เกิดเหตุรถยนต์ Tesla Model S ขับไปชนรถดับเพลิงที่จอดอยู่บนไฮเวย์ I-680 ในพื้นที่มณฑล Contra Costa County ใกล้กับซานฟรานซิสโก คนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุและต้องตัดรถยนต์ด้านหน้าเพื่อนำศพออกมา ผู้โดยสารอีกคนบาดเจ็บต้องส่งโรงพยาบาล ส่วนพนักงานดับเพลิงบนรถบาดเจ็บเล็กน้อย
เหตุการณ์นี้อาจเป็นแค่อุบัติเหตุทั่วไป แต่ก่อนหน้านี้ กรมทางหลวงของสหรัฐ (NHTSA) ได้สอบสวนอุบัติเหตุรถยนต์ Tesla ชนรถฉุกเฉินบนไฮเวย์หรือที่วิ่งในเลนฉุกเฉินอยู่บ่อยครั้ง (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2021 คือเกิดเหตุชน 12 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 17 คน และเสียชีวิต 1 คน) จึงมีความเป็นไปได้ว่าสาเหตุเกิดจากฟีเจอร์ Autopilot ทำงานไม่ถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ Tesla เพิ่งอัพเดตฟีเจอร์ Full Self-Driving ที่มีข้อบกพร่องเวลาข้ามแยก ตามคำสั่งของกรมทางหลวงสหรัฐเช่นกัน
ที่มา - Notebookcheck
Slow down and move over when approaching emergency vehicles. Truck 1 was struck by a Tesla while blocking I-680 lanes from a previous accident. Driver pronounced dead on-scene; passenger was extricated & transported to hospital. Four firefighters also transported for evaluation. pic.twitter.com/YCGn8We1bK
— Con Fire PIO (@ContraCostaFire) February 18, 2023
Comments
เอ เหมือนจะชนกันตรงทางร่วม รถดับเพลิงกำลังวิ่งเข้าทางร่วม รถ Tesla อาจมาทางตรง เวลากลางคืนด้วย Computer Vision ประมวลผลไม่ทันหรือเปล่าหว่า แต่ก็น่าจะมี Lidar สแกนวัตถุด้านหน้าอยู่แล้วนะ หรือเป็นมุมอับของ sensor พอสแกนเจอก็เบรคไม่ทันแล้ว
ถ้าจะเลียนแบบมนุษย์ตรงเพิ่มการฟังเสียงเข้ามาด้วยละครับ ได้ยินเสียงไซเรนดังมาต้องลดความเร็ว
ผมว่าที่รถฉุกเฉินควรมีคลื่น IoT ไปเลย เพราะหลังจากนี้ รถส่วนใหญ่ก็จะมี AI ช่วยขับอยู่แล้ว
จำได้ว่า Tesla ไม่มี LIDAR นะครับ
เคยใส่ Ultrasonic Sensor ครับ แต่เอาออกไป
Coder | Designer | Thinker | Blogger
USS กับ LIDAR เป็น sensor คนละตัวครับ
USS มันคือ sensor ถอยจอดที่เราชอบเรียกกันอะครับ ทำงานได้แค่ระยะทางสั้นๆ หลักหน่วยเมตรแค่นั้นเลย ส่วน LIDAR นี่ tesla ถอดออกไปนานมากๆ แล้ว
รถดับเพลิงจอดอยู่ครับ ในข่าวและ Tw ก็เขียนไว้ครับ
อนาคตใช้ภาพไม่น่า work หรอก ถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูง ต้องเป็นแบบ radar จะดีรึเปล่านะ แบบพวกเครื่องบินรบ jet ไรงี้
รถ Tesla วิ่งใส่รถในเลนฉุกเฉิน คือ Autopilot คิดว่าเป็นเลนปกติ แต่ก็พุ่งชนรถที่อยู่ในเลนอยู่ดี คือมันต้องผิดปกติละ
