวอย่างถูกปลูกฝังด้วยความกลัวไปซะแล้วเช่นล้างมือทุกครั้ง ไปข้างนอกกลับมาอาบน้ำทันที ใส่หน้ากากตลอดเวลาจนบางคนใกล้ตัวบอกถอดหน้ากากแล้วรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก บลาๆ และยิ่งเห็นเพื่อนและคนรอบข้างเลี้ยงลูกแบบไม่ให้จับดินหรือสิ่งที่เรอะเทอะก็แอบกังวลเหมือนกันว่าเด็กกลุ่มนี้โตไปจะเป็นยังไง แต่เราก็ไม่สามารถไปเตือนได้กลัวจะหาว่า...อีก
ความคิดเห็นผมอาจจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อข่าวนะ
เสี่ยงแวดล้อมเดียวนี้ปนเปื้อนมากขึ้น และการแพทย์ที่เข้าถึงง่ายทำให้ตรวจเจอได้ง่ายขึ้น เพื่อนผมมันก็แซะเพื่อนบ้านที่ไม้ให้ลูกลงดินนี่แหละนี่ แล้วที่โรงเรียนก็โรคมือเท้าปากระบาดจนต้องปิดไปหลายรอบก็เพราะเด็กไปโดนปนเปื้อนทั้งที่อยู่เขตเมืองแท้ๆ แถมลูกของเขาอีกก็นอน รพ. เป็นเดือนเพราะไปติด RSV จากในห้างอีก ซึ่งเมื่อก่อนที่ว่าเด็กแข็งๆ ไรนั้นเราไม่รู้ว่ามีตายกันไปเท่าไหร่นะครับ
I need healing.
น่าจะมาประมาณสมัยก่อนคนที่รอดมาบอกเล่า คือคนที่ไม่ติดเชื้อ ส่วนที่ไม่มีโอกาสได้บอกคงไม่รอด
เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละบ้านครับ ถ้าบ้านมีผู้สูงอายุเยอะหน่อย ก็ต้องกังวลมากกว่าบ้านที่มีแต่คนหนุ่มสาวแข็งแรง
ที่ผ่านมาอัตราการตายสูงสุด ก็คือผู้สูงอายุ ที่น่าจะผ่านยุคเดินเท้าเปล่าบนดิน ผ่านเชื้ออะไรมาเยอะแยะนี่แหละ แต่เจอเชื้ออุบัติใหม่ ภูมิเก่าๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ความเชื่อที่ว่าภูมินั้นภูมินี้ช่วยป้องกัน ส่วนใหญ่พอตัวเลขมาเยอะๆ มันก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีตัวไหนช่วยเลย ขนาดยาที่ใช้ ยังเปลี่ยนไปตามรายงานผลที่มากขึ้น (ไม่นับประเภทใช้ความเชื่อแบบสมุนไพร ที่ตัวงานวิจัยเองไม่ได้ตีพิมพ์นะครับ)
เราระวังดี แต่คนอื่นในบ้านล่ะ? หรือแม้แต่เราไม่เสี่ยงหรือมั่นใจว่าต่อให้ติดก็ไม่ตาย แต่ถ้าพาลไปทำคนเสี่ยงติดล่ะ? อ่านtimelineเยอะๆโดยเฉพาะเคสตจว. แล้วก็จะเห็นช่องโหว่ หลายๆเรื่องในการใช้ชีวิตครับ เช่นคนหนุ่มแข็งแรงไม่กลัวอะไร ใส่หน้ากากล้างมือระวังตามสมควร แต่ก็ติดโควิทแบบไม่มีอาการโดยไม่รู้ตัว แล้วพาไปติดพ่อแก่ๆที่เป็นคนแก่ติดเตียง จนรู้ว่าเป็นโควิทเพราะคนแก่ป่วยหนัก คนหนุ่มรอด แต่คนแก่ตาย เรื่องพวกนี้มันป้องกันได้ ถ้าไม่คิดว่าไม่น่ามีอะไร
กลับกัน ช่วงสองปีนี้ ที่ใช้ชีวิตแบบเน้นสุขอนามัยขั้นสุดในระดับคนทั่วไป(คงเหลือแค่ไม่ใส่ ppe เท่านั้นเพราะไม่ได้ทำงานรพ.)ก็รู้สึกว่าสุขภาพแข็งแรงมากขึ้นครับ จากที่เคยป่วยหวัด(ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่)จนนอนซมลางานบ้างปีละหนสองหน ก็ไม่ป่วยเลย ส่วนภูมิ ไปสร้างภูมิด้วยวัคซีนน่าจะปลอดภัยกว่า เสี่ยงไปติดเองครับ โดยเฉพาะยิ่งมีงานศึกษาวิจัยมากขึ้นแล้วพบว่า หลายๆโรคที่เชื่อว่ามีภูมิตลอดชีวิตก็ไม่จริง (แม้แต่อีสุกอีใสก็ตาม...)
