หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานถึงพ่อคนหนึ่งใช้ชื่อ Mark ถูกกูเกิลแบนบัญชีทั้งหมดหลังเขาถ่ายรูปอวัยวะเพศลูกชายของเขาเพื่อส่งให้แพทย์ตรวจโรค และระบบอุทธรณ์ของกูเกิลไม่ยอมเปิดบัญชีคืนให้แม้เขาจะส่งหลักฐานว่าการถ่ายภาพของเขาไม่ใช่การกระทำความผิดละเมิดทางเพศเด็กก็ตาม
Mark พบว่าอวัยวะเพศของลูกชายของเขามีอาการบวม จึงถ่ายรูปเอาไว้เพื่อดูว่าเป็นปัญหาจริงหรือไม่ จากนั้นภรรยาของ Mark ติดต่อหมอแล้วแชร์ภาพที่ Mark ถ่ายเอาไว้ไปยัง iPhone ของเธอเพื่อส่งต่อให้แพทย์อีกที หลังจากนั้นแพทย์จ่ายยาปฏิชีวนะและอาการของโรคก็ดีขึ้น แต่ระบบของกูเกิลตรวจว่า Mark อัพโหลดภาพทางเพศของเด็กจึงแบนบัญชีพร้อมกับแจ้งความ
Mark ใช้บริการทั้งอีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ของ Google Fi หลังจากกูเกิลเริ่มแบนบัญชีก็ทำให้เขาเข้าใช้อีเมลไม่ได้ และไม่สามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิมได้พร้อมๆ กัน บัญชีต่างๆ ที่ผูกไว้กับอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์จึงใช้ไม่ได้ไปทั้งหมด ตำรวจซานฟรานซิสโกติดต่อ Mark ภายหลังระบุว่าได้รับข้อมูลบัญชีเขาทั้งหมดจากกูเกิล และพบว่าไม่มีอาชญากรรมอะไรจึงปิดคดีไป แต่ตำรวจระบุว่าไม่สามารถสั่งให้กูเกิลเปิดบัญชีกลับมาให้ได้ Mark พยายามอุทธรณ์อีกรอบด้วยเอกสารจากตำรวจแต่ก็ไม่เป็นผล
รายงานของ The New York Times ยังพบกรณีคล้ายๆ กันในเท็กซัส พ่อคนหนึ่งชื่อ Cassio ถ่ายภาพลูกส่งให้ภรรยาเพื่อส่งต่อให้แพทย์ แต่แบนบัญชีและถูกเรียกไปให้ปากคำกับตำรวจ แม้ตำรวจจะปิดคดีทิ้งแต่ก็ไม่สามารถกู้บัญชีกลับมาได้ นักข่าวของ The New York Times ตรวจสอบภาพที่เป็นประเด็นและระบุว่าเข้าใจได้ว่าทำไมระบบปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลจึงมองว่าเป็นภาพละเมิดเด็ก แต่เรื่องราวแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าระบบไม่ได้มองข้อมูลแวดล้อมอย่างเพียงพอ Claire Lilley หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยเด็กระบุว่าบัญชีของ Mark มีภาพที่ไม่ได้แสดงอาการป่วยด้วย และยังมีวิดีโอเด็กนอนกับหญิงไม่ใส่เสื้อ แต่เนื่องจาก Mark เองเข้าถึงภาพเหล่านั้นไม่ได้แล้วเขาระบุว่าจำไม่ได้ว่าเป็นภาพใด
ที่มา - The New York Times
ภาพโดย PhotoMIX-Company
Comments
“ไม่ใส” น่าจะเกินมานะครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
หนังสือจากนั้น?
ตอนบัญชียูทูบของตาเอก hrk โดนแบน จึงทำให้ผมมั่นใจว่าไม่มีเส้นสาย จะติดต่อกูเกิลยากมาก
มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ จำได้ว่าใน techstop จะทำงานแบบไม่ค่อยให้ความสำคัญใครเป็นพิเศษ ต่อให้ใส่ P0 ไปก็ตามก็จะยังคงทำตามลำดับอยู่ดี ต้องคุยให้ถูกคนส่งเรื่องให้ถูกจุดถึงจะเดินไว
ไม่ให้ความสำคัญ กับติดต่อใครไม่ได้เลยนี่ต่างกันมากนะครับ
ถ้าได้ ticket มาถือไว้รอก็คงทำให้ใจเย็นได้นิดนึง เพราะลูกค้าเสียหาย และติดต่อมนุษย์ไม่ได้อยู่หลายวัน
ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับรายใดเป็นพิเศษจริงๆ กรณีของเอก hrk ควรถูกตีตกเมื่อได้เส้นสายช่วยครับ
แบบนี้ยิ่งย้ำว่าถ้ามีเส้นสายจะกลายเป็นคนพิเศษครับ ซึ่งบ.ใหญ่ๆ จะรู้จักกับเส้นสายเหล่านี้อยู่แล้ว
บริษัทนี้ทำงานเหมือนกินเงินเดือนกรมบัญชีกลางครับ ติดต่อโคตรยากแถมไม่ง้อลูกค้าเลย ถ้าไม่ด่าออกสื่อมีหรือจะทำ
ระบบดีจริงแจ้งความให้เลย จับผู้ก่อนการร้ายให้ได้แบบนี้บ้างก็ดี
ต่อจากนี้คงต้องฟ้องศาลกันไหมเนี่ย กูเกิลดูมีอำนาจมากเกิน
โดนเพราะอัพขึ้น Google Photos เหรอครับ? แสดงว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงรูปเราทั้งหมดในนั้นเลย?