ในข่าวบอกปกติรายงานข่าวอุบัติเหตุก็ไม่ระบุยี่ห้อรถกันนี่ ทำไมรอบนี้ถึงระบุ 😅
เพราะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยไหมครับ? ก็เลยต้องบอกว่าเป็นของเจ้าไหน ต่างกับรถทั่ว ๆ ไปที่คนขับต้องรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัทเขาถ้าขับไปชน
ข่าวที่เกี่ยวข้องครับ https://www.blognone.com/node/129004
เพราะจุดประสงค์แต่ละข่าวมันต่างกันไง ถ้าข่าวทั่วไปเขารายงานเพื่อให้รู้ว่ามันมีอุบัติเหตุ แต่ข่าวแบบนี้เขารายงานให้รู้ว่ารถรุ่นนี้มันเกิดอุบัติเหตุ
ผมว่ายังไงก็ต้องใช้ ระบบสามมิติ ในการป้องกันการชน ใช้ภาพอย่างเดียวมองเห็นทางได้ก็จริงแต่ไม่ครอบคลุมพอ
Tesla เค้ามีความเชื่อว่าถ้าคนทำได้รถก็ต้องทำได้
ผมก็สงสัยจุดนี้เหมือนกันว่า เซนเซอร์กล้องมันดีเท่าตามนุษย์แล้วเหรอ คือถ้าตอนกลางคืนโดนแสงสาดมาตรง ๆ หรือขับรถย้อนแสงดวงอาทิตย์ตัวกล้องจะสามารถจับภาพได้อยู่รึเปล่า หรือจุดนี้มันทำได้ดีกว่าตามนุษย์ไปแล้ว
กล้องหนึ่งตัวยังมี Dynamic Range ไม่กว้างเท่าตาเราครับ แต่สามารถปรับ exposure ได้อิสระและไวกว่าตาเรา (ตาเราปรับได้ประมาณหนึ่ง แถมยังต้องใช้เวลาในการปรับอีก อารมณ์แบบที่เราปิดไฟแล้วต้องใช้เวลาถึงจะมองเห็นนั่นแหละ) อีกทั้งยังสามารถมองเห็นแสงที่ตาเรามองไม่เห็นได้ด้วย
นั่นคือกล้องหนึ่งตัวนะครับ ถ้ามีหลายตัวก็สามารถทำ multi-exposure เพื่อใช้การประมวลผลเพื่อให้มี Dynamic Range ที่สูงกว่าตาเราได้ อีกทั้งการติดกล้องหลายตำแหน่งก็ยังสามารถประมวลผลเพื่อสร้างระบบสามมิติได้ด้วย
เพราะงั้นถ้าให้โดยสรุปแล้ว เทคโนโลยีระบบกล้อง (กล้องหลายตัว+ระบบประมวลผลที่แรงพอ) สามารถทำได้ดีกว่าตาคนเราแล้วล่ะครับ (หมายถึงสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าตาคนเรา)
แต่สิ่งที่ยังสู้คนเราไม่ได้คือความสามารถในการตัดสินใจครับ เช่น ตัดสินใจว่าข้อมูลไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น หรือตัดสินใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน คอมพิวเตอร์ยังทำเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอครับ โดยในเรื่องความแม่นยำ ส่วนความเร็วมันก็แหละถ้าระบบประมวลผลแรง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องการใส่ระบบประมวลผลที่แรงพอในรถอีก
อนึ่ง คนเราใช้สองตา และตาสองข้างกับสมองก็ช่วยประมวลผลภาพให้เป็นระบบสามมิติ เพราะงั้นต่อให้อยากจะเลียนแบบคน ก็ต้องใช้หลายกล้องเพื่อสร้างระบบสามมิติตามที่คุณ mk ว่าไว้อยู่ดี
แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่า Tesla ใช้กี่กล้อง และถ้าสมมติเราตาบอดข้างเดียว เรายังจะสามารถขับรถได้ไหม ทั้งในทางปฏิบัติและในทางกฎหมาย (แต่ถึงตาคนเราจะมองเห็นข้างเดียว สมองก็ยังพอที่จะใช้ประสบการณ์ในการคาดเดาระยะห่างได้อยู่ เช่น ขนาดรถที่เห็น หรือจำนวนเส้นบนพื้นถนน อะไรทำนองนี้ ถึงจะไม่เพอร์เฟ็คแต่ก็พอไหว)
ข่าวลือ hardware 4 เห็นว่ากล้องหน้ามี 2 ตัวเป็นตาสองข้างแล้วครับ
แอบสงสัย ถ้าประมวลผลเป็น3dไม่ได้แล้วระบบAutopilotมันจะคำนวณการวิ่งยังไง
ไม่ทราบเหมือนกันครับ ส่วนตัวผมก็คิดว่ายังไงมันก็ต้องประมวลผลเป็น 3D เท่านั้นครับ ไม่งั้นมันก็ไม่น่าจะคำนวณการเร่งหรือเบรกได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น... การประมวลผลเป็น 3D ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องหลายตัวเสมอไปครับ ก็เหมือนคนเราที่แม้หลับตาข้างเดียวหรือมองภาพบนจอ(ที่เป็น 2D) ก็ยังพอจะคาดเดาระยะห่างได้บ้างจากประสบการณ์หรือความเคยชิน กล้องตัวเดียวก็สามารถใช้เทคนิคเดียวกันได้เช่นกัน (คือเอาขนาดวัตถุที่แท้จริงกับขนาดวัตถุที่เห็นมาคำนวณเป็นระยะห่าง) แม้มันอาจจะไม่แม่นเท่าตาสองข้าง/กล้องสองตัวก็ตาม(เพราะขนาดวัตถุที่แท้จริงนั่นเป็นเพียงแค่การคาดเดา) มันก็พอทำได้อยู่ครับ
ส่วนที่ผมบอกว่าต้องใช้กล้องหลายตัวในความเห็นก่อนหน้านั้นหมายถึงในกรณีที่ต้องการที่จะเลียนแบบคนครับ
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า tesla ที่ใช้กล้องตัวเดียวนั้นประมวลผลเป็น 3D หรือไม่ ถ้าไม่.. ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาใช้เทคนิคแบบไหนในการคิดว่าต้องเร่งหรือเบรกแรงแค่ไหน
เอา mmWave Radar กลับมาใส่เหมือนเดิมเถอะนะ อย่างน้อยมันก็ช่วยตรวจจับวัตถุในกรณีทัศนวิสัยแย่ได้ :'(
Edit: เอากลับมาแล้วนี่หน่า ปล่อยไก่เลยเรา 🐔
https://blink-drive.com/index.php/2023/02/16/tesla-hw-40-autopilot-upgrade/
สงสัยว่าถ้าใช้พวก active sensor กันเยอะๆ (RADAR LIDAR หรือ sensor อื่นๆ ที่ปล่อยคลื่นฯ เพื่อตรวจจับวัตถุ) แล้วมันจะกวนกันจนทำให้ระบบสับสนมั้ยครับ
สงสัยเหมือนกัน
ในทางเทคนิคแล้ว มันสามารถรบกวนกันได้ครับ
แต่เข้าใจว่ามันก็มีเทคนิคที่ช่วยไม่ให้มันกวนกันอยู่เช่นกัน ผมไม่มั่นใจนะว่าเขาใช้เทคนิคอะไร แต่เท่าที่ลองอ่านๆดูก็เหมือนจะใช้เทคนิคยิงคลื่นเป็นแพทเทิร์นจังหวะที่แตกต่างกันครับ ก็คือเข้าใจว่าคลื่นพวกนี้มันไม่ได้ยิงด้วยจังหวะนิ่งๆ แต่มันยิงเป็นจังหวะไม่ตายตัวเป็นแพทเทิร์นหนึ่ง ซึ่งเวลารับมันก็รับแค่คลื่นที่มีจังหวะแพทเทิร์นเดียวกันเท่านั้น คลื่นที่มีจังหวะแพทเทิร์นอื่นๆก็เมินไป อะไรทำนองนี้ครับ
