iFixit ได้แกะ iPhone 13 Pro โดยพบประเด็นที่น่าสนใจหลายอย่างที่แตกต่างไปจากใน iPhone 12 ประเด็นแรกคือชิ้นส่วนของ Face ID ที่รวมเป็นโมดูลเดียวกัน ทำให้รอยบากหน้าจอเล็กลง และทำให้ส่วนของ Face ID แยกออกมาจากชิ้นส่วนหน้าจอ ประเด็นนี้ทำให้ iFixit มองว่า Face ID จึงไม่ทำงานหากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหน้าจอจากร้านภายนอก ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ เพราะทำให้ชิ้นส่วนไม่เข้าคู่กัน
แบตเตอรี่มีขนาด 3,095mAh เพิ่มขึ้นจาก iPhone 12 Pro ที่ 2,815mAh โดยแบตเตอรี่เป็นรูปตัว L แตกต่างจากปีก่อนที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และแรมมีขนาด 6GB
iFixit ให้คะแนนซ่อมแซมที่ 5 เต็ม 10 ชิ้นส่วนหลักสามารถเปลี่ยนซ่อมได้ แต่หักคะแนนตรงกระจกหลังที่เปลี่ยนยาก และประเด็นการเปลี่ยนหน้าจอที่ทำให้ใช้ Face ID ไม่ได้
ที่มา: iFixit
Comments
เสื่อพร้อม มาม่าพร้อม!
Just a nerd, who interested in technology :p
ก็ตกกะปินี่
ดีแล้ว เวลาซื้อมือสองจะได้สบายใจ ไม่โดนยำเครื่อง
แล้วถ้าต้องการยำเครื่องเองเนื่องจากต้องการซ่อมเครื่องของคุณ โดยเอาจอจากเครื่องที่อย่างอื่นเสีย แต่จอยังดี ไม่ผิดปกติอะไร และได้มาอย่างถูกกฎหมาย มาใส่กับเครื่องคุณที่จอเสียหล่ะ แทนที่คุณจะได้เครื่องที่ใช้งานได้ คุณกลับได้เครื่องที่ใช้งานบางอย่างไม่ได้ อีกอย่างการยำเครื่องไม่ใช่เรื่องของการหลอกขาย แต่มันมีเรื่องการ recycle ด้วยครับ
“ ส่วนของ Face ID แยกออกมาจากชิ้นส่วนหน้าจอ”
เอาจริงๆ iPhone ผมมองมาหลายปี เค้าออกแบบมาเพื่อใช้เงินในการแก้ปัญหา เช่น
ลงจากรถแล้ว มือถือร่วงลงพื้น เจ๊ง ก็เดินไปที่ Shop เปลี่ยนเครื่องใหม่
คุณจะได้เครื่องกลับมาทันทีโดยไม่ต้องรอซ่อมเลยเพราะซื้อ Care+ ไว้
หรือ ราคาจอ 1/3 ของราคาเครื่องใหม่ แต่เครื่องที่พังเกิน 2 ปีแล้วคุณก็
ซื้อใหม่เลยเพราะได้ Battery กับ OS ใหม่ด้วย
ชีวิตคุณแม่มจะดีย์มาก
ปัญหามันจะเกิด ในกรณีที่ อยากใช้แต่ไม่มีเงินไป Support มันแล้วต้องวิ่งหาที่ซ่อม
ข้างนอกเองนี่แหละ
ปล.ผมก็ไม่มีเงินขนาดนั้นเหมือนกันนะ เลยไม่ได้ซื้อซักที iPhone
