Bobby Kotick ซีอีโอของ Activision Blizzard ให้สัมภาษณ์ถึงดีลขายกิจการให้ไมโครซอฟท์ โดยระบุชัดว่า โซนี่พยายามบ่อนทำลายดีลนี้ (trying to sabotage)
เขาให้ข้อมูลว่าผู้บริหารระดับสูงของโซนี่เลิกคุยกับไมโครซอฟท์ไปแล้ว และตัวเขาเองโทรหา Jim Ryan ซีอีโอของ Sony Interactive Entertainment ก็ไม่รับสายแล้ว เขาบอกว่าโซนี่เชื่อว่า Activision และไมโครซอฟท์จะไม่ทำเกมลง PlayStation อีกต่อไป ซึ่งไม่เป็นความจริง
Kotick ยังวิจารณ์ CMA หน่วยงานกำกับดูแลของอังกฤษ และ FTC ของสหรัฐ ว่าไม่มีความคิดที่เป็นอิสระมากพอ และไม่มองประโยชน์ในภาพใหญ่ของดีลนี้ ซึ่งจะช่วยจ้างงานในอังกฤษเพิ่มอีก 3-4 พันตำแหน่ง แต่เขาชม EU ว่ามีความเข้าใจเศรษฐกิจภาพใหญ่มากกว่า
ตัวแทนของโซนี่ปฏิเสธข้อมูลของ Kotick โดยยังบอกว่าติดต่อกับไมโครซอฟท์อยู่ แต่ไม่ขอให้ความเห็นมากไปกว่านี้
ที่มา - Financial Times
Comments
ต้องเล่นแบบนี้... ไม่ให้ขายก็ไม่ขายก็ได้ แต่ exclusive COD เกมใหม่ให้ xbox/PC 3 ปี แบบไม่มีกำหนดว่ากี่เกม
จะยกเลิกก็ต่อเมื่อ MS ซื้อ เพราะ MS ประกาศไว้แล้วว่าจะไม่ exclusive COD 10 ปี 😈
"ตัวแทนของโซนี่ปฏิเสธข้อมูลของ Kotick โดยยังบอกว่าติดต่อกับไมโครซอฟท์อยู่"
ต่อ license office365 นี่นับเป็น "ติดต่อกับไมโครซอฟท์อยู่" หรือเปล่าอ่ะ
ถ้าจะทำแบบนี้ก็ต้องตอบคำถามผู้ถือหุ้นว่าทำไมไม่ลงเกมให้ PS เพราะว่าถือว่าเป็นการสูญเสียรายได้
การใช้ time exclusive ก็พิสูจน์ด้วยตัวมันเองมาเยอะแล้ว ถ้าเกมดี ลงดีเลย์ในแพลทฟอร์มอื่น มันก็ยังขายดีอยู่ดี มันก็แค่ไม่ได้ยอดพุ่ง(สูงมาก) ณ วันเปิดตัว แต่ก็ได้ยอดในวันที่ขายแพลทฟอร์มอื่นเพิ่ม และถ้าเป็นกระแส ก็ช่วยให้แพลทฟอร์มเดิมขายได้เพิ่มอีกด้วยซ้ำ
ไม่คุ้มกับ Call of Duty แบบในปัจจุบันที่หาเงินจาก Season Pass กับการใช้เงินซื้อของในเกมเป็นหลักครับ ยิ่งคนเล่นเยอะยิ่งชวนกันมาจ่ายให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ
@wittawasw
ที่คุณว่ามา มันก็คือ "ดีสุดก็แค่เสมอตัว" เองครับ ซึ่งผมมองว่ามันไม่มากพอที่จะเป็นเหตุผลให้ตัดสินใจไปเป็น Time Exclusive อยู่ดี (มันก็ยังมีข้อดีอย่างเรื่องการตลาดในวันเปิดตัวอยู่ แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะใช้เป็นเหตุผลครับ)
เอาจริงๆผมว่าไม่เสมอตัวด้วยซ้ำ เพราะที่คุณว่ามาไม่ได้คำนึงถึง "ค่าเสียโอกาส" ด้วย ท้ายที่สุดแล้วยอดขายกับยอดผู้เล่นอาจจะไม่ต่างกันก็จริง แต่การได้ยอดสูงก่อนกับหลังมันย่อมมีคุณค่าต่างกันอยู่แล้ว