อีสุกอีใส นี่เจอกับตัวเลยครับแม่บอกผมฉีดวัคซีนตอนเด็กๆ ไว้เลยไม่เป็น พอเข้ามัธยมท้ายๆ ดันเป็นเฉย แล้วมีผู้ใหญ่คนที่ในกลุ่ม ผู้ปกครองงี้ก็เหมือนจะเป็นด้วย ไม่รู้ใครติดใครหรือภูมิตก แต่โชคดีผมไม่ได้เป็นไรเยอะมาก
ช่วงนี้ผมว่าเราไม่ได้แข็งแรงขึ้นนะครับ เราแค่ดูแลตัวเองดี สะอาดขึ้น อนามัยขึ้น เลยไม่ป่วยง่ายๆ รอแต่วัคซีนยังไม่ได้ฉีดสักทีจ่ายเงินเองก็แล้ว
ต่อไปก็ iPhone 14 จะไม่มี iPhone ในกล่อง iPhone
iPhone 15 จะไม่มีกล่อง และจะเฉลยว่า iPhone ที่แท้จริงคือมิตรภาพที่ร่วมสร้างกันมา
เปิดตัว iPhone 16 เสร็จแล้วก็ Flashback ไปเมื่อตอน iPhone 3G ว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่พระบิดาวางแผนไว้แล้ว
ตลกจังเลยครับ 555
I products ทั้งหมดจะไม่มีหีบห่อเลยเพื่อรักษ์โลกครับจะซื้อท่านผู้มีเกียรติ จะต้องจองซื้อผ่าน web apple เพื่อจองการเข้าร้าน (ด้วยเหตุผลเรื่อง COVID-19)
แล้วทางร้านจะนัดท่านเข้ามารับเครื่องเพื่อประสพการณ์อันดีย์ยิ่ง ต่อผลิตภัณฑ์ นะครับ ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับซ่อมเครื่องที่ไม่ได้ซ่อมผ่าน ศูนย์ Apple ที่ผ่าน authorized และไม่ได้อยู่ในฐาน database ของบริษัท
หมายเหตุ สำหรับ iPhone 16 ถ้าต้องการสาย USB เพิ่ม ราคา $9.99 Adapter เพิ่ม ราคา $19.99 ถุงผ้า limited edition $5.99 Apple iCare 2 ปี $29.99 (เปลี่ยนเครื่องทุกกรณี)
ร้านเล็กๆ ก็ตายเรียบ ซ่อมก็ไม่ได้ ขายได้แต่ options เสริมกับคิดฟีมล์
ถ้าจะขนาดนี้ก็คงยอมแล้วแหละครับไม่ไหว
แล้วไงอ่ะ อ่อนแอก็แพ้ไปซิ ???
