แหล่งข่าวของ Reuters ระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังดำเนินโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศโดยใช้เงินมูลค่าราว 1.43 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้หลังจากที่สหรัฐอเมริกามีนโยบายจำกัดการนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามายังจีน
แหล่งข่าวเผยว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการอุดหนุนที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยใช้ระยะเวลาจัดสรรงบประมาณกว่า 5 ปี และจะช่วยเหลือเซมิคอนดักเตอร์ในรูปแบบเงินอุดหนุนและการลดหย่อนภาษี งบประมาณส่วนใหญ่จะใช้ในการอุดหนุนการซื้ออุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ โดยบริษัทต่าง ๆ จะได้รับเงินอุดหนุน 20%
ทั้งบริษัทของรัฐบาลและบริษัทเอกชนจะได้รับเงินอุดหนุนจากแผนการนี้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่อย่าง NAURA, Kingsemi, AMEC
แผนการนี้อาจจะเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ทางฝั่งสหรัฐอเมริกามีความกังวลมากขึ้นถึงความสามารถของจีนในการผลิตชิปเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ ขณะที่ความกดดันจากความขัดแย้งของจีนและสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา: Reuters
Comments
ก็ตามคาด ว่าจีนต้องลงทุนแน่ ถ้าจีนทำได้ เมกาก็จะงานงอกกว่าเดิม แทนที่จะเก็บท่านี้ไว้ใช้ตอนเกิดอะไรสำคัญๆ จริงๆ ถ้าจีนตามทันเรื่องนี้ได้ กลายเป็นเหมือนกดอัลติแต่ฆ่าใครไม่ได้ซักคน ได้แค่ให้อีกผ่ายถอยไปแปปนึง
มันก็ต้องตอนนี้แหล่ะครับ เพราะโครงสร้างพื้ืนฐานทางทหารของอเมริกาในยุคหน้าเขากำลังสร้าง Platform ใหม่ เชื่อมโยงทุกเหล่าทัพด้วย Internet ไร้สายความเร็วสูง ผ่านดาวเทียม อุปกรณ์ทางทหารช่วงนี้ออกมา TOR จะคล้ายกัน คือ เชื่อมกับเครือข่ายใหม่ การควบคุมเป็นดิจิทัล รวมถึงอุปกรณ์จะรองรับการควบคุมอุปกรณ์ Drone ขนาดเล็กแบบต่างๆ เป็นกลุ่มเล็กเพื่อเข้าโจมตีได้ ในระยะ 10 ปีข้างหน้าน่าจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ตอนนี้ก็ทยอยปล่อยต้นแบบมาเรื่อยๆ ทั้ง B-21, V-280, เรือบรรทุกเครื่องบินควบคุมด้วยดิจิทัล, โครงการ FX ทดแทน F22, หมวกสำหรับทหารราบ ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดนี้ต้องใช้่เซมิคอนดักเตอร์ทั้งนั้น ช่วงนี้เป็นช่วงประมูลและพัฒนาต้นแบบ ดังนั้นก็ห้ามส่งออกก็สมเหตุสมผลของเขา เพราะมันเป็นผลประโยชน์ และความมั่นคงของเขาโดยตรง
กำลังคิดว่า จะสร้างหรือออกแบบchipสถาปัตยกรรมใหม่แกะกล่องเลยอาจจะยาก อาจจะไปไล่ซื้อสิทธิบัตรมากกว่า
หรือไปทุ่มพัฒนา open source แบบ RISC-V ก็ยังดูเป็นไปได้ แต่ก็มีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของเองหมด
อันนี้รวมไปถึง wafer fab process ด้วยซึ่งมันก็ไปพร้อมกัน คือติดสิทธิบัตร และโดนแบนจากเมกา
ยกเว้นไม่สนสิทธิบัตรเลยละ copy และพัฒนาต่อเอาดื้อๆ แต่ก็จะกลายเป็นปิดประเทศไปซะอีก
