ดูเหมือนว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Intel Core 11th Gen และ 12th Gen รุ่นเดสก์ท็อป จะไม่สามารถใช้ดูหนังบนแผ่น blu-ray 4K ได้ ปัญหามาจากการที่ Intel ถอดระบบป้องกันความปลอดภัย Software Guard Extension หรือ SGX ออก และจัดไปอยู่ในหมวดเทคโนโลยีที่ล้าสมัย (deprecated technologies) ในชิป Intel Core 11th Gen และ 12th Gen รุ่นเดสก์ท็อป ซึ่งแต่ระบบนี้มีความจำเป็นเพื่อใช้ผ่านระบบป้องกันลิขสิทธิ์ของ blu-ray 4K และทำให้เล่นแผ่นได้
นอกจากนี้ปัญหาของระบบ SGX คือเป็นระบบความปลอดภัยที่มีเฉพาะบนซีพียู Intel ทำให้นักพัฒนาโปรแกรมต้องใช้เวลาเพิ่มเพื่อทำให้โปรแกรมรองรับ SGX โดยเฉพาะ แถมระบบป้องกันนี้ยังมีช่องโหว่สำหรับการโจมตีอยู่มาก เช่นช่องโหว่ SmashEx ที่ค้นพบช่วงเดือนตุลาคม 2021 ทำให้สิ่งที่ได้น่าจะไม่คุ้มเสีย และ Intel จึงตัดสินใจถอดระบบนี้ออกไปในชิปรุ่นล่าสุด
อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ของหลายๆ คนในปัจจุบัน น่าจะแทบไม่มีช่องใส่แผ่นแล้ว และการดูหนังจากแผ่น blu-ray 4K คงน่าจะเหมาะกับการดูบนทีวีจอใหญ่ๆ กับโฮมเธียเตอร์มากกว่า นอกจากนี้ชิปเดสก์ท็อปรุ่นเก่ากว่าเช่นเจ็น 10 ก็ยังสามารถใช้เพื่อดูได้อยู่หากผู้ใช้ต้องการ จึงไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่นัก
ที่มา - PCGamer
Comments
ที่หัวข่าวและเนื้อข่าว ควรเป็น เจ็น หรือ Gen ในทางเดียวกันครับ
ปรับเรียบร้อยครับ
อ่านหัวข่าวแล้ว หื้มเอาจริงสิ เอามาอ่านเนื้อหาก็อะไรเนี่ย อ่านจากแผ่นเอง ฮ่าๆ
งั้นคงเป็นผมคนเดียวละ ไม่ยอมซื้อบลูเรย์เพลย์เยอร์ ทุกวันนี้ดูผ่าน Mac
ผมใช้ AnyDVD 555
คนที่ ...
ซื้อเครื่องใหม่เป็น Gen 11, Gen 12
หาซื้อ drive Blu Ray แบบ Ultra HD มาใส่
แต่ Case Desktop สมัยนี้แทบทุกตัวไม่มีช่องด้านหน้าแล้ว ..
แสดงว่าใช้ Case เก่าสมัย 4-5 ปีก่อน ?
ใช้จอ 4K HDR400 หรือ HDR1000
ซื้อแผ่น Blu Ray Ultra HD มาสะสมไว้จำนานหนึ่ง
ก็คงมีแหละนะ แต่ผมว่า
สมัคร Netflix เถอะ เจ็บครั้งเดียว ให้มันจบๆไป
ไม่จำเป็นต้องมีช่องด้านหน้าเคสแล้วนะ เดี่ยวนี้ bluray มักจะซื้อกันแบบ external ต่อผ่าน USB เอาครับ
ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ สะดวกกว่ามาก
อ่อ ดูหนังผ่าน bluray พวก bitrate และคุณภาพเสียง มันได้คุณภาพมากกว่าพวกบริการ streaming นะครับ
เดี๋ยวนะครับ netflix นี่ไม่ใช่ว่าจ่ายรายเดือนเหรอครับ ทำไมเจ็บครั้งเดียว? หรือเค้ามีแพกเกจ Lifetime?
ถ้าตัดใจเลิกเก็บแผ่น optical ได้ ทุกอย่างจบครับ ไม่ต้องมี drive ไม่ต้องรอซื้อแผ่น ไม่ต้องมีที่เก็บในบ้าน ไม่ต้องกลัวว่าแผ่นจะเสียราขึ้น ... แต่มีปัญหาตอนตัดใจนิดนึง ที่เคยซื้อๆ เอาไว้นี่แหละจะเอายังไงต่อดี ?