ไม่มีพลาสติก ห่อ รักษ์โลก
ไม่แถมหัวชาร์ทต้องไปซื้อแยก ต้องไปซื้อแยกแกะกล่องหัวชาร์ท อีกทีไปเพิ่มขยะตรงโน้น
ต่อไป รุ่นต่อ ๆ ไป ไม่มีโทรศัพท์ ให้เอาเครื่องเก่าไป upgrade software กับ Hardware
เพื่อลดขยะ
ต้องแบบนี้ ถึงจะลดกันแบบจริง ๆ
จริงๆผมก็ว่าเขาทำอยู่แล้วเปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเลยแต่ดันว่าให้ราคาเปลี่ยนแบบว่าต่ำเหลือเกินจนเอาไปขายร้านตู้หรือขายเองยังได้มากกว่าอีก
จริง ให้ราคาต่ำมาก ถ้าเปิ้ลให้ราคาดี คนไม่ซ่อมใช้ด้วยซ้ำ
ซื้อร้านเปิ้ล ใช้สักปีสองปี เอามาเทิร์นรุ่นใหม่ร้านเปิ้ล สะดวกสุดๆ
ลดขยะด้วย
จริงๆถ้าให้ราคาสัก 50~60% ผมก็พอโอเคแล้วนะแถมไม่สนความจุด้วยราคาเท่ากันหมดถ้าเอาไปเทิรน์ apple ทีตอนซื้อดันคิดราคาตามความจุ
ดีอยู่ เห้นสมัยก่อนบอกห่อพลาสติกร้านเอาเครื่องย้อมแมวมาขายโดยห่อซีลมาคล้ายๆ กัน
สติกเกอร์โลโก้แอปเปิ้ลก็เลิกแถมแล้วรึเปล่า
กล่องมันจะยับเยินมากไปไหม
กว่าจะส่งไปขายแต่ละที่ แต่ละร้าน
เคยซื้อ iphone จากร้านกล้วย พลาสติกเยินมาก
เหมือนไปถูกับคอนกรีตอะไรมา
ลดขยะพลาสติก ก็ดีครับ
แต่ถ้ายอม rights to repair คงลดขยะ electronics ได้อีกเยอะมาก
+3.14
โลกที่ 3 โควิดยังระบาดหนักอยู่ ก็ช่วยอย่าไปเพิ่งร่องเพิ่มรู ให้มันมากเลย อย่างน้อยก็ขอให้ทุกอย่างมันระนาบเดียวกันหมดได้ไหม ฉีดแอลกอฮอล์จะได้ทั่วถึง
ปล.จริงๆ wrap พลาสติกของ apple มันเป็น wrap พิเศษ ที่ใช้มือดึงได้เลย
ต้องสังเกตหน่อย แตกต่างจากพวก ร้าน wrap ใหม่แน่นอน
อีกหน่อยคงไม่มีกล่อง
มีแค่กระดาษบางๆ ห่อเอาไว้คล้ายสบู่ลักส์
มีรุ่นที่เพิ่มราคาสำหรับห่อพลาสติกขายไหมครับ :p
ร้านที่มาบุญครองเดือนร้อนแน่นอน หลายร้านชอบแอบแก้แล้ว wrap ใหม่
ผมว่ายุคต่อไปคงเหมือแค่ตัวมือถือ, ซองกันกระแทก, ฟิลม์ติดหน้าจอ และกระดาษ EULA + QR สำหรับเข้า User Manual หละมั้ง
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อดคิดถึง Iphone 20 ไม่ไหวแล้ว
เห็นด้วย ดีแล้ว
ทีครับเห็นด้วย สั่งของออนไลน์ทีนึงนี่แบบ จะอะไรกันนักกันหนา
สามารถซื้อพลาสติกห่อเพิ่มในราคา $19.99
ฮ่าๆๆๆๆ ผมชอบเม้นนี้สุด
เกลียดเมนท์นี้อ่ะ ?
อยากช่วยโลก น่าจะไปสนับสนุนเรื่อง right to repair น่าจะดีกว่า
เรื่องนึงทำแล้วกำไรลดเรื่องนึงทำแล้วไม่ลด เขาก็เลือกทำเรื่องที่ไม่กระทบกำไรอยู่แล้วครับ
เดี๋ยวแบรนด์อื่นก็ทำตาม เริ่มก่อนโดนด่าเสมอ
Just a nerd, who interested in technology :p
สุดท้ายร้านเล็กๆ เอามาห่อเองอีกที กลัวคนซื้อไม่รู้เรื่องโวยวาย
อันนี้เห็นด้วย ตราบใดที่มีวิธีบอกว่าเปิดแล้วหรือยัง
โลกยุคนี้บางทีก็บ้าแพคเกจมากไป สร้างขยะเยอะโดยไม่จำเป็น
ผมชอบ อิโมจิคอมเม้นแรกใน Weibo [允悲] คัดลอกมามันไม่ตามมาด้วยมาแต่ภาษาจีน ?
รอดูเจ้าอื่นออกโฆษณาล้อเลียนว่าโทรศัพท์ของเรามีพลาสติกหุ้มที่กล่อง (แบบเดียวกับโฆษณาล้อเลียนรูหูฟัง 3.5)
แล้วสุดท้ายก็แอบลบโฆษณาออกไปเงียบๆ เพราะ...
