เปิดตัว Clicks เคสโทรศัพท์ที่มีปุ่มคีย์บอร์ดในตัวที่ร่วมออกแบบโดยยูทูบเบอร์ Mr Mobile หรือชื่อจริง Michael Fisher ที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดของโทรศัพท์ BlackBerry จนเกิดเป็นไอเดียให้เขาร่วมพัฒนา Clicks ขึ้นมา โดยตอนนี้วางขายเฉพาะเคสของ iPhone 14 Pro, 15 Pro และ 15 Pro Max ในราคาเริ่มต้นที่ 139 ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 สีได้แก่ สีเหลือง BumbleBee และสีเทา London Sky
แอปเปิลประกาศขยายเวลาทดลองใช้งานฟรี สำหรับ Emergency SOS ฟีเจอร์ขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินผ่านการเชื่อมต่อกับดาวเทียม รองรับพื้นที่ซึ่งอาจไม่มีสัญญาณมือถือ ซึ่งแอปเปิลเปิดให้กับผู้ซื้อ iPhone 14 และ iPhone 14 Pro เมื่อปีที่แล้ว ใช้งานฟรี 2 ปี
โดยสำหรับผู้ซื้อ iPhone 14 และ iPhone 14 Pro ที่เปิดใช้งานก่อน 15 พฤศจิกายน จากเดิมใช้งานได้ 2 ปี (ครบกำหนดปลายปี 2024 สำหรับผู้ซื้อกลุ่มแรก) จะเพิ่มให้อีก 1 ปี เป็นหมดในปี 2025 ทำให้ช่วงครบกำหนดจะเท่ากับผู้ซื้อ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro ที่ได้ใช้งาน 2 ปีเช่นกัน
9to5Mac รายงานจากการรวบรวมความเห็นของผู้ใช้ iPhone 14 Pro พบปัญหาสุขภาพแบตเตอรี่ที่ลดลงเร็ว ซึ่ง iPhone มีตัวรายงานนี้ใน Settings > Battery > Battery Health โดยพบว่าจากการใช้งานไม่ถึง 1 ปี ระดับความจุแบตเตอรี่ลดลงมาอยู่ราว 90% หรือน้อยกว่า
ย้อนอดีตไป แอปเปิลเพิ่มการรายงานข้อมูลสุขภาพแบตเตอรี่มาตั้งแต่ iOS 11.3 จากปัญหา Batterygate ที่ iPhone ทำงานช้าลงเมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพในปี 2017 นำมาสู่การออกแคมเปญเปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคาพิเศษ และเพิ่มตัวเลือกให้ iPhone ทำงานตามปกติไม่หน่วง
กูเกิลออกโฆษณาชุดใหม่ของสมาร์ทโฟน Pixel โดยเปรียบเทียบฟีเจอร์กับ iPhone ตรง ๆ ในธีม #BestPhonesForever ด้วยเนื้อเรื่องโฆษณาที่สมาร์ทโฟนสองเครื่องคือ Pixel 7 Pro กับ iPhone 14 Pro พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่ Pixel มี และ iPhone ไม่มี
โฆษณาที่เนื้อเรื่องน่าจะจัดเต็มที่สุดคือ Plateau ซึ่งบอกว่า iPhone นั้นเป็นตำนาน แต่ก็ยังขาดฟีเจอร์เช่น กล้องซูม 30x, โหมดภาพถ่ายดวงดาว และแบตเตอรีที่อยู่ได้นานกว่า
ชมโฆษณานี้กันก่อน
บริษัทวิจัยตลาด Canalys ให้รายละเอียดเพิ่มเติมที่น่าสนใจของตลาดสมาร์ทโฟนไตรมาส 1/2023 ซึ่งภาพรวมมีจำนวนส่งมอบลดลง 13% และซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1
โดยเมื่อดูเฉพาะสมาร์ทโฟนกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งตามนิยามของ Canalys คือรุ่นที่มีราคามากกว่า 500 ดอลลาร์ ขึ้นไป (ประมาณ 17,000 บาท) พบว่าตลาดของกลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 4.7% ตรงข้ามกับภาพรวมที่ลดลง
อันดับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่ขายดีในไตรมาส 1/2023 แยกตามรุ่น อันดับ 1-4 เป็นของแอปเปิลทั้งหมด ได้แก่ iPhone 14 Pro Max, iPhone 14 Pro, iPhone 14 และ iPhone 13 ตามลำดับ Galaxy S23 Ultra อยู่ในอันดับ 5 โดยมี iPhone 14 ตามมาในลำดับที่ 6
Henan Daily สื่อท้องถิ่นในจีนรายงานว่าผู้บริหาร Foxconn ยืนยันว่าตอนนี้โรงงานในภาพรวม กลับมาที่กำลังการผลิตระดับ 90% ของกำลังการผลิตสูงสุดแล้ว ซึ่งถือว่ากลับมาสู่ภาวะที่ปกติ จากก่อนหน้านี้เกิดปัญหาการระบาดของโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลัง
ข้อมูลระบุว่าโรงงาน Foxconn ที่เจิ้งโจว ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ตัวเลขล่าสุดมีพนักงานประมาณ 2 แสนคน และโรงงานพยายามเร่งกลับมาเดินการผลิต เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอสำหรับเทศกาลตรุษจีน
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าผลจากการต้องปิดโรงงานช่วงปลายปี ทำให้ไม่สามารถผลิต iPhone ได้ตามที่ต้องการสำหรับขายช่วงปลายปีราว 6 ล้านเครื่อง
iPhone 14 Pro ในตอนเปิดตัวนั้น แอปเปิลบอกว่าอัพเดตชิปเป็น A16 Bionic แต่ในรายละเอียดส่วนของการพัฒนาด้านกราฟิก กลับไม่ได้พูดถึงมากนัก ซึ่งก็มีเบื้องหลังว่าทำไม
มีรายงานจาก The Information อ้างข้อมูลที่ทราบมา ว่าในตอนทีมฮาร์ดแวร์ที่พัฒนาชิปส่วนจีพียูกราฟิกสำหรับ iPhone 14 Pro นั้น มั่นใจกับการใส่ฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้าไปมาก รวมทั้งฟีเจอร์ Ray Tracing สำหรับการแสดงผลกราฟิกเกม ซึ่งตอนนี้ชิปของสมาร์ทโฟนระดับบนฝั่ง Android เริ่มรองรับบ้างแล้ว
แหล่งข่าวของ Bloomberg เผยว่าเหตุการณ์ประท้วงของพนักงานในโรงงาน Foxconn ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีนกระทบต่อการผลิต iPhone 14 Pro ทำให้ผลิตได้ลดลง 6 ล้านเครื่อง ทั้งนี้ Apple และ Foxxconn คาดว่าจะผลิต iPhone มาชดเชยจำนวน 6 ล้านเครื่องที่สูญเสียไปได้ในปีหน้า
เหตุการณ์ประท้วงในโรงงานของ Foxconn เกิดขึ้นจากการที่พนักงานที่ถูกกักตัวอยู่ในที่พักของโรงงานกังวลว่าจะติดเชื้อโควิด รวมทั้งการที่ยังไม่ได้รับค่าแรงจากโรงงาน
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีฟีเจอร์เด่นอย่างหนึ่งคือหน้าจอแบบ Always-On ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิด-ปิด ได้ อย่างไรก็ตามการแสดงข้อมูลในกรณีเลือกเปิดใช้งานนั้นอาจจะมากเกินไป จนกลายเป็นฟีเจอร์กินแบตเตอรี่ แอปเปิลเลยอัพเดตแก้ไขปัญหานี้
โดยในอัพเดต iOS 16.2 เบต้า 3 ซึ่งสถานะยังเป็นการทดสอบสำหรับนักพัฒนา พบว่าส่วนการตั้งค่าจอ Always-On นั้น นอกจากเลือกเปิด-ปิดแล้ว ยังสามารถลงรายละเอียดได้ว่าสิ่งที่แสดงในจอ Always-On ให้แสดงภาพพื้นหลัง (Wallpaper) และข้อความเตือน (Notifications) ด้วยหรือไม่ การตั้งค่าดังกล่าวช่วยลดการแสดงผลสิ่งที่ไม่ต้องการได้
