iPhone 14 Pro ในตอนเปิดตัวนั้น แอปเปิลบอกว่าอัพเดตชิปเป็น A16 Bionic แต่ในรายละเอียดส่วนของการพัฒนาด้านกราฟิก กลับไม่ได้พูดถึงมากนัก ซึ่งก็มีเบื้องหลังว่าทำไม
มีรายงานจาก The Information อ้างข้อมูลที่ทราบมา ว่าในตอนทีมฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาชิปส่วนจีพียูกราฟิกสำหรับ iPhone 14 Pro นั้น มั่นใจกับการใส่ฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปมาก รวมทั้งฟีเจอร์ Ray Tracing สำหรับการแสดงผลกราฟิกเกม ซึ่งตอนนี้ชิปของสมาร์ทโฟนระดับบนฝั่ง Android เริ่มรองรับบ้างแล้ว
แต่ผลการทดสอบ กลับพบปัญหาคาดไม่ถึงมากมาย ทั้งกินไฟมากกว่าปกติ แบตเตอรี่ลดเร็ว จนถึงปัญหาการระบายความร้อนของเครื่อง
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้แอปเปิลตัดสินใจถอดฟีเจอร์ส่วนจีพียูออกไปทั้งหมด แล้วใช้การออกแบบจีพียูตัวเดิมของ A15 Bionic ใน iPhone 13 ใส่เข้ามาแทน จึงทำให้ไม่มีคุณสมบัติใหม่ที่โดดเด่นส่วนของกราฟิกนั่นเอง
ผลจากความผิดพลาดดังกล่าว ทำให้แอปเปิลต้องปรับโครงสร้างฝ่ายฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะส่วนพัฒนาชิปครั้งใหญ่ และมีทีมงานจำนวนหนึ่งที่เป็นคนสำคัญลาออกจากแอปเปิล
ที่มา: MacRumors
Comments
ว่าแต่ตอนนี้มีมือถืออะไรที่มี hw ray tracing แล้วมั่งหว่า
A15s อ๋ออออ
ไม่ค่อยแน่ใจ
เราต้องการ ray tracing บนมือถือจริงๆรึ? 🤔
ถ้ามันทำได้ก็ดีหว่าไม่มีนะครับ ย่อมาใส่มือถือโดยที่กินพลังงานน้อยลงดูเป็นอะไรที่ท้าทายดีนะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
หรือว่า ที่ช่วงนี้จอเป็นเส้น จอกะพริบ ใน 14 Series เพราะงอนที่ไม่ได้อัพอย่างที่ควรจะเป็นรึเปล่านะ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ปีหน้าดูจะมีอะไรมากขึ้นเนอะ
AKA ไล่ทีมก่อเรื่องออก?
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ปัญหาคือคนไม่พอ คนเก่งขยันลาออก เทคโนโลยีไม่ถึง เคยทำงานนอกบริษัทได้ ช่วงโควิด แต่พอบังคับให้กลับเข้าทำงาน มันได้ใจไง ไม่อยากกลับเข้าไปทำงาน สวัสดิการดีเกินไปสบายเกิน ปัญหานี้แก้ไม่ยาก
ray tracing มันทำอะไรครับ ผมดูรีวิว gpu ตระกูล rtx มาหลายครั้งก็ยังไม่เข้าใจ แยกก่อนหลังแทบไม่ออก ถึงแยกพอได้แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันเจ๋งยังไง
Ray tracing มันคือการ “ตามรอยแสง” ครับ
ปกติแสงสว่างที่เราเห็นกันมันเกิดจากแหล่งกำเนิดแสงตกกระทบลงวัตถุ ซึ่งการทำภาพ 3d ก็เลียนแบบมา แต่ในความเป็นจริง แสงมันตกกระทบแล้วสะท้อนไปกระทบวัตถุอื่นต่อเนื่องหลายครั้ง ซึ่งหากจะคำนวณให้หมดจะใช้พลังประมวลผลสูงมาก