มันน่าจะมีเทคนิคมากกว่านี้แหละ ส่วนตัวผมมองว่าคลื่นจากรถคันอื่นไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะเลี่ยงซึ่งกันและกัน ที่น่ากลัวกว่าผมว่าน่าจะเป็นผู้ประสงค์ร้ายที่จงใจยิงคลื่นเพื่อรบกวนมากกว่า ซึ่งต่อให้เป็น passive sensor ก็ไม่รอดอยู่ดี
เพราะงั้นผมคิดว่าอนาคตสุดท้ายยังไงก็ต้องพึ่งพาหลายๆเซนเซอร์ (ไม่ว่าจะเซนเซอร์คนละชนิดหรือชนิดเดียวกันแต่หลายอันก็ตาม) เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากบางเซนเซอร์นั่นแหละครับ
มาตรฐานกลางก็ยังไม่มี ข้ามยี่ห้อกันจะหลีกเลี่ยงการรบกวนกันได้จริงไหมนะครับ 🤔
ตอนนี้มันยังไม่เยอะก็เลยอาจจะยังบอกไม่ได้ว่ามันป้องกันการรบกวนได้ไหม แต่ถ้ามันเริ่มเยอะจนเริ่มรบกวนกัน ยังไงก็ต้องคุยกันและอาจตั้งมาตรฐานอะไรซักอย่างขึ้นมานั่นแหละครับ
ถ้าไม่ยอมคุยกัน มันก็จะส่งผลเสียกับผลิตภัณฑ์ของตัวเองครับ มันต่างจากกรณีอื่นอย่างพวกพอร์ตที่ถึงใช้ไม่เหมือนกันก็ไม่ส่งผลเสียอะไร แต่กรณีนี้ ถ้าไม่ยอมใช้มาตรฐานกลาง มันก็จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่รถตัวเองก็รถคนอื่นครับ เพราะงั้นคิดว่าสุดท้ายแล้วถ้ามันกวนกันจริงๆยังไงก็ต้องคุยกันนั่นแหละ
ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีบริษัทนึงที่คิดวิธีที่มั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางโดนรบกวนแน่นอน และมั่นใจว่าต่อให้รถคันข้างๆโดนรบกวนจนขับผิดพลาดยังไงก็ไม่มีทางที่จะเกิดอุบัติเหตุกับรถตัวเองแน่นอน อะไรแบบนี้ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าบริษัทนี้จะไม่แคร์บริษัทอื่นๆเลยอยู่หรอกครับ
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้ามีรถยี่ห้อหนึ่งที่ทำให้รถข้างๆยี่ห้ออื่นทำงานผิดพลาดกันหมด แม้ว่ารถยี่ห้อนั้นจะใช้อัลกอริทึมที่เทพมากจนหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุใดๆได้ แต่ผมคิดว่ายังไงกระแสสังคมก็จะหันมากดดันยี่ห้อนั้นให้แก้ไขอยู่ดีครับ
โดนส่วนตัวผมเชื่อว่าตราบใดที่ยังมีรถ autopilot ยี่ห้อใดก็ตามเกิดอุบัติเหตุอยู่ ก็ไม่มีทางที่ที่จะผลักดัน autopilot ให้สำเร็จได้หรอกครับ มันก็จะหยุดอยู่แค่ drive assist แค่นั้น ถ้าอยากให้มันเกิดขึ้นได้ก็ต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนผู้ใช้เชื่อมั่นครับ
ปล. ผมวิเคราะห์แบบเดามั่วนะครับ เพราะงั้นผมอาจจะเดาผิดก็ได้ 55+
ยอมรับเถิดครับว่าคนใช้ใช้ไม่เป็นก็เท่านั้น 5555
ข่าวนี้ จ้องจะเล่น Tesla เต็มๆ เลย
ทุกระบบ assist รวมทั้ง AP มันสามารถ Override ได้ตลอดเวลา คนขับทำอะไรอยู่