แอปเปิลออกแถลงการณ์ชี้แจงนักลงทุน เกี่ยวกับสถานการณ์ซัพพลายเชนของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ระบุว่ามาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด 19 ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน ส่งผลกระทบชั่วคราวต่อการประกอบ iPhone ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวโดยตรง โดยโรงงานต้องดำเนินการภายใต้กำลังการผลิตที่มีอย่างจำกัด
แอปเปิลบอกว่าความต้องการ iPhone ทั้งรุ่น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ยังมีอยู่สูงมาก อย่างไรก็ตามผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ลูกค้า จะต้องรอคอยสินค้าเป็นเวลาที่นานขึ้น ซึ่งบริษัทยังดำเนินงานร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และมีความปลอดภัยกับพนักงานทุกคน
ช่วงนี้ COVID-19 ยังคงแพร่ระบาดในประเทศจีน ทำให้ชาวจีนหลายคนลังเลที่จะออกไปไหนมาไหน และโรงงานหลายแห่งต้องล็อกดาวน์ เพื่อกักบริเวณพนักงานรวมทั้งโรงงานนของ Foxconn ในเมือง Zhengzhou ด้วย แต่ในเมื่องานก็ยังต้องเดิน Foxconn เลยประกาศเพิ่มโบนัสหวังจูงใจไม่ให้พนักงานลาหยุดในช่วงนี้เพื่อจะได้เร่งผลิต iPhone 14 Pro ที่กำลังขายดิบขายดี
รายงานจาก Nikkei Asia ระบุว่าในขณะที่พนักงานบางส่วนกำลังเดินทางออกจากโรงงาน ก็ได้มีการติดประกาศใจความดังนี้
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 16.0.3 ซึ่งแก้ไขบั๊กหลายรายการที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้โดยไปที่ Settings > General และเลือก Software Update
รายละเอียดปัญหาที่แอปเปิลระบุว่าได้แก้ไขในอัตเดตนี้ ได้แก่ ปัญหาการเตือนเมื่อมีสายโทรเข้าหรือ การแจ้งเตือนของแอปดีเลย์ ที่พบใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max, ปัญหาเสียงไมโครโฟนเบา เมื่อต่อ CarPlay ใน iPhone 14 ทุกรุ่น, ปัญหาเปิดกล้องช้า หรือสลับโหมดกล้องช้า พบใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max และปัญหาแอปอีเมลเมื่อได้รับเมลบางประเภท
แอปเปิลยังออกอัพเดต watchOS 9.0.2 ระบบปฏิบัติการของ Apple Watch ด้วยเช่นกัน โดยแก้ปัญหาการสตรีมจาก Spotify, ปัญหาการเตือน และอื่น ๆ
ถัดจาก iPhone 14 ก็ถึงคราวที่ iFixit จะแกะรุ่น Pro บ้างโดยเป็น iPhone 14 Pro Max ซึ่งแม้คะแนนการซ่อมของ iPhone 14 จะดีมากในรอบหลายปี แต่ยังไม่ใช่สำหรับ iPhone 14 Pro Max
โดยรายละเอียดจากการแกะนั้น iFixit บอกว่าโครงสร้างภายในของ iPhone 14 Pro Max ถอดแบบมาจาก iPhone 13 Pro Max ซึ่งรวมทั้งการเปิดตัวเครื่องทำได้จากด้านหน้าจอเท่านั้น ไม่สามารถเปิดจากฝาหลังได้แบบ iPhone 14 จึงยังคงความยากไว้เหมือนเดิม
จากรายงานปัญหาของผู้ใช้ iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ที่พบกล้องภาพสั่นเมื่อเปิดใช้งานผ่านแอปโซเชียลต่าง ๆ ล่าสุดแอปเปิลออกมายอมรับปัญหานี้แล้ว
โดยแอปเปิลบอกว่าปัญหาดังกล่าวไม่ได้มาจากฮาร์ดแวร์ จึงไม่จำเป็นต้องนำโทรศัพท์เข้ารับการซ่อม และจะออกซอฟต์แวร์แก้ไขปัญหานี้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าคือ iOS 16.0.2
แอปเปิลไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จุดแตกต่างที่สำคัญของกล้องหลัง iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max จากรุ่นก่อนหน้าคือชิปกันภาพสั่นรุ่นใหม่ จึงเป็นไปได้ว่าส่วนนี้มีการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเปิดผ่านแอปอื่น
ผู้ใช้ iPhone 14 Pro เปิดเผยผ่าน Reddit และ Twitter ว่าพบปัญหากล้องสั่นขณะเปิดใช้งานกล้องในแอปพลิเคชัน third-party อย่างเช่น Snapchat, TikTok และ Instagram โดยสามารถได้ยินเสียงด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ไม่พบปัญหาการสั่นเมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันกล้องของ iPhone จึงคาดว่าการสั่นเกิดจากปัญหาซอฟต์แวร์ที่แอปพลิเคชันยังไม่ได้อัปเดตมาเพื่อรองรับ iOS 16
แอปอาจต้องปล่อยเวอร์ชันอัปเดตมาเพื่อแก้บั๊กดังกล่าวในภายหลัง
Apple ยืนยันว่าบั๊กของ iOS 16 ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ Wi-Fi ขณะตั้งค่าเพื่อเปิดใช้งานเครื่องใหม่ พร้อมทั้งแนะนำว่าผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ควรกดเลือก “Connect to Mac or to a PC with iTunes” ไปก่อนแล้วค่อยกดย้อนกลับมาหน้าเดิมเพื่อพยายามเชื่อมต่อ Wi-Fi อีกครั้ง
Apple ระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวและไม่จำเป็นต้องส่งเครื่องซ่อม สำหรับผู้ที่จะเปิดใช้งาน iPhone 14 ขณะนี้มี iOS 16.0.1 ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการตั้งค่าเครื่องใหม่ ถ้าหากมีปัญหาเมื่อเปิดใช้งานเครื่องจะต้องอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็น iOS 16.0.1 ผ่าน Mac หรือ PC เพื่อแก้บั๊กก่อน
นอกจากนี้ ผู้ใช้ iPhone 14 ที่ยังไม่ได้อัปเดตเป็น iOS 16.0.1 อาจจะไม่สามารถเปิดใช้งาน iMessage และ FaceTime ได้
แอปเปิลเปิดให้สั่งจอง iPhone 14 ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม ประเทศไทย เมื่อคืนนี้ (9 กันยายน) โดยช่องทางการสั่งซื้อผ่าน Apple Store ออนไลน์ ในอเมริกามีผู้พบปัญหาสั่งซื้อไม่สำเร็จ หรือช้ากว่าปกติทั้งการซื้อผ่านเบราว์เซอร์เว็บ หรือทางแอป Apple Store โดยเริ่มใช้งานได้ตามปกติหลังผ่านไป 30-45 นาที รวมทั้งในประเทศไทย
iPhone 14 จะเริ่มจัดส่งลอตแรกวันที่ 16 กันยายนนี้ ยกเว้น iPhone 14 Plus ที่เริ่มจัดส่ง 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตามสินค้าในหน้าเว็บก็หมดอย่างรวดเร็ว โดยหลายรุ่นขึ้นข้อความว่าจัดส่งสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม เป็นต้นไป หรือต้องรอมากกว่า 1 เดือน
เป็นเรื่องปกติทุกปีที่เราจะเห็นซัมซุง มีแคมเปญโฆษณาเพื่อแซวสินค้าใหม่ของแอปเปิลในแง่มุมต่าง ๆ โดยหลังจากเปิดแล้วไปหนึ่งรอบก่อนงาน iPhone 14 ล่าสุดซัมซุงก็ทวีตต่ออีกชุด บอกว่าเป็นรีแอคชันของเราสำหรับสินค้านวัตกรรมนั้น