พวกภาพยนตร์ cg ก็ใช้ ray tracing กันมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนคือ “ทำแบบ realtime” (ปกติในหนัง frame นึงจะใช้เวลานาน)
ส่วนแสงเงาสวยๆ ที่ดูคล้าย ray tracing มันอาจจะมีมานานในเกม แต่แสงเงาเหล่านั้น มันจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า light mapping คือ ทีมออกแบบจะออกแบบแสงเงาไว้ล่วงหน้า แล้วใส่เป็นค่าคงที่เข้าไป ไม่ได้คำนวณแสงสดๆ ในภาพนิ่งจะดูเหมือนกัน แต่ภาพเคลื่อนไหว ray tracing จะเห็นว่าแลงเงามันขยับตามตัวละคร หรือการขยับของวัตถุในฉากจริงๆ
ต้องเล่นเองถึงจะเห็นความต่าง เพราะถ้าเล่นเองคุณจะคุมได้ว่าอยากเห็นจุดไหน อย่างไรบ้าง ส่วนรีวิวส่วนใหญ่มันไม่ค่อยมีภาพแบบทับซ้อนกันระหว่างภาพไม่ใช้ ray tracing กับภาพใช้ ray tracing คุณเลยอาจจะไม่เห็นชัดเจนเท่าไร และอีกอย่างเกม AAA ส่วนใหญ่ใช้ระบบแสงเงาแบบเก่าได้ดีพอที่จนทำให้ ray tracing "ไม่จำเป็น" เท่าไรครับ
ปล. ถ้าอยากหาจุดต่างจริงๆ ลองหาเกมที่รองรับ ray tracing และหาฉากในเกมที่มีเงาสะท้อน เช่น พื้นผิวเงาๆ แอ่งน้ำ เป็นต้น ถ้าไม่ใช้ ray tracing เงาสะท้อนจะมีแค่วัตถุที่อยู่ตายตัวในฉากนั้นๆ พวกวัตถุเคลื่อนไหวได้จะไม่ปรากฎในเงา หรือถ้าใช้เทคนิค Screen Space Reflection ถ้าวัตถุมันไม่อยู่ในภาพที่ต้อง render มันก็จะไม่โผล่ในเงาสะท้อน แต่ถ้าใช้ ray tracing เงาสะท้อนที่ได้จะเห็นวัตถุทุกอย่างที่ควรจะเห็น เสมือนกระจกเงาในชีวิตจริงครับ
คนบนๆ น่าจะอธิบายทางเทคนิคไปหมดแล้ว
เรื่องเจ๋งยังไงนี้ส่วนตัวผมมองว่ามันเป็น subjective ครับ ถ้าคุณเป็นคนแคร์เรื่องความสมจริงของแสงในเกมมากๆ เช่น ชอบสังเกตเงาจากลูกตาของตัวละครจะต้องสะท้อนแสงและเงาครบทุก source ทุก object แบบ real-time ในทุกมุมทุกฉาก (ซึ่งบางกรณีก็มีเทคนิคอื่นทดแทนได้) คุณก็อาจจะอินกับเทคนิคพวกนี้
แต่ถ้าสนใจภาพรวมของเกมขอเล่นแบบภาพงามๆ เฟรมเรทไหลลื่นภาพดูสวยสมจริง
การเปิด ray มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
สนใจเกมส์ภาพสวยไหม ถ้าสนใจมันก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าเล่นเพราะ game play เป็นหลัก เล่นบน Switch ก็ยังรู้สึกมัน OK ray tracing ก็แทบจะไม่จำเป็น เอาจริงๆ ถึงมีก็ปิดอยู่ดีเพราะส่วนตัวผมเองจะสนใจเรื่อง fps มากกว่า เกมส์ลื่นมันสนุกกว่าสวยแต่สะดุด แต่ถ้าเงินถึงมีไว้ก็เอาไว้เกมส์พวก Simulation ภาพจะสวยตะลึงมาก
ปัญหาคือผมไม่เห็นว่ามันสวยขึ้นอ่ะสิครับ แล้วก็ไม่ได้มองว่ามันสมจริงขึ้นมากมายด้วย นี่ขนาดดูเดโมของ ue5 หลายตัวที่ว่าเจ๋งๆ แต่ผมมองว่าตอนปิดกับเปิด ray tracing มันแทบไม่ต่างกัน
