Tony Blevins รองประธานฝ่ายจัดซื้อของ Apple ถูกไล่ออก หลังเจ้าตัวแสดงคอมเมนท์เชิงลดทอนคุณค่าของผู้หญิงบน TikTok (หน้าที่ของ Blevins หลักๆ คือการการจัดหาและกดราคากับซัพพลายเออร์เพื่อลดต้นทุนของ Apple)
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากช่องของ Daniel Mac ที่จะชอบเดินเข้าไปหาเจ้าของรถหรูๆ แล้วถามว่าทำอาชีพอะไร (Joe Biden ก็เคยโดนถ่าย) ซึง Blevins ก็ถูกถามแล้วเจ้าตัวก็บอกว่า "ผมมีรถหรู เล่นกอล์ฟ และลูบไล้ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ แต่ผมมีหยุดเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนะ อ้อ มีประกันทำฟันที่เอาเรื่องด้วย"
แม้ Blevins จะไม่ได้เปิดเผยตัวตนหรือพูดถึงเกี่ยวกับ Apple แต่หลังจากคลิปนั้นกลายเป็นไวรัล Apple ก็มีการสอบสวนภายใน รวมถึงสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงานของ Apple เนื่องจากคำตอบดังกล่าวสวนทางกับนโยบายของบริษัทที่พยายามส่งเสริมความหลากหลายและสนับสนุนผู้หญิง และคนที่ตัดสินใจให้ Blevins ออกคือ Jeff Williams ซีโอโอของ Apple
ที่มา - Bloomberg
@itsdanielmac Quite the occupation this man has ✍️ #mercedesbenz #supercarstiktok #slr #car ♬ original sound - DANIEL MAC
Comments
เล่น TikTok นอกเวลางานก็ยังโดนไล่ออก?
จากข่าวเข้าใจว่าแกไม่ได้เล่นเอง แต่โดนคนอื่นถ่ายลง Tiktok แล้วเป็น Drama ใช่ไหม
คิดอยู่ว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงและพูดแบบเดียวกันแต่สลับเพศกัน ปฎิกริยาทางสังคมจะเป็นแบบไหน
เล่นปกติก็ไม่โดน แต่มีพูดลดคุค่าสตรีนี่แหละ
รสนิยมชอบนมใหญ่ก็กลายเป็นคนผิดได้
เข้าใจว่าถ้าตีความแบบสุดโต่ง อะไรก็ผิดครับ ผิดได้ทุกอย่างแหละ
การที่คุณไม่เข้าใจว่ามันผิดยังไงก็ยังถูกตีความว่าเป็นพวก ignorant ได้เลย
หืม .. นี่ไม่เข้าใจจริงๆเหรอว่าผิดตรงไหน ?
เอาง่ายๆก่อนในคลิป ดูก็รู้ว่าคุยตลกขำๆกัน ไม่ใข่ประโยคป่าวประกาศ เป็นหลักการการเมืองอะไร
แถมวลีนี้ก็มาจากหนังยุค 1981 Arthur,“I race cars, play tennis and fondle women, but I have weekends off and I am my own boss.”