ใช้ external BD ได้ครับ เดี๋ยวนี้มีแบบต่อUSB type C ด้วย
แต่ปกติผมก็จะrip เป็นISO ลงHDD ไว้เล่นซ้ำนั่นแหละเล่นบ่อยกลัวแผ่นเป็นรอย
และcontentหลายๆอย่าง ยังไม่มีช่องทางstreaming ทดแทน เช่น Concert ครับ(ไม่นับโหลดเถื่อนนะ)
ข้อดีของแผ่นconcert bluray โดยเฉพาะวงญี่ปุ่น คือบันทึกเสียงมาระดับLPCM2.0 24bit 48kHz bitrate 2304kbps ครับ ผมเองสั่งboxset concert ของวงญี่ปุ่นวงนึงเป็นประจำ ปีนึงออกชุดใหญ่ชุดนึงราคารวมภาษีก็โหดไม่น้อย แต่ภาพและเสียงจัดเต็มจริงๆ
ซึ่งจริงๆช่วงโควิทนี้ วงญี่ปุ่นหลายวง ก็จัดคอนฯออนไลน์ ซื้อตั๋วดูได้จากไทยสดๆพร้อมคนญี่ปุ่นเช่นกัน แต่คุณภาพของภาพและเสียง ก็ใช้คำว่าแค่พอได้ดูได้หายคิดถึง สุดท้ายก็ต้องรอแผ่นBDบันทึก มาขายทีหลัง เพื่อรับชมคุณภาพเต็มๆอยู่ดี
ผมยังใช้pc ดูผ่านจอmonitor 4k 32"เป็นหลัก(ทีวีจอใหญ่ก็ดูครับถ้าต้องการนั่งท่าสบายๆ แต่ต่อจากpc ไปนี่แหละ) เพราะอุปกรณ์ด้านเสียงแบบdesktop ในปัจจุบัน เช่นdac,amp,headphone amp ด้านคุณภาพเสียงมันแซงพวก AVR ราคาใกล้เคียงกันไปเยอะแล้ว จนผมแทบไม่เปิดAVRตัวเก่าเลยยกเว้นจะต้องการเสียง 5.1 แท้ๆหรือต้องการถอด DTS-HD MA อะไรพวกนั้น
ส่วนNetflix พวกนี้ก็สมัครไว้ดูหนังดูseriesครับ คนละเป้าหมายกัน แต่ก็ทำให้ผมเลิกซื้อแผ่นหนังBD ไปเช่นกัน และปกติดูผ่านแอพของทีวีนั่นแหละง่ายดี
ใช้ External BD อีกเสียงครับ
เช่นกันครับ
มีปัญหากับโปรแกรมที่ใช้ SGX ครับเช่น PowerDVD ต้องย้ายไปใช้โปรแกรมอื่นที่ decrypt โดยไม่ใช้ SGX ผมย้ายจาก Intel มา AMD ก็เจอเลย แต่ก็เสียดาย License PowerDVD ที่ซื้อมาใช้นานพอควร
iGPU gen 11-12 นี่รองรับการถอดvideo มากกว่าเดิมเยอะ ทั้ง AV1 8k แต่ไหงมาตกม้าตายเรื่องของเก่าล่ะเนี่ย
ส่วนการ์ดจอแยก ณ เวลานี้ เห็นราคาแล้วก็รอยาวๆ ไปซื้อCPU gen12 เพื่อใช้ iGPU ยังคุ้มกว่าเลย(เห็นข่าวแวบๆว่า AMD 6500xt ตัวใหม่ถอด AV1 ไม่ได้ซะอีก...)
คนละส่วนกันมั้งครับ SGX กับ Hardware Decoder นี่
อย่างว่าแหละครับ ของเก่าไป คนเริ่มไม่ค่อยใช้แถมมีไว้ก็ยังจะมีแต่ปัญหาสะสมระยะยาว ยังไงตัดออกก็คงคุ้มกว่า
เคได้ข้ออ้าง ซื้อ PS5 แทนละ
ตั้งแต่มีเทคโนโลยีนี้มา จนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยใช้เลย ...
เชียร์ตั้งแต่เริ่มสู้กัน จนถึงตอนนี้ยังไม่มีบุญได้แตะเหมือนกันครับ orz
เคยอยากใช้เหมือนกัน แต่ปัจจัยที่ทำให้มันตายเลยเรามองว่ามันแพงเกิน จำได้ช่วง bd ออกใหม่ๆ ราคาตัวอ่านโหดเกิน ถ้ายุคนั้นแพงกว่า drive dvd ไม่มาก ไม่โดนยุค internet ตบร่วง น่าจะพอได้สัมผัสอยู่บ้างแท้ๆ