...เพราะทำตามเหมือนกันนี่ไง 55555
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ต่อไป iphone 15 ก็จะมีแต่วิญญาณ iphone
ลด อคติลงกันบ้าง
เรื่องโลกร้อนนี่ควรจริงจัง
+1 นั่นสิ ทำไมมีแค่คนคิดว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลดการใช้พลาสติกนี่น่าจะดีใจกันด้วยซ้ำ มีแต่คนประชด ผมล่ะงง แอปเปิ้ลทำนี่ถือเป็นสิ่งดีด้วย ถ้าเจ้าอื่นจะทำตามกันเยอะ ๆ ลดลงได้มหาศาลเลย
ก็ประเด็นคือ "แอปเปิ้ล" ไงครับ ถ้าเปลี่ยนประธานในรูปประโยคเป็นแบรนด์อื่นจะมีแต่คำสรรเสริญยินดี พร้อมแซะแอปเปิ้ลไปหนึ่งกรุบ เหมือนทำไรก็โดนด่าหมด
+1 กลายเป็นสังคมจิกกัดไปแล้ว
มันไม่ใช่เหตุผลจริงๆของเปิ้ลไงครับ เปิ้ลจะลดต้นทุน พลาสติกหุ้มกล่องโทรศัพท์น้อยกว่า food delivery มื้อนึงอีก หาข้ออ้างมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของเปิ้ลเอง มีหลายเหตุการณ์แล้วที่เปิ้ลเป็นแบบนี้ย้อนไปศึกษาดูเป็นบทเรียน ในฐานะผู้บริโภค อะไรดีก็ชมไม่ดีก็ต้องแสดงความคิดเห็นได้
เริ่มจากเปลี่ยนสายพาวเวอร์ไปใช้ PVC เหมือนเดิมก่อนเลยครับ
ตอนนี้คือ พอเปลือกหุ้มข้างนอกเปื่อย จะใช้ต่อก็ไม่ได้ก็ต้องทิ้ง เปลือกด้านในเป็นพลาสติกไม่ย่อยสลายง่าย สุดท้ายก็กลายเป็นขยะพลาสติกไป
อย่างน้อย ๆ ใช้สาย PVC มันอาจจะทนเกินไปบ้าง แต่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ อาจจะใช้ได้เกิน 15 ปีสบาย ๆ เทียบกับสายปัจจุบันที่ 3-5 ปีสายก็เริ่มเปื่อยแล้ว อะไรแบบนี้ครับ
ใช่ครับ บอกรักโลกแต่จะซ่อมเครื่องเก่ายังยาก เหมือนทำเพื่อให้เป็นข่าวดังเฉยๆ มาแนวนี้ยังไงแอปเปิ้ลรู้ต้องมีคนเถียงกันแน่ๆ
โลกร้อนควรคำนึง แต่ช่วงโควิทระบาดหนัก การคำนึงถึงบรรจุภัณฑ์ที่ปนเปื้อนได้ยาก ทำความสะอาดได้ง่าย ก็ควรจะเป็นสิ่งที่ผู้ผลิต ผู้ขาย ควรระดมความคิดทำมาด้วยเช่นกัน
บริษัทก็คงไม่ได้คิดถึงกรณีที่ลูกค้าเก็บกล่องหรอกครับ
ผมเชื่อว่ายังไงทุกวันนี้เราก็มีโอกาสเสี่ยงเจอโควิดจากทางอื่นเยอะกว่าบนกล่อง iPhone อยู่ดี
เรื่องอนามัยก็ไม่ใช่เรื้องล้อเล่นครับ
เรื่องอนามัยก็ไม่ใช่เรื้องล้อเล่นครับ
ผมเห็นด้วยที่ลดพลาสติกนะ
แต่เพราะ Apple เป็นบิดาแห่งการย้อนแย้งไง คนเลยแขวะกัน
รักโลก ไม่แถมที่ชาร์ต แต่ซื้อเพิ่มได้ (อันนี้ส่วนตัวเฉยๆ เพราะที่ชาร์ตเยอะ เต็มบ้าน)
รักโลก แต่ใช้ proprietary port
รักโลก แต่ซ่อมไม่ได้
รักโลก แต่สายชาร์ตอายุสั้นมากๆ
ผู้นำการเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวแบรนด์อื่นก็ทำตาม
จะมีปัญหาเรื่องฝุ่นเข้าไหม ?
That is the way things are.