ผมอาจไม่สามารถเห็นความสวยสมจริงของแสงเงาได้มั้ง รับรู้ได้แค่ลักษณะ และการเคลื่อนไหวของวัตถุ
เพราะว่า
เกมพวกนั้นเค้าต้องพยายามทำให้มันสวยแม้คนเล่นจะไม่มี RT ให้เปิดด้วยครับ
ถ้าจะเห็นชัดหน่อยก็ทางนี้ครับ
เอาตรง ๆ เกมที่ใช้ประโยชน์จาก Ray Tracing จริงจัง มีน้อยนะ ผมก็นึกไม่ออกว่าเกมไหนบ้าง
ผมว่าที่จะเห็นชัด ๆ ก็จะเป็นพวก กระจกเงา พื้นผิวที่ไม่ทึบแสงต่าง ๆ (พวก transparency object ใน rasterization นี่ เป็นตัวปราบเซียนตัวนึงเลย) แล้วก็เงาของวัตถุ ฯลฯ
ปัญหานึงคือ เรามีประสบการณ์การเล่นเกมที่เป็น rasterization มานาน จนเราไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ขาดหายไปในภาพที่วาดขึ้นมามันเป็นข้อมูลสำคัญอะไร แล้วพอไปเห็นภาพที่เป็น RT ก็อาจจะไม่คิดว่า เออมันดีกว่าขนาดนั้น
แต่ในทางกลับกันก็คือ RT ในปัจจุบันผมว่าก็ไม่ได้เอามาใช้เยอะขนาดนั้น ที่แน่ๆ ไม่ใช่ fully-raytraced แน่ ๆ เพราะไอ้ 10 Gigaray นี่ เผลอ ๆ ยิงแป๊บ ๆ หมด คือปรกติเราต้องยิง ray จำนวนนึงจากจุดๆ หนึ่งบนกล้องครับ ถ้ายิง ray เดียว noise มันจะมา (ที่เคยลองก็ 10 ray แหละ) ดังนั้นที่ 1080p เราอาจจะต้องยิง ray มากกว่า 6-8 ล้าน ray ต่อเฟรม (คิดที่ 3-4 ray ต่อ pixel บนจอ)
ผมไม่เคยไปดูฝั่ง hw accelerator เลยไม่รู้ว่า ray นี่มันนับแค่เส้นตรงเส้นเดียว หรือคือพอมันเลี้ยวก็ยังเป็น ray เดิมอยู่ 555
ขอบคุณครับ เห็นภาพชัดขึ้นเยอะเลย
Ray Tracing ใช้หลักการเดียวกับการทำงานของแสงจริงๆ บนโลกจริง เรียกได้ว่า RT คือให้แสงได้ใกล้เคียงกับโลกจริงที่สุด งานหนัง ภาพยนตร์ ต่างๆ จึงเลือกใช้ RT
ส่วนวิธีเก่ามักใช้การคำนวณคร่าวๆ ตรงๆ ไปที่ผิววัตถุนั้นๆ เลยว่าควรมีแสงเงายังไง ซึ่งผลมันอาจจะสวยกว่า RT ก็ได้ แต่มันไม่ได้คำนวณตามหลักการของแสงจริงๆ เป็นการคำนวณเอาจากแหล่งกำเนิดแสง+พื้นผิววัตถุแล้วคำนวณค่าแสงเงาออกมา ไม่ได้คำนวณจากการที่แสงนั้นมีการสะท้อนไปสะท้อนมานับไม่ถ้วนตามโลกความเป็นจริงอย่างการใช้ RT
เอาจริง ๆ ... RT มันเป็นการย้อนแสง ยิงรังสีจากกล้องแล้วย้อนถอยกลับไปหาต้นกำเนิดแสงครับ
ซึ่งมันคือกลับกันกับที่โฟตอนมันถูกยิงออกมาจากแหล่งกำเนิดแสง ดังนั้นจะเรียกว่าใช้หลักการเดียวกันก็คงไม่ใช่
แต่ว่าถ้าให้ยิงจากแหล่งกำเนิดแสง โอกาสที่มันจะไม่เข้ากล้องจะสูงกว่ามาก เรียกว่าเปลืองโดยใช้เหตุครับ
ปล. คำว่ารังสีที่ว่านี่ คือ ผมได้ยินจากคนที่ทำงานด้านนี้โดยตรง เค้าบอกว่า เรย์คือไอ้รังสีที่สอนนิยามกันในคณิตศาสตร์ม.ต้นเลยครับ แต่พอมันอยู่ในคอมพิวเตอร์กราฟิคแล้วมันฟังดูอลังการณ์มาก ผมเลยนึกไม่ถึงไปหลายปี 555