คุณคิดถูกแล้ว อุปกรณ์เทคโนโลยีในปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าต้นทุนการบำรุงรักษา เนื่องจากการซ่อมต้องใช้แรงงานคนซึ่งมีต้นทุนแปรผันสูง จนคุ้มที่จะเปลี่ยนแทนซ่อม ยกเว้นผู้บริโภคมีเงินไม่พอกับบริการเสริมที่ผู้ผลิตเปิดช่องไว้ให้ก็จะซ่อม โดยเอากำไรส่วนต่างของคนที่เครื่องไม่มีปัญหามาโปะซึ่งโดยปรกติแล้วคือคนส่วนใหญ่ที่ซื้อไปแล้วไม่มีปัญหา ยกเว้นรุ่นที่มี issue จากการออกแบบผู้ผลิตก็ต้องควักเนื้อกันไป
เจอยำเครื่อง ไม่ยำจอ
จอแตกมีร้อง
ปกติเปลี่ยนจอกับ apple นี่เท่าไรครับ
iPhone การซ่อมและการเปลี่ยนหน้าจอ - บริการช่วยเหลืออย่างเป็นทางการของ Apple
อะไหล่แพง ต้องไปซื้อ แอปเปิ้ลแครเพิ่ม
ซื้อมือ 2 ต้องเช็คให้ดี
เราไม่ได้ซื้อเครื่อง เราแค่เช่าสิทธิ์ในการใช้เครือง
ดึงคนมีเงินมาใช้จริงๆ ค่ายนี้ แต่ก็ยังอยากได้อยู่ดีถ้ามีเงินคงเป็นตัวแรกเลือกที่จะเอาอ่ะนะ เพราะมันสวยทนทาน os ไหลลื่นลื่นๆ ใช้ยาวๆ ซื้อครั้งเดียวคุ้มแน่นอน ถ้าเอาจริงๆ มือทือราคาแพงขนาดนี้ คงต้องรักษาดีๆ และการซ่อมง่ายซ่อมยาก นี้คงไม่ใช้ประเด็จเพราะค่ายนี้สำหรับคนมีเงิน
ผมเห็นช่างที่ซ่อมมือถือ (เมืองนอก) ออกมาบ่นว่า มียูสเซอร์หลาย ๆ คนชอบ toss เครื่องลงบนพื้นผิวที่แข็ง คือเป็นพฤติกรรมปรกติ
แล้วพอเจอว่าจอแตกก็จะบ่นว่า จอมันแตกได้เอง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ก็คือพอจอมันกระทบพื้นแข็ง ๆ เข้ามันก็แตก เพราะมันเป็นกระจก
ดังนั้นผมว่า คนเราคงไม่รักษาดี ๆ เท่าไหร่ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่วิธีการใช้งานเค้าคือแทบจะไม่ถนอมเครื่องกันเลย อะไรแบบนี้ล่ะมั้งครับ ?
ไม่เกี่ยวต่างประเทศหรือในประเทศหรอกครับ แต่ละคนก็มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ผมเองใช้มือถือก็ไม่ใส่เคส ไม่ติดฟิล์ม โยนๆบนโต๊ะบ่อยๆเวลาคุยงานแล้วหงุดหงิด (แต่ไม่กล้าโยนลงพื้นนะ)
เพียงแต่ผมไม่พร้อมจะเอามือถือมูลค่าสูงแบบ iPhone มาใช้แบบนี้ ก็เลือกมือถือที่ราคารองๆลงมาเท่าที่ไหว แล้วก็ต้องยอมรับด้วยว่าพฤติกรรมพวกนี้อาจทำให้มันเสียหายได้ ถึงแม้จอไม่แตกก็เถอะ
ก็ปกตินี่ บริษัทที่บอกว่ารักโลก ก็เลยทำให้ซ่อมไม่ได้ไงละ จะได้ลดโลกร้อน
เหมือนๆที่รักโลกเลยไม่แถมที่ชาร์ต และไม่เปลี่ยนไปใช้ Type-C นะแหละ
ไม่เป็นไรเดี๋ยว Right to Repair ผ่านก็ง่อยเอง คนเรานี้ก็แปลกไม่สนับสนุนช่างมีฝีมือที่วิเคราะห์แก้ปัญหาได้ดีกว่าช่าง Apple ที่อะไรๆก็บอกให้เปลี่ยนบอร์ดใหม่