โดยทวีตทั้งหมดมาพร้อมกับนาฬิกานับเวลา เพื่อบอกว่าซัมซุงได้ทำสมาร์ทโฟนพร้อมนวัตกรรมใหม่ ๆ มานานแล้วเป็นเวลาเท่าใด ซึ่งแอปเปิลยังไม่มีสินค้าประเภทดังกล่าวออกมา ทั้งสมาร์ทโฟนจอพับตัวเล็ก Galaxy Z Flip, จอพับตัวใหญ่ Galaxy Z Fold ไปจนถึงกล้องหลังสมาร์ทโฟนที่บอกตรง ๆ เลยว่าตอนนี้เราทำได้ 108MP แล้ว ส่วนแอปเปิลยัง 48MP
ทิศทางการผลักดัน eSIM ของแอปเปิลเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดย iPhone 14 ทุกรุ่นที่ขายในอเมริกา จะไม่มีถาดใส่ซิมในเครื่อง การใช้งานทำได้เฉพาะ eSIM เท่านั้น โดยรองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 เลขหมาย
ส่วน iPhone 14 ที่ขายในประเทศอื่นรวมทั้งไทย ยังมีถาดใส่ nano-SIM 1 ช่อง และรองรับการเปิดใช้ eSIM คู่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ iPhone 13 แล้ว
แอปเปิลเริ่มรองรับ eSIM ตั้งแต่ iPhone XS และ XR ในปี 2018 รวมทั้งขยายการใช้งานใน Apple Watch กับ iPad ด้วย ตอนนี้ปัญหาจึงอาจเกิดกับผู้ใช้งานอเมริกา ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วอยากซื้อซิมจากผู้ให้บริการประเทศนั้น ๆ เนื่องจากต้องหาเฉพาะผู้ให้บริการที่รองรับ eSIM
ประเด็นหนึ่งที่พูดถึงกันมานานของการขาย iPhone ในประเทศไทย คือสินค้าเริ่มวางขายช้ากว่าหลายประเทศ ซึ่งแอปเปิลจะเริ่มเปิดจองและส่งมอบสินค้าเป็นกลุ่ม ๆ ประเทศ ไล่ไปเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งบางครั้งไทยก็อยู่ในกลุ่มที่ 3 หรือไกลกว่านั้น แม้ไทยมี Apple Store สองสาขาในประเทศก็ตาม
ตัวอย่างเช่น iPhone 12 ไทยเริ่มขายช้ากว่าอเมริกา 1 เดือน ส่วน iPhone 13 เมื่อปีที่แล้วลดลงมาช้ากว่า 2 สัปดาห์
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ใหม่มาแล้วกับหน้าจอ 6.1 นิ้วและ 6.7 นิ้วตามลำดับ ของใหม่คือรอยบากใหม่ตามข่าวลือ ที่มีขาดเล็กลงทรงเหมือนแคปซูลยา ที่น่าสนใจคือของใหม่อย่าง Dynamic Island ที่มีการแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ ในรูปแบบของแอนิเมชั่น ที่เล่นกับรูปทรงรอยบากมากขึ้น
ของใหม่อีกอย่างคือ Always-On Display ที่แสดง widget และ live activity ให้ตลอดเวลา โดยลดความสว่างและ refresh rate ลง แต่ยังคงสีสันให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาแบต
กรอบเครื่องเป็นสเตนเลสเกรดการแพทย์ ใช้ชิป A16 หน้าจอเพิ่มความสว่างมากขึ้น ในการใช้งานปกติอยู่ที่สูงสุด 1600 nits กลางแจ้งสูงสุด 2000 nits
ข้อมูลนี้มาจาก Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำคนเดิม โดยเขาให้ข้อมูลว่าพื้นที่กล้องของ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก iPhone 13 Pro โดยความกว้างเพิ่มเป็น 36.73 มิลลิเมตร จากเดิม 35.01 มิลลิเมตร และความยาวเป็น 38.21 มิลลิเมตร จากเดิม 36.24 มิลลิเมตร
ส่วนที่หลายคนน่าจะสนใจที่สุดคือความหนาของเลนส์ โดยเพิ่มขึ้นเช่นกันเป็น 4.17 มิลลิเมตร จากเดิม 3.60 มิลลิเมตร ใน iPhone 13 Pro
Kuo บอกว่าเหตุผลหลักที่กล้องหลัง iPhone ใช้พื้นที่มากขึ้น เนื่องจากจะอัพเกรดเป็น 48MP ขนาดเซ็นเซอร์จึงใหญ่ขึ้น ตามด้วยขนาดของเลนส์อีกเช่นกัน