เมื่อคืนนี้มูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น (market cap) ของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นจนแซงหน้าแอปเปิล กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแล้ว
มูลค่าของไมโครซอฟท์ตามราคาหุ้น ณ ตอนปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (29 ตุลาคม) อยู่ที่ 2.49 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนแอปเปิลอยู่ที่ 2.46 ล้านดอลลาร์
เหตุผลสำคัญคือมูลค่าหุ้นของแอปเปิลตกลงหลังแถลงผลประกอบการ แม้รายได้เติบโตเป็นประวัติการณ์ แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์การเงินคาดเอาไว้ ในขณะที่ผลประกอบการของไมโครซอฟท์ออกมาดีกว่าที่คาด
บริษัทที่ตามมาห่างๆ เป็นอันดับสามคือ Alphabet ที่มูลค่าเกือบก้าวข้ามเส้น 2 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว (อยู่ที่ 1.96 ล้านล้านดอลลาร์)
Comments
แอบคิดว่าถ้าคอมพิวเตอร์ตามบ้านไม่ใช้ OS เถื่อน(Laptop ราคาถูก กับ BTO PC) กับ Office crack นี่น่าจะมีรายได้มากกว่านี้
อีกอย่างนึงผู้ลงทุนน่าเพ่ิมขึ้นแหละหลังออก 11 เพราะหลายเครื่องอัพเกรดไม่ได้มองอนาคตอันสดใสรายได้มาเป็นกอบเป็นกำแน่ ๆ ผมเองเคยใช้ Laptop ราคาถูกลง OS เถื่อนได้อัพเกรดเป็น Windows 10 ฟรี หากมองในแง่นักลงทุนนี่สูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ไปเยอะเหมือนกัน
ในประเทศไทยมองไปทางไหนก็เจอแต่คนใช้คอม Windows และ Ms office นานๆทีจะเจออย่างอื่น น่าจะ 95-96% เลยมั๊ง
คิดอยู่ว่าถ้ามันลดราคา Windows กับ Office ขายในหลักร้อย ก็คงยังได้กำไรอยู่ดี คนจะมาใช้ของแท้มากขึ้น
ลองมองเข้าไปในร้าน starbucks จะเจอคนใช้ windows เหลือประมาณ 50% ....
จังหวัดผมประชากร 1.433 ล้านคน มี starbucks อยู่ 2 สาขา
ผมนั่งอยู่ในร้าน ไม่มีแม๊คสักตัวเลยครับ
... คือร้านก็ใช้วินโดวส์ ผมก็ใช้วินโดวส์ แล้วก็มีคุณผู้หญิงคนนึงนั่งจิ้มไอโฟน แค่นี้เองครับ
เปลี่ยนจากเถื่อนมาใช้โอเอสฟรีอาจจะดูเหมือนเสียรายได้ แต่จริงๆ เหมือน MS ได้คนเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นครับ จากที่เคยเป็นตัวเลขเถื่อน ก็จะได้รู้ว่าจริงๆ มีผู้ใช้ในมือเท่าไหร่ เอาไปใช้วางแผนอย่างอื่นได้ดีขึ้นด้วยครับ
onedd.net
ms อาจจะสนใจประเด็นนี้รองๆ ไปแล้วก็ได้ครับ ตอนนี้คงโฟกัสไปที่ cloud first
WE ARE THE 99%
รายได้จากการขาย OS น่าจะเริ่ิมเป็นเรื่องรองลงมาแล้วมั๊งครับ