ใช่ครับ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
อันนี้เหตุผลหลักเลยนะครับที่เค้าทำมา 55555
ตอนช่วงที่ดราม่าแอปเปิลแสกนภาพโป๊เด็กในเครื่อง เห็นมีคนบอกว่าปัจจุบันบริการฝากรูปฝากไฟล์บน Cloud เกือบทั้งหมดโดยเฉพาะเจ้าใหญ่ๆเนี่ยจะมีอัลกอริทึมในการแสกนไฟล์พวกนี้อยู่แล้วครับ
เห็นในข่าวบอกว่าเพราะส่งรูปทาง Google Hangouts
ไม่น่าจะใช่ Google photo นะครับ เพราะผมมีภาพแบบนั้นเยอะมาก ยังไม่เคยโดนแบน (มีไว้ทำไม ไม่ขอตอบละกัน)
ดังนั้นเชื่อว่ากรณีตามนี้น่าจะเป็นการ "ส่ง" ครับ
ที่ Google และ apple เคยแจ้งมา
เขาจะ scan ใน google photo ทั้งหมดก็จริงครับ แต่เป็นการ hash โดยเทียบกับฐานข้อมูลการละเมิดเด็กของ server กลาง
ดังนั้นถ้ารูปเราถ่ายเองเก็บเอง ก็ไม่มีปัญหา (เพราะไม่มีรูปเปรียบเทียบให้ hash)
ตรงกันข้าม ถ้าเรา "ส่ง" ออก จะทำให้มีรูปแบบนั้นหลายที่ คราวนี้ hash เจอ ก็จะโดนแบนแถมแจ้งตำรวจเลยครับ
ผมเดาว่าที่โดนเพราะเป็นของเด็กด้วยรึเปล่าครับ ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจจะรอดไปน่าจะไม่ให้ความสำคัญขนาดนี้
คงต้องส่งผ่าน Twitter เพราะพี่แกเคยบอกว่า CP ไม่ผิดกฎแพลตฟอร์ม
แนะนำส่ง telegram
ทำไม kentaonline ถึงมีภาพเปลือยเด็กเก็บไว้เยอะ ไม่บอกเหตุผลสมควรโดนแบนไหม
ผิดกฎการเป็นสมาชิกด้วยเหรอครับ เค้าอาจมีเหตุผลรึเปล่าครับ จริงๆ ข่าวนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วนะครับ
พล็อต Minority Report ชัดๆ
นอกเหนือจากเรื่องภาพแล้ว สื่อให้เห็นถึงความน่ากลัวในการผูกชีวิตดิจิตอลไว้กับบริการที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้จริง ๆ คือผิดพลาดไปไม่สามารถประท้วงได้เลย แล้วบอกได้สั้น ๆ ว่าค่อนข้างเละ ลองคิดดูว่าโดนแบนจาก Google คือซวย แล้วไหนจะบริการบางอย่างที่ใช้ Google log in อีก กู้กลับมานี่วุ่นวายเลย
One drive ถ้าฝากไฟล์ภาพประเภทนี้ ถือว่าผิดร้ายแรง จะโดนแบนทั้งแอคเคาท์แบบไม่ให้อุธรณ์ หรือเข้าไปbackup อีเมล์สำคัญใดๆ อีกเลย
Google กับ ทางโรงพยาบาลน่าจะ ดีลกันนะ
สร้าง Google Drive เฉพาะ ของทางโรงพยาบาลขึ้นมา
จำกัดการเข้าถึงแต่ละโฟลเดอร์ของแต่ละแผนกงานด้วย Log in
แล้วก็มีการจัดการในรูปแบบเฉพาะ จะลบลรูปทุกๆกี่วันก็ว่าไป
เพราะบางครั้งภาพเหล่านี้ก็จำเป็นต้องส่ง ภาพที่ใช้ในโรงพยาบาลมีแต่ล่อแหลมและเป็นส่วนตัวทั้งนั้น
นอกจากกรณีแบบนี้แล้วก็ยังมีกรณีสิทธิ์ของผู้ป่วยอีก
ยิ่งในยุคใหม่ที่กำลังจะเข้าถึงการรักษาทางไกล
การใช้บริการผ่านช่องทางแบบเดียวกับช่องทางปกติมันดูจะสุ่มเสี่ยงเกินไป
และยังอาจจะเกิดกรณีคาบเส้นแบบนี้ขึ้นอีก
อ่านหัวข่าวตอนแรก "ส่งหมอพร้อม" ส่งแอพนี้ทำไมงง
55
ผิด EULA ล่ะมั้งครับแบบนี้
พวกเรียนหมอเด็กกุมขมับ