Tags:
Node Thumbnail

เมื่อปี 2019 กูเกิลประกาศแนวทางของ Chrome ที่ต้องการเลิกใช้คุกกี้ตามรอยผู้ใช้ข้ามเว็บ (third party cookie) เพื่อการโฆษณา ด้วยข้อเสนอใหม่ที่เรียกว่า Federated Learning of Cohorts (FLoC)

หลักการของ FLoC คือเปลี่ยนจากการเก็บคุกกี้ตามรอยผู้ใช้เป็นรายบุคคล มาเป็นการนิยาม "กลุ่มผู้ใช้" แบบกว้างแทนว่าสนใจเนื้อหาประเภทใด เพื่อให้ยังยิงโฆษณาได้แม่นยำ อย่างไรก็ตาม แนวทางของ FLoC เปลี่ยนมาเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่ตัวเบราว์เซอร์โดยตรง (แทนเก็บที่ระดับของเว็บเพจด้วยคุกกี้) จึงโดนคัดค้านอย่างหนัก, ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์รายอื่นไม่มีใครเอาด้วย (แม้ใช้เอนจิน Chromium), ผู้พัฒนา CMS รายใหญ่อย่าง WordPress ประกาศบล็อคการตามรอยแบบนี้

วันนี้กูเกิลประกาศถอยสุดซอย ยกเลิกแนวทาง FLoC เปลี่ยนมาเป็นแนวทางใหม่คือ Topics API ที่เก็บข้อมูลน้อยลงกว่าเดิม

No Description

Topics API ยังเป็นการเก็บข้อมูลที่ระดับเบราว์เซอร์ แต่เก็บแค่หัวข้อว่าเราสนใจเรื่องอะไร (เช่น Fitness, Travel & Transportation) โดยเก็บหัวข้อความสนใจจากประวัติการท่องเว็บ 3 สัปดาห์ล่าสุด (เก่ากว่านั้นจะลบทิ้ง) ข้อมูลหัวข้อเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ที่ตัวเบราว์เซอร์เท่านั้น ไม่ถูกส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล

จากนั้นเมื่อเราเข้าเว็บไซต์ที่ต้องการยิงโฆษณา ระบบโฆษณาที่รองรับฟีเจอร์นี้จะสอบถามข้อมูล Topics จากเบราว์เซอร์ ซึ่งเบราว์เซอร์จะคืนค่า 3 หัวข้อกลับมาให้ระบบโฆษณาเลือกโฆษณามาแสดงผลให้ตรงกับสิ่งที่เราสนใจ (รายละเอียดทางเทคนิค)

กูเกิลบอกว่า Chrome จะพัฒนาหน้าจอแสดงรายชื่อหัวข้อของเราในขณะนั้น และสามารถลบทิ้งได้ถ้าต้องการ รวมถึงสามารถปิดการทำงานของ Topics อย่างถาวรได้ด้วย (ผลคือเรายังเห็นโฆษณาบนหน้าเว็บจำนวนเท่าเดิม แต่โฆษณาอาจแม่นยำน้อยลง) แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาว่าจะเริ่มทดสอบกับ Chrome เมื่อไร

กูเกิลยืนยันว่าการเก็บข้อมูลความสนใจที่ตัวเบราว์เซอร์นั้นดีกว่าระบบคุกกี้แบบเดิม เพราะผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้ 100% ในขณะที่ระบบคุกกี้เก็บอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์-แพลตฟอร์มโฆษณา ไม่สามารถทำอะไรกับข้อมูลของตัวเองได้เลย นอกจากนี้ Topics ยังแก้ปัญหาเรื่องการแสดงโฆษณาในเรื่องหัวข้อที่อ่อนไหว เช่น เพศหรือเชื้อชาติ เพราะจะไม่มีหัวข้อเหล่านี้อยู่เลยตั้งแต่แรก

ที่มา - Google

Get latest news from Blognone