ผู้หญิงนั่งข้างๆนี้ AHAHAHAHA ทุกประโยคเลย ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คำเชิงลวนลามทางเพศ หรือมีเจตนาดูหมิ่นลดทอนคุณค่าผู้หญิง (ก็ขนาดชียังนั่งฮากลิ้งข้างๆ)
ซวยอย่างเดียว คุยกันขำๆดันลง Social ชิบหายเลยซะงั้นเพราะไม่ใข่ระดับบนสินะ ที American Ass นี้ไม่เห็นโกรธแบบนี้บ้าง แทะโลมกันสนุกปากเลย
ลองคนพูดเป็นอีลอนสิ(อันนี้พฤติกรรมหนักกว่าอีก) มีใครทำอะไรแกได้ไหม
อีกหน่อย ต่อไปใครบอกอยากได้แฟนหน้าตาดี อยากได้แฟนหุ่นดี แล้วโดนโพสลง Social คงจะโดนรุมกระหน่ำ
หาว่าลดทอนคุณค่าผู้หญิงหน้าตาขี้เหร่ เหยียดคนอ้วน บลาๆๆอีกชุดแน่
ที่คุณอธิบายมาทั้งหมด ผมเห็นด้วยนะ
แต่มันไม่ได้ทำให้ความหมายของสิ่งที่เค้าพูดเปลี่ยนไป
ใช่ มันอยู่ที่การตีความ ถ้าพูดล้อเล่นแล้วมันตีความไปในทางที่ไม่ดีได้ ก็ไม่ควรพูดแต่แรกนะ
ชอบนมใหญ่น่ะไม่ผิดหรอกครับ แต่ไม่ต้องพูดก็ได้ แถมนี่ใช้คำว่า "ลูบไล้" ด้วย
เอาจริงๆ ผมว่า มันกำกวม "ชอบนมไม่ผิด" มันก็ไปสู่คำถาม แล้วชอบเพราะอะไร ทีนี้ ปัญหา มันจะไปต่อว่า ชอบดู ก็ผิด ชอบจับก็ผิด ชอบลูบไล้ก็ผิด ยังงั้นเหรอ ?
เพราะไวรัลมันกระทบภาพลักษณ์บริษัท
อันที่แกพูดมาจากประโยคคลาสสิคหนังตลกคอมเมดี้เรื่อง Arthur 1981 ครับ
แต่ก็ตามนั้นครับ แกพูดผิดสถานการณ์ ออกสื่อแบบนั้น ยิ่งแอปเปิ้ลให้คุณค่ากับความหลากหลายกับผู้หญิงด้วย
ซ้ำ
ภาพลักษณ์บริษัท เลยต้องออกแหละ
เสียภาพลักษณ์อันดีของบริษัทหมด
สอบถามด้วยความไม่รู้หน่อยครับ กรณีไล่ออกแบบนี้สามารถทำได้ง่ายๆเลยเหรอครับ? แล้วต้องมีชดเชยอะไรไหมครับ?
ในมุมมองของผม... มันทำให้ Apple เสียภาพลักษณ์ก็จริง แต่ความคิดแบบนั้นมันก็ไม่ได้ผิดอะไร อีกทั้งยังเป็นเวลาส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน และเจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจที่จะเผยแพร่ด้วย เพราะงั้นการจะไล่ออกมันไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ หรือพนักงาน Apple มีสัญญาทำนองว่าต้องรักษาภาพลักษณ์แม้กระทั่งเวลาส่วนตัวด้วยครับ?
ผมว่าสาเหตุจากข่าวอาจจะเป็นสาเหตุเบื้องต้นก็ได้ เห็นว่ามีการสอบสวนต่างๆ แปลว่าเรื่องการโดนไล่ออกอาจจะไม่ได้มีสาเหตุแค่นี้แน่ๆ แต่อาจจะเพื่อภาพลักษณ์และประวัติของอีกฝ่าย ให้ออกข่าวว่าไล่ออกจากสาเหตุนี้พอ
ส่วนเรื่องชดเชยก็เป็นไปตามกฎหมายนั้นแหละ ส่วนเจ้าตัวจะฟ้องอะไรเพิ่มไหม ก็ว่ากันไป เพราะปกติกฎหมายแรงงานมันเข้าข้างลูกจ้างอยู่แล้ว
The Dream hacker..