ปกติถ้ากล่องสมบูIร์ไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ
ผมยังแปลกใจว่าทำไม่ไม่ใช้พลาสติกจากสาหร่าย หรือไบโอพลาสติก
เวลาขนส่งข้ามประเทศผมยังขนลุกอยู่เลย
เตรียมตัวยอดขายตกได้เลย ดูจากโพสหลายๆ ที่ หลายคนยังโหยหาพลาสติกอยู่
ผมว่าในอนาคตถ้าในกล่องไม่ได้มีอะไรมากอาจะจะเป็นคล้ายๆกล่อง pocky ด้วยซ้ำข้างในก็เป็นกระดาษอัดรูปไว้กันกระแทก ส่วนตัวผมเห็นว่าพลาสติกหุ้มกล่องมันไร้สาระมานานละคือกล่องมีหน้าที่ปกป้องสินค้าแต่ดันมีพลาสติกมาปกป้องกล่องอีกที ส่วนเรื่องคนห่วงเชื้อโรค หรือฝุ่นเข้าก็อยู่ที่การออกแบบกล่องให้มีร่องน้อยที่สุดแล้วก็ปกติกล่องพวกนี้ก็เคลือบมันหรือด้านอยู่แล้วกันหยดน้ำได้นิดหน่อย
อ้างรักษโลกตลอด...แต่การกระทำสวนทาง
รักโลกครับ
จริงๆ กล่องแบบนี้ก็ถูกใช้กับพวกอุปกรณ์เสริมมาก่อนแล้วนะ
ร้านตู้ไม่ถูกใจสิ่งนี้
ดีครับ ช่วยกันลดพลาสติกใช้ได้ครั้งเดียวกลายเป็นขยะ สมเหตุสมผลกว่าตอนไม่แถมหัวชาร์จเยอะ
พวกอุปกรณ์คอมที่ชอบเอาพลาสติกใสแปะสินค้าให้รู้สึกฟินตอนแกะก็ควรเลิกได้แล้ว
ปีหน้าขอเป็น USB-C 4.0 แซงหน้าแอนดรอยเพื่อโลกหน่อยครัล
รักษ์โลกแต่ราคาแพงขึ้นเยอะเลย ทั้งที่ผลิตน้อยลง พวกตัวที่ตัดออกไปไม่แถมมาให้อ่ะ
เศร้าเลย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เปลี่ยน process การผลิตใหม่ มีต้นทุนเพิ่มนะครับ 555+
ถ้าจะมันใจว่าเครื่องจะไม่ถูกสับเปลี่ยน คือต้องไปแอปเปิ้ลสโตร์อย่างเดียว?
ไม่มีพลาสติ๊กหุ้ม แต่มีกระดาษแปะอยู่นะครับ ตามในรูป ต้องฉีกก่อนถึงเปิดกล่องได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เช็ค S/N กับกล่องก็ได้นะครับ
อันนี้ผมว่า ok นะ ปกติก็ไม่ได้เก็บพลาสติกอยู่แล้ว
ความเห็นดีเห็นงามในการลดขยะพลาสติกเมื่อปีที่แล้วหายเกลี้ยงกันแล้วสินะ 5555 รักโลกตามกระแสจริมๆ
จริงๆผมต่อต้านการงดแจกถุง หลอดกระดาษนะ แต่พอเห็นคนแดน.์กันเพราะ apple ลดพลาสติกนี่แอบยิ้มมุมปากนิดนึง
เห็นด้วยเรื่องการยกเลิกพลาสติกครับ ส่วนปัญหาที่ตามมามันก็มีแหละ แต่ก็ยังพอมีทางแก้ได้อยู่
แต่ผมก็ยังอยากแซะ Apple นะ เพราะผมเชื่อว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง ไม่คิดว่าว่า Apple อยากจะรักษ์โลกจริงๆหรอก น่าจะมีนัยยะแอบแฝงอะไรซักอย่าง เช่น กำไร อะไรแบบนี้
แบบนี้ผมต้องเม้นแบบไหนเหรอ จะได้ไม่มีคนมาหาว่าผมไม่รักโลกหรือไม่สนใจสิ่งแวดล้อม 55+
สรุปง่ายๆ ผมว่าแอปเปิ้ลลดโลกร้อนถ้ามันช่วยลดต้นทุนตัวเองได้ แต่ถ้าตัวเองเสียเปรียบหรือไม่ได้ประโยชน์จะไม่ทำ แม้จะเป็นการลดโลกร้อน
เวลาเปิดจริงๆมีแต่จะฉีกพลาสติกทิ้งกัน เหลือแต่กล่องกระดาษเหมือนเดิม (กลัวมากก็ใส่ถุงมือเลยดีไหม)
จะเก็บเศษพลาสติกไปเช็ดกับแอลกอฮออล์ทำไมหรือ
เช็ดก่อนแกะสิครับ พลาสติกมันห่อหุ้ม ไม่ให้ละอองน้ำลายหรือเชื้อโรค ปนเปื้อนลงกล่องโดยตรงไง
ถ้าไม่มีอะไรหุ้ม กล่องกระดาษ รับน้ำลายคนขายมาไหมก็ไม่รู้ กระดาษนี่เก็บสิ่งปนเปื้อนอย่างดีซึมลึกอีกตะหาก ถ้าร้านในห้องแอร์อากาศไม่ร้อนไม่โดนแดด เชื้ออยู่ข้ามวันแน่ๆ
ที่ว่าจับแล้วล้างมือ ล้างกันทุกคนทั้งบ้านกันไหม
เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็แล้วแต่จะเลือกเอา แต่ดูแล้วมันมีความเสี่ยงกว่าเดิม
กลัวมากกลัวน้อย ก็ยังติดโควิทวันละหมื่น นี่ก็ชนชั้นกลางเกินครึ่ง ที่ทุกคนชอบบอกว่า ดูแลตัวเองดีไม่กลัวโควิททั้งนั้น แสดงว่าที่ว่าป้องกันดี มันไม่ดีพอตะหาก?