และอย่างที่บอกว่านั่นคือ "ดีสุด" ซึ่งไม่ใช่ทุกเกมที่จะเป็นแบบนั้น ในบางกรณีที่ไม่เป็นแบบนั้น ถ้าขายพร้อมกันอาจจะไปได้ดีกว่าก็ได้ เช่น เกม Multiplayer ที่ปล่อย Exclusive จนผู้เล่นร้าง พอเปิดให้แพลทฟอร์มอื่น คนก็ไม่กลับมาแล้ว ถ้าเปิดทุกแพลทฟอร์มตั้งแต่วันแรกอาจจไม่ร้างก็ได้
เมื่อรวมทั้งความเสี่ยงและค่าเสียโอกาสเข้าด้วยกัน ผมมองว่าการยอมไปเป็น Time Exclusive เฉยๆ ยังไงมันก็ไม่คุ้มครับ และเพราะแบบนั้นดีล Time Exclusive ส่วนใหญ่เขาถึงต้องมีการเสนอผลประโยชน์ต่างๆเพื่อเป็นการชดเชยนั่นแหละ
ดังนั้นการยอมไปเป็น Time Exclusive เฉยๆโดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย... ผมไม่คิดว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่จะยอมกันหรอกครับ
COD ลงแค่ XBOX server น่าจะร้างไปเยอะ
สมัยก่อน CoD ก็เซ็นสัญญากับไมโครซอฟท์ทำคอนเทนต์ exclusive บน Xbox 360 (และ Xbox One ในช่วงแรก ๆ) มาก่อนละครับ ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลยนิครับ?
ส่วนถ้าเป็นกรณี pure exclusive ถ้าเกมมันดี แล้วมีฐานผู้เล่นเยอะ จะเปลี่ยนคอนโซลก็ไม่แปลกครับ ก่อนหน้านี้ก็เคยพิสูจน์มาแล้วในหลาย ๆ เกม
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เหมือนฟังความข้างเดียว
ไม่ลงเกมให้ ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่
(เหตุการณ์สมมติ sony ต้อง ยอมรับ deal พิเศษ ของ ms)
เพราะไม่น่ามีอยู่แล้ว ที่จะไม่ขัดขาคู่แข่ง
คิดถึงตอนแจก ie จนเน็ตสเคปเจ๊งเลย
พี่แก้ปัญหานี้ได้ง่ายๆ โดยการไม่ทำเกมส์ลง PS นะครับ
แค่ทำ Exclusive content ลง xbox อย่างเดียวแค่นี้โซนี่ก็ร้องแล้ว ปกติโซนี่จ่ายทำแบบนี้มาตลอดเพื่อชิงตลาด
เกมที่ต้องการผู้เล่นจำนวนมากๆเพื่อความอยู่รอด แล้วยอมEXนี้เหมือนฆ่าตัวตายทางอ้อม Activision ไม่น่าทำอยู่แล้ว แต่ถ้าโดน MS ซื้อไปผมก็ว่าไม่ได้แน่ MSเผาไทเทิลดังๆของตัวเองทิ้งไปก็เยอะ
ผมหมายถึง Exclusive content พวกสกินพิเศษ หรือโหมดพิเศษ อะไรพวกนี้ครับที่ปัจจุบันโซนี่ก็ดีลอะไรพวกนี้กับค่ายต่างๆอยู่
ไม่แปลกใจที่ CEO ออกมาพูดแนวนี้ เพราะถ้ากิจการถูกซื้อ เค้าก็จะได้โบนัส (ก้อนใหญ่มาก) ไปด้วย แต่ถ้าโดนอะไรสักอย่างมาเบรคก็ชวดไป
เผลอ ๆ ดีลนี้คนที่ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินจริง ๆ เยอะสุด ก็ตานี่ล่ะ
รีบโดนซื้อเร็วๆเถอะ ไม่ไหวกับ blizzard ในยุคนี้มากๆ อยากให้ใครซักคนมารื้อข้างในใหม่
sony กับ ผู้ว่า กทม เหมือนกันคือ "ไม่รับสายเบอร์แปลก"