ก็อาจจะเป็นได้นะครับ เรื่องพวกนี้ปกติแล้วมันมักจะมีเบื้องลึกมากกว่าที่ออกข่าวอยู่แล้ว ภายในอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็ได้ ที่ออกข่าวแค่นี้อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายแต่อาจจะเป็นภาพลักษณ์ของ Apple ด้วยก็เป็นได้
เคสอย่างนี้เขาไม่ได้ตัดสินตามสิทธิหรือตามความถูกต้อง
แต่เขาตัดสินจากบริษัทได้หรือเสียประโยชน์มากกว่า เหมือนเคสอย่าง แอนดี้ รูบิน ที่googleเลือกที่จะปกป้องในตอนแรกๆ
สรุปคือถ้าบริษัทขาดคุณแล้วไม่ส่งผลกระทบอะไรเขาก็เลือกที่จะปลดง่ายกว่าครับ
เลือกการตัดสินใจให้ออกผมเข้าใจและไม่ได้ติดใจอะไรกับการตัดสินใจของ Apple ครับ ผมแค่สงสัยว่ามันเอาออกได้ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ เพราะในความเป็นจริงต่อให้อยากให้ออกยังไงมันก็ต้องว่ากันตามสัญญาและกฎหมายอยู่ดี
ทำได้ครับ อย่างตอนบริษัทอยากลดพนักงาน ก็ให้คนออกได้เลย แต่ก็ต้องชดเชยตามกฏหมายครับ
กฏหมายไม่ได้ห้ามไล่ออก แต่ถ้าจะไล่ออก คุณต้องชดเชยเค้าด้วยยกเว้นกรณีมีความผิด
อย่างพวกบริษัทฝรั่งในไทย บางบริษัทตั้งทีมมาทำงานแข่งกัน พอยุบทีมที่ด้อยกว่า เขาก็ให้ พนง ออกเลยครับ (อาจจะเก็บบางคนไว้)
ทำให้ภาพพจน์บริษัทเสียหาย ก็เป็นการละเมิดสัญญาอย่างนึงครับ (ปรกติจะมีเขียนไว้ว่า ต้องไม่ทำให้นายจ้างเสียหาย)
อย่างพวกไรเดอร์ที่ใส่เสื้อบริษัทแล้ววิ่งย้อนศร (ผมเจอบ่อย) นี่ เอาจริง ๆ ถ้านายจ้างจะเอาเรื่องก็ปลิวได้ง่าย ๆ เลยครับ แต่คือคนไทยเราชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว ตำรวจยังไม่จับเลย บริษัทก็ปิดตาข้างนึง เพราะในแง่นึงมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ในเมื่อใคร ๆ ก็วิ่งย้อนศรกัน
ปรกติของนักต่อรอง ปากหมา ด่าเจ็บ ย้อนแย้งในตัวเอง แต่ก็ไม่อยากจะบอกว่าตกงานไม่นานหรอก เดี๋ยวก็มีคนจ้าง อาชีพนี้ถ้าใครรับนิสัยเสียได้ ก็เป็นตัวทำกำไรให้บริษัทมหาศาล ใครๆ ก็อยากได้ตัวโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่
ถ้าเปลี่ยนคนพูดเป็นผู้หญิง แล้วบอกว่าชอบลูบไล้ หน้าอกผู้ชาย ก็น่าจะไม่มีปัญหา
ตรรกะของสังคมโลกนี้ มันก็จะแปลกๆ หน่อย
ชอบเอาความเท่าเทียมมาอ้าง แต่คนที่อ้างชอบเป็นพวก bias เสียเอง
ส่วนตัวผมมองว่ามันเป็นการ sh เหมือนกัน ผมมองว่าควรจะโดนเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่คุณพูดก็เป็น "ถ้า" ซึ่งจะจริงไม่จริงไม่รู้ คุณก็ตัดสิ้นไปแล้วอาจจะ bias เสียเอง
The Dream hacker..