ตลกดี ทำอย่างกับซื้อ iPhone เข้าบ้านทุกวัน วันละกล่อง เอาเวลาไปกลัวไรเดอร์ส่งของดีกว่ามั้ย
คือใครอยากแซะก็แซะไป แต่อย่ามองข้ามประเด็นหลัก เรื่องลดโลกร้อน
คนที่เขากังวล ก็น่าจะย่อมระวังของอื่นๆอยู่แล้วสิครับ มันคงไม่มีคนที่กลัวติดเชื้อจากกล่องiphone แต่ใช้มือเปล่ารับกล่องอาหารจากมือไรเดอร์แล้วไม่ล้างมือหรือไม่ทำความสะอาดกล่องหรอกมั๊ง? :P
เรื่องลดโลกร้อน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่า ทำให้เกิดความเสี่ยงปนเปื้อนมากขึ้นจริงไหม มันไม่ได้ทำแล้วห้ามพูดอีกประเด็นสักหน่อย
จะเสี่ยงมากหรือน้อยทุกวันนี้ก็ติดวันละหมื่นคนและยังตายวันละร้อยสองร้อย ถ้าเป็นไปได้ก็ลดความเสี่ยงทุกกรณีน่าจะดีกว่านะครับ พ้นภาวะระบาดระดับโลกไปแล้ว ค่อยว่ากันใหม่ไม่สาย
ไม่ได้แซะเพราะเป็นapple แต่ผมอยู่ในกลุ่มให้ความสำคัญกับสุขอนามัยมากกว่าเรื่องลดโลกร้อนโดยใช้วัสดุที่เสี่ยงปนเปื้อนนะ อย่างพวกหลอดกระดาษ นี่ดูแล้ว... ยังไม่นับว่าหลายๆเคสเหมือนใช้คำว่ารักษ์โลกมาปกปิดการลดต้นทุนเฉยๆ
ไอ้ประเด็นหลักนี่แหละมันถึงน่าแซะ ลดโลกร้อนโดยการลดต้นทุน แถมราคาเท่าเดิมหรือแพงกว่า
ก็ดีนะ เปลี่ยนเป็นกล่องแบบมีที่เปิดด้านเดียวปกติ แล้วใช้ Seal แบบที่ปลอมไม่ได้มาติดทับไว้ ถ้าไม่มีซีลนี้หรือใด ๆ ก็ไม่ต้องรับและขอเงินคืน ก็ดีอยู่ ใช้พลสาสติกน้อยลง และป้องกันของปลอมได้ดีขึ้น
ถ้าได้อ่านประวัติของทิมคุกมาบ้าง จะรู้ว่าทิมคุกเก่งด้านลอจิสติกส์ (ลอจิสติกส์คือศาสตร์การบริหารจัดการด้วยลอจิค, ไม่ได้จำกัดแค่การขนส่ง) โดยเฉพาะการลดต้นทุนใน supply chain
ทิมคุกไม่ได้เป็นที่รู้จักเพราะ "รักษ์โลก" ครับ เป้าหมายตือลดต้นทุนแต่บังเอิญว่ามันไปตรงกับคอนเซ็ปต์รักษ์โลกด้วย