อย่างตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อ Upgrade Version ของ OS แล้ว
MS เล่น Subscription พวกที่เป็น Value Added อย่าง Office กินยาวๆ มันก็ Win-Win กับผู้บริโภคนะ
รายได้จาก OS ส่วนใหญ่ตอนนี้อยู่ที่ corporate licensing, OEM พ่วงมากับเครื่อง และช่วงหลังก็เริ่มกลายร่างเป็น subscription (Microsoft 365) พวกคอนซูเมอร์ซื้อไลเซนส์เองน่าจะน้อยลงมากแล้วครับ
Model นี้ในฐานะ End user อย่างผมนี่ชอบมาก คือ ได้ใช้ของแท้ราคาไม่กี่บาท เดือนนึงถูกกว่าค่ากาแฟอีก แถมได้อัพเกรดได้เรื่อย ๆ พวก MS Office นี่ใช้เฉพาะคอมที่ทำงาน แก้นิด ๆ หน่อย ๆ ใช้บนเว็บ และแอพโทรศัพท์เอา ใช้งานจริงจังฟังก์ชั่นเต็มผมซื้อแค่บางเดือนที่งานหนักแล้วต้องหอบมาทำที่บ้าน เสร็จงานแล้วก็ยกเลิกไป มีช่วงโควิดเนี่ยแหละ ซื้อยาวแบบ 1 ปี เพราะต้อง WFH แถมซื้อยาวไมโครซอฟต์ป๋าได้อีกใช้บัตรมาสเตอร์การ์ดลดราคาเหลือ 1290 ตกเดือนละร้อยกว่าบาท
ปกติใช้ Mac ทำงานกราฟฟิค รีทัชภาพ ตัดวีดีโอ app ใช้แท้หมด เพื่อนที่ใช้ Window บอกว่าผมโง่ จะซื้อแท้ทำไม แครกมาก็ใช้ได้เหมือนกัน ใช้ของแท้มีแต่จะจนลงๆ ไม่เห็นต้องจ่าย (และผมก็เจออีกหลายๆคนคิดแบบนี้ แท้ทำไม)
Argument นี้เถียงมาสิบปีละ (ไม่จบ) แต่อยากถามว่าเพื่อนคนนั้นโดนแฮก,ransom ฯลฯ มั่งไหมครับ
มูลค่าของข้อมูลแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน หรือ การใช้งานไม่เหมือนกันคับ
PC เล่นเกมส์ผมก็เถื่อนทั้งเครื่อง
ส่วน Macbook เครื่องแสนกว่าโปรแกรมที่ซื้อใช้แพงกว่าเครื่องอีก T-T
เครื่อง Mac ของบริษัท ผมก็ให้ใช้โปรแกรมแท้หมด
เงินไม่กี่พันบางคนอาจมหาศาล อาจจะยากในการได้มา อย่างในเว็บนี้เองเห็นยูเซอร์นึงไล่ตามด่าแอปเปิลมาเป็นปี ก็นึกว่าเกลียด หรือเคืองแค้นบริษัทนี้อะไรนักหนา แต่มาวันนึงเห็นโพสต์ว่า กัดฟันซื้อ iPhone SE พอเห็นงี้แล้วก็นะ ผมว่าเรื่องรายได้ก็มีส่วน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนมีตังค์ไม่ใช้ของเถื่อนนะ ก็คงมีพอประมาณแหละ แต่คงไม่มาก (คิดว่านะ)
ผมไม่คิดว่าการที่บางเครื่องอัพเกรดไม่ได้จะส่งผลดีต่อรายได้อย่างมีนัยยะอะไรนะครับ
เพราะคนที่ใช้ Windows 10 ในปัจจุบัน ถ้าเป็น Retail ตอนเปลี่ยนเครื่องก็เอา Key เดิมไป Activate ได้อยู่ดีไม่ต้องซื้อใหม่ ส่วนคนที่ใช้ OEM ตอนเปลี่ยนเครื่องยังไงก็ต้องซื้อใหม่อยู่แล้ว