กรณีพิธีกรหญิงคนที่เป็นมีมรับโอนเงินออกรายการ พิธีกรคนนี้ลูบซิกแพ็คดาราชาย กลายเป็นข่าวใหญ่โดนด่าสาดเสียเทเสีย
ในขณะเดียวกัน เห็นหลายรายการเลยที่ขอให้ดาราชายหลายคนโชว์ซิกแพ็ค ตบซิกแพ็ค กลับมีแต่คนมาโชว์ความหิว
ซึ่งกรณีขอให้ผู้ชายโชว์ซิกแพ็ค กลับกัน ถ้าขอให้ผู้หญิงโชว์ซิกแพ็คก็คงเป็นเรื่องใหญ่
สังคมมันมีหลายมาตรฐาน คงขึ้นอยู่กับว่าคนทำเป็นใครด้วย อย่างกรณีแอปเปิลเองก็ต้องระวังเรื่องนี้ เพราะเป็นองค์กรที่มีคนจ้องจับผิดเยอะ
ผมมองว่าที่เขาพูดเป็น joke ด้วยซ้ำครับ
เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น
แต่สังคมตัดสินให้เขาเป็นแบบที่เขาไม่ได้เป็นจริงๆ
/me โลกนี้อยู่ยากจริงๆ
ประเด็นคือมันออกสื่อไง ถ้าคุยกันในบ้าน หรือในวงเหล้า ไม่มีปัญหาหรอก
ภาพลักษณ์โคตรเปราะบาง
ราคาของ apple จะขึ้นมั้ย ??!!
ความไร้สติของผู้คนบน social network
คิดว่าสักวันคงจะระเบิดด้วยเหตุการณ์อะไรสักอยา่งแน่ ๆ เลย
ทีมเข้ามานั่งอ่านคอมเมนท์
+1
+
บางทีผมก็สงสัยนะว่า ถ้าผมบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจ จะโดนเหมาไปด้วยอีกคนหรือเปล่า (ฮา)
ตำแหน่งงานสูงๆในบริษัทใหญ่ จะพูดอะไรต้องคิดก่อนนะ จะให้สัมภาษณ์แบบสนุกปากไม่ได้
ถามจริงๆ ถ้ามีผู้หญิงที่ระดับงานสูงประมาณนี้บอกชอบผู้ชายมีซิกแพคชอบลูบกล้ามลูบอกผู้ชาย มันจะมีกระแสตอบกลับยังไง ผู้ชายทุกคนก็ไม่ได้ชอบนะ เขาก็เลือกคนที่จะให้ลูบด้วยไม่ได้ให้ลูบได้ทุกคน จะด้วยหน้าที่การงานหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ต้องยอมๆไป เนี่ยเริ่มกลับขั้วชัดๆ
หลังๆรู้สึกการเพิ่มความเท่าเทียมจะเป็นการเพิ่มมาหนักจนเอียงไปอีกฝั่งแล้ว ตอนนี้เอียงมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้สักวันฝั่งเพศชายต้องมีระเบิดมั่งล่ะ แต่น่าจะเกิดใน Gen หลังๆที่จะไม่อดทนแล้ว
ความเท่าเทียม ที่ไม่เท่าเทียม ถ้า ญ ทำแบบเดียวกัน จะมองว่าดูหยอกๆ น่ารักดีหรือป่าว
อาจจะเป็นการหาข้ออ้างที่จะขึ้นราคาสินค้าที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
เจ้าตัวฟ้องศาลอาจจะชนะได้ เพราะพนักงานขาดอิสระภาพที่จะมีภาพลักษณ์ของตัวเอง อะไรก็ต้อง Apple
เห็นบางคอมเม้นต์ก็กำลังตัดสิน Apple ด้วยบรรทัดฐานของตัวเอง เรื่องแบบนี้บางทีมันนำ้ผึ้งหยดเดียว ตัดไฟแต่ต้นลมจะดีกว่า ส่วนเรื่องเอาออกง่ายๆนั้น ปกติมากครับ ผมเคยทำงาน บ อินเตอร์ มีทีมอีกทีมตอนเช้าแจ้งว่าถ้าใครได้อีเมลให้ไปที่ห้องไปถึงมี HR นั่งอยู่พร้อมจดหมาย เปิดอ่านก็คือเลอ๊อฟจ่ายค่าตกใจที่ไม่ใช่ตามกฏหมายสองเดือน รวมกับเดือนนั้นที่ไม่ต้องมาทำงานรวมกับเดือนนั้นที่ไม่ต้องมาทำงานแล้วให้คืนคอมได้เลย
ปล. เพิ่งสังเกตส่วนใหญ่ใน blognone มีแต่ผู้ชาย