อันนี้จีนทำมาตลอดอยูแล้วนะครับ Copy ดัดแปลงนิดหน่อยแล้วค่อยพัฒนาต่อยอดมาเป็นของตัวเอง(หลบLicense)
เรื่อง License เองถ้าบริษัทต่างชาติเข้าไปเปิดที่จีนกรณีมีการ Copy&Modify ฟ้องศาลจีนชนะยากมากครับตัวอย่างก็ ตี๋น้อยเลย
ฟ้องศาลจีนไม่ได้
แต่ขายนอกจีนไม่ได้แน่ๆครับ และอาจโดนแบนทั้งบริษัท เรื่องสิทธิบัตรโดยเฉพาะระดับต้นน้ำเขาเข้มงวดมากๆ
ผมเลยบอกว่าถ้าจะทำเป็นล่ำเป็นสัน ก็เหมือนปิดประเทศ แต่จริงๆนโยบายzero covid ก็เหมือนทดลองปิดประเทศอยู่นะ ซึ่งผลออกมาไม่ค่อยจะดีเท่าไร
โถ... เพิ่งจะเริ่ม
เพ่... อีกกี่สิบปี กว่าจีนจะตามทันเทคของเมกาในปัจจุบัน แล้วในระหว่างนั้นเมกามันไม่ได้นอนเกาตูดอยู่เฉยๆซะที่ไหน
แต่ที่งานงอกแน่ๆ ตอนนี้ เวลานี้เลย ก็คือจีนนี่แหละ
ประเทศที่คนเก่งหาทางย้ายออกมา กับประเทศที่คนเก่งอยากจะย้ายเข้าไปอยู่
เด็กอนุบาลก็ตอบได้ ว่าความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยีของใครจะสูงกว่ากัน
ยกเว้นก็พวกติ่งจีนนี่แหละ ที่ยังมืดบอด คิดไม่ออก
ปล.ถ้าเมกาจะกดสูตรเร่งน่ะเหรอ แปปเดียว ทุกอย่างเค้าพร้อมอยู่แล้ว ทั้งคน ทั้งองค์ความรู้ ทั้งทรัพยากร ทั้งเงิน
และที่สำคัญคือระบบที่มันเอื้อกับการพัฒนา มันเทียบกันไม่ได้นะจ๊ะ
ผมคิดว่าอเมริกาจำเป็นต้องทำมากกว่า เพราะก่อนหน้านี้อเมริกาใช้อุปกรณ์ Network ของจีนก็เยอะ การปิดกั้นน่าจะเป็นการบังคับทั้งสองฝ่ายให้พึ่งพาตนเอง ซึ่งอเมริกาน่าจะได้เปรียบทั้งสิทธิบัตรและเทคโนโลยีในการผลิตที่ไปไกลกว่าพอสมควร
สำหรับผู้บริโภคอาจจะดีก็ได้นะ มันจะได้มีการแข่งขัน แล้วสักพัก... software ก็จะเลือก chip
ถ้าจีนทำได้เมื่อไหร่เมกาเตรียมหงายการ์ด“chipจีนแอบเก็บมูล”
แอบทำไม ตามกม.จีน รบ.จีนมีสิทธิ์ขอดูข้อมูลทุกอย่างอยู่แล้ว
ไม่ใช่หงายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
Clipper
lewcpe.com, @wasonliw
จีนเงินเยอะทำได้อยู่แล้ว ต่อไปอเมริกาหนาวแน่ จีนทำเองได้หมด ไม่ง้ออเมริกา
เงิน ซื้อปัญญาไม่ได้นะครับ
โดยเฉพาะกับประเทศที่คนมีปัญญาทุกคนพยายามย้ายออกไป
ใช่ มีเงินก็ซื้อแชมป์โลกไม่ได้
จุดตาย ของ ยอดขุนพล คือ ชื่อเสียง ,เงินทอง, สาวงาม
"สหรัฐอเมริกามีนโยบายจำกัดการนำเข้าเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามายังจีน"
มันดูงงๆนะ น่าจะ
"สหรัฐอเมริกามีนโยบายจำกัดการ(ส่ง/นำ)ออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน"
ไหมครับ
รอดู ยาวๆ ของแบบนี้ 5-10 ปีเลย ถึงทำไม่ได้แต่แน่ๆเลยคือ บริษัท Tech น้ำตาตกกันแน่ๆ ลูกค้ารายใหญ่ซื้อของไม่ได้ Intel AMD ARM และอีกมากมาย ประชากรจีน นี่ 1 ใน 8 ของโลก เลย ประชากรโลกมี 7.837 พันล้าน จีนมี 1.412 พันล้าน ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ถ้าพอจะทำอะไรได้ ก็เจ็บแล้วครับ เช่น นิวเครียส ฟิวชั่น Quamtum computer ยิ่ง Quantum Computer เป็นของใหม่ ไม่มีใครทำได้และจีนก็ไม่น้อยหน้าด้านนี้ด้วย 2 อย่างนี้คือสิ่งที่พริกโลกยุคหน้าเลยใครทำได้ จะเป็นมหาอำนาจ โลก
D-Wave, IBM, rigetti: หัวเราะ