คนที่ใช้ OEM และต้องเปลี่ยนเครื่องก่อนกำหนดเพื่อไปใช้ Windows 11... ผมไม่คิดว่าเยอะนะครับ เพราะระยะเวลาซัพพอร์ท Windows 10 ก็ยังเหลือ ส่วนใหญ่ก็น่าจะเปลี่ยนเครื่องตามรอบปกติกันก่อนอยู่แล้ว โปรแกรมเฉพาะทางที่ Windows 11 Only ก็คงไม่มีเร็วๆนี้ เพราะงั้นไม่น่าจะมีความจำเป็นอะไรต้องรีบเปลี่ยนไป Windows 11 ก่อนรอบเปลี่ยนเครื่องตามปกติเลย นอกเสียจากว่าจะเป็นความอยากของเจ้าตัวเฉยๆ (ซึ่งผมไม่คิดว่าจะเยอะจนส่งผลต่อรายได้อย่างมีนัยยะอะไรนะครับ)
ผมขอถามนะครับ ผมไม่รู้เรื่องคอม
ไอ้ os เถือนนี้ วินได้อะไรจากมัน แล้วก็ทำไม มี os เถือนวินไม่แบนเหรอครับ (ผมก็ใช้เถือนแฮร่) ขอบคุณครับคนที่มาตอบ
ทำให้ผู้ใช้ยึดติดรูปแบบการทำงานของการใช้งาน windows ครับ ลองไปใช้ MacOS หรือ linux ดู จะ งง นิดๆเพราะต้องหาเมนู แต่เดี๋ยวนี้ linux นั้นมี GUI คล้าย windows แล้วมั้ง
อีกข้อหนึ่งคือคนใช้ MS windows ก็ต้อง ตามติดมาด้วยใช้ MS office ครับ ซึ้งอันนี้แหล่ะรายได้เขา โรงเรียนก็สอนใช้แต่ MS office จนคนใช้ office ตัวอื่นไม่เป็น อย่างผมจะให้พนักงานเปลี่ยนไปใช้ office ตัวอื่นยังยากมากเลยเลย เพราะติดรูปแบบการใช้งานและความคุ้นเคยของมัน เจอตัวอื่นจะหา ฟังชั่นการใช้งานไม่เจอเพราะชื่อไม่เหมือนกันหรือ icon ไม่เหมือนกัน
ยังไม่รวม บริการอื่นที่พ่วงมากับ windows ด้วยครับจะทำให้คนรู้จักสินค้าของ MS ได้ง่ายขึ้นว่ามีอะไรบ้าง
เหมือน เราใช้บริการต่างๆที่มันฟรีหล่ะมั้ง ได้ฐานลูกค้า ได้ข้อมูลลูกค้า เพราะหลายคนน่าจะโดนใช้ Microsoft account sign-in
ได้ฐานผู้ใช้ครับ จริงๆผมคิดว่า Microsoft สามารถแบนได้สบาย ยิ่งยุคอินเทอร์เน็ตแบบนี้ยิ่งง่ายครับ แต่ที่ยอมให้บางส่วนเพื่อให้คนติดการใช้งาน แล้วก็ไปขาย Windows OEM ในคอมยี่ห้อต่าง ๆ แทนครับ แล้วก็มาถึงยุค Cloud ที่ทุกอย่างอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทำงานกับหลายอุปกรณ์มากขึ้น ก็ต้องซื้อแบบรายปีแทน อีกอย่างคนที่ใช้ของเถื่อนพอมีกำลังซื้อมากขึ้นก็เริ่มจะซื้อของแท้มากขึ้นครับ บวกกับการที่ขี้เกียจแครกและแพคเกจทำให้ชีวิตสะบายขึ้นมากก็เริ่มเปลี่ยนใจแล้วครับ
เดี๋ยวน่าจะขึ้นอีกเมื่อปล่อยใช้ App Android ได้อย่างเป็นทางการ ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียวตอนนี้ที่ปล่อยออกมาให้ลองใช้
intel gen 12 ออกมาอีกใช้งาน win11 ประสิทธิภาพออกมาได้ดี
ดีซะจนเริ่มสงสัยว่า แพทช์นี้มันทำให้รัน AMD ห่วยลงหรือเปล่านะ
จริงๆ MSFT เคยแซง AAPL มาแล้วครั้งหนึ่งตอนปี 2018 นะ แต่ก็โดนแซงคืนในเวลาต่อมา