อินเทลขออภัยชาวจีนในบัญชี WeChat ของบริษัท หลังชาวเน็ตจีนแสดงความไม่พอใจเป็นวงกว้าง เนื่องจากอินเทลออกจากจดหมายถึงซัพพลายเออร์ห้ามใช้แรงงานและสินค้าจากเขตซินเจียงของจีน หลังสหรัฐฯ ระบุว่ามีการใช้แรงงานโดยบังคับในเขตนี้
หลังจากจดหมายของอินเทลเผยแพร่ในจีนและถูกชาวเน็ตจีนแสดงความไม่พอใจ พร้อมๆ กับสื่อของรัฐบาลหลายแห่งออกมาวิจารณ์ เช่น Global Times ระบุว่าอินเทลกล้าแสดงท่าทีแบบนี้เพราะแน่ใจว่าตลาดจีนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร และเตือนอินเทลว่ารายได้จากจีนและฮ่องกงเป็นรายได้ก้อนใหญ่ของอินเทล ขณะที่ศิลปินที่อินเทลสปอนเซอร์อยู่อย่าง Kerry Wang ออกมาประกาศยุติสัญญา โดยระบุว่าผลประโยชน์ชาติต้องมาก่อน
อินเทลพยายามชี้แจงว่านโยบายห้ามใช้แรงงานและสินค้าจากซินเจียงเป็นนโยบายเพื่อทำตามกฎหมายสหรัฐฯ และทางบริษัทเองไม่ได้พยายามแสดงท่าทีในเรื่องนี้
ที่มา - The Guardian
ภาพโรงงาน D1D/D1X ของอินเทลเมื่อปี 2017
Comments
ประเด็นคือเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่ชาวจีนแสดงความไม่พอใจเป็นวงกว้างนี่คือเป็นเสียงส่วนใหญ่จริงๆ หรือเป็นเพราะเสียงชาวจีนที่เห็นด้วยกับอินเทลถูกกรองออกจากอินเตอร์เน็ตจนหมด
หรือ IO
Karry Wang
ชาวเนตจีน จากไหน
อย่าให้เหมือน ไนกี้ นะครับ โดนแบน ชาวจีนเราอย่าไปซื้อมันชาติต้องมาก่อน พวกเลยประกาศ ขายรองเท้า China limited 5000 คู่ ... แบนรองเท้ากันแทบตบกันตายหน้าร้านนาทีเดียวหมดสต๊อกเลย
Global Time เป็นสำนักข่าวของรัฐบาลจีนที่ออกข่าวอวยจีนเท่านั้นครับ FYI
แต่ดันชื่อ Global Time อ่ะนะ
ชาวจีนทุกคนหันมาใช้ CPU ของเรากันเถิด
หรือไปใช้ RISC-V ให้หมด ทั้งมือถือไปจนถึง Super Computer ในอนาคต
เห็นว่าหลายบริษัทในจีน แม้แต่หน่วยงานรัฐของจีนก็เอามาพัฒนาใช้งานต่อเองด้วย เพราะมันฟรีและไม่ติดเรื่องสิทธิบัตรด้วย และลดการพึ่งพาจากชาติตะวันตกได้อีกส่วนหนึ่งตามแผนของจีนในตอนนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ไม่ติดสิทธิบัตร เพราะเป็นopen license
แต่ก็ไม่ได้คิดเองอยู่ดี?
สุดท้ายถ้าเจ้าของตัวจริงเขาระงับหรือไม่เปิดเผยส่วนที่พัฒนาต่อแล้วล่ะ? ก็จะเจอท่าเดียวกับandroid หรือเปล่า คือก็ยังใช้ได้พัฒนาเองได้ แต่โดนจำกัดสิทธิ์บางอย่าง (ของandroid คือ gms) สุดท้ายก็ขายในตลาดโลกลำบากอยู่ดี
ส่วนจะบอกว่า แค่ทำขายคนจีนก็พอแล้วไม่ต้องสนใจโลก ตัวอย่างจากมือถือยี่ห้อนั้นที่มีแนวโน้มจะย้ายไปทำอย่างอื่นแทน แสดงว่ามันไม่พอจริงๆน่ะสิครับ
ตอนนี้ผมมองว่าจีนคงหาทางที่ทำอะไรได้บ้างมากกว่าที่จะทำตั้งแต่เริ่มต้นหละครับ เพื่อให้ทันฝั่งตะวันตกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมีข้อจำกัดน้อยที่สุด แต่ถ้าจีนยังเป็นแบบนี้อยู่ก็น่าจะแก้ได้ยากหละครับ
ส่วนเรื่องจำกัดสิทธิ์นั้น ก็เป็นไปได้ครับที่จะเกิดขึ้นกับ RISC-V ในอนาคต
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ตัว "ชุดคำสั่ง" (ISA) ไม่ติดสิทธิบัตร แต่อย่างอื่น เช่น design ที่ optimize แล้ว พวกนี้อีกเรื่องครับ
ในแง่ของโอกาสก็คิดว่า RISC-V น่าจะเปิดทางให้จีนผลิตได้เองจริงๆ โดยเฉพาะ design ที่ไม่ซับซ้อนมาก อย่างกลุ่มชิป IoT ทั้งหลาย
แต่ถ้าพวก desktop จนถึง server พวกนี้วงกจรเฉพาะหลายตัวยังเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทเฉพาะทางอยู่ ที่เราเห็นทุกวันนี้แม้แต่ชิป Arm ที่ถือสิทธิบัตรตัว ISA ก็มีการซื้อขายสิทธิ์การใช้งานหรือซื้อขายบริษัทที่ออกแบบชิปที่ optimize แล้วกันเรื่อยๆ (ชิปของแอปเปิลก็เริ่มจากการไปซื้อบริษัทพวกนี้มา)
ถ้าถามว่าทำได้ไหมก็คงทำได้ แต่ประสิทธิภาพต่อพลังงาน อาจจะทิ้งห่างอยู่หลายปี
lewcpe.com, @wasonliw
จีนทำคนอื่น = ทำได้
คนอื่นทำจีน = จีนโวยวาย
บางทีก็งงกับตรรกะเหมือนกัน
เคยเจอ เวลาจีนสั่งห้ามนู่นห้ามนี่จากชาติอื่น ก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็จีนเป็นคอมฯ นี่นา อยากติดต่อกับจีน ก็ต้องทำตามกฎหมายจีนสิ
ถ้าเจอชาติอื่นห้ามจีนทำบ้าง ก็จะด่าว่าไหนเป็นชาติเสรีไง มาห้ามจีนได้ยังไง กดขี่ข่มเหงนี่นา เป็นเผด็จการตะวันตกรุมรังแกจีน ฯลฯ
ถ้า Intel คิดว่าตัวเองทำถูกต้องดีงามจริงๆ ก็ไม่ต้องขอโทษขอโพยอะไรนะ
คือคนจีนอาจจะโดนวางทัศนคติไว้ว่าการใช้แรงงานทาสเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เลยทำให้เกิดความไม่พอใจหรือปล่าว
ทำไมผมนึกถึงแถวๆ นี้แทน