แต่ไม่มีใครโฆษณาว่ารถมันขับเองได้จริงๆ บอกลูกค้าว่าไอ้ที่มีคนนั่งอยู่นี่จริงๆ เป็นการทำตามกฎหมายเท่านั้น แถมสร้างภาพฝันว่าอีกหน่อย จะปล่อยให้รถวิ่งออกไปรับงานเองเลยยังได้
lewcpe.com, @wasonliw
สรุปว่าในข่าว คนขับนั่งเฉยๆ ตามโฆษณาหรอครับ
ยังไม่รู้ครับ ก็ต้องรอสอบสวน รวมถึงว่าเปิด Autopilot ระหว่างนั้นจริงไหม ก็ต้องรอสอบสวนเช่นกัน
แต่เคสนี้เป็นอีกครั้งหลังมีรายงานมาแล้วหลายรอบจนต้อง recall ถ้ายังรู้สึกว่ามีข่าวแล้วเป็นการโจมตีนี่คิดว่าผิดปกติจากข่าวความปลอดภัยรถยี่ห้ออื่น ที่มีความผิดพลาดได้ มีข่าวที่อาจจะเกิดจากสาเหตุที่เคยมีการรายงานก็เป็นหน้าที่ของบริษัทต้องรีบสอบสวนและตอบข้อสงสงสัย รวมถึงเร่งประชาสัมพันธ์ให้คนไปแก้ปัญหา
lewcpe.com, @wasonliw
ทุกข่าวเอามาจาก กรมทางหลวงสหรัฐ ซึ่งสอบสวนกรณี vehicle crashes with in-road or roadside first responders. และเปิดเผยต่อสาธารณะครับ ชน 14 ครั้งก็ยังไม่ควรเป็นข่าว?
รถทุกรุ่นไม่ได้ถูกใส่ใน report ของ NHTSA ที่ Tesla โดนเพราะมี ADAS และการชน 14 ครั้ง จากจำนวน 8 แสนกว่าคัน นับตั้งแต่ model ปี 2014 -2022 ถือว่าน้อยมาก
ในปี 2022 มีอุบัติเหตุแบบนี้ 50 เคส ไม่เห็นเป็นข่าวเลย
ประเด็นของข่าวคือการสอบสวนว่าเป็นเพราะ ADAS ที่ทำให้คนขับหย่อนสมรรถภาพรึเปล่า จริงอยู่ว่าต่อให้ไม่มี ADAS ก็เกิดอุบัติเหตุได้ แต่จุดมุ่งหมายคือการพุ่งเป้าไปที่การโฆษณาของ Tesla ที่ทำให้คนเข้าใจผิดจนเป็นที่มาของการเกิดอุบัติเหตุครับ
ผมว่าเขายังไม่ถึงขั้นโฆษณานะครับ ตัว CEO เขาอาจะพูดถึงสิ่งที่เขากำลังจะไปเลยพยามอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าของเขาสมบูรณ์พร้อมใช้แล้ว และผมเชื่อว่าก่อนสั่งซื้อก็จะมี Term & Condition อยู่ซึ่งถ้าไม่เทสล่าน่าจะโดนฟ้องร้องจนปิดบริษัทไปแล้ว ถ้าพูดถึงวิสัยทัศน์ไม่ได้ NASA บอกจะไปตั้งอาณานิคมที่ดาวอังคารก็โม้ครับเพราะทำยังไม่สำเร็จ
เป็นความผิดของคนที่ไม่อ่าน t&s สินะครับ
NASAไม่ได้ขายยานอวกาศนะครับไม่มีผู้บริโภคเดือดร้อน และไม่เกี่ยวว่าปลายทางของสิ่งที่ทำมันจะยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้าตอนนี้ยังทำไม่ได้มันก็คืออวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
ส่วนTerm & Conditionก็เหมือนดอกจันข้างกล่องอาหารเสริม ที่Teslaยังไม่โดนอาจเป็นเพราะมันยังคลุมเครือและเป็นเรื่องใหม่ ส่วนตัวผมว่ามันมีคำให้ใช้ตั้งเยอะเช่น Advanced self driving ก็ได้นะทำไมต้อง full ในเมื่อมันยัง full ไม่ได้จริง
เช้านี้ดูข่าวเกิดที่จีนโคตรน่ากลัว รถเร็วมากๆ ชนท้ายรถเมล์ คนขับบาดเจ็บหนัก คนนั่งข้างเสียชีวิต
ถ้ารถดับเพลิงจอดในเลนฉุกเฉิน
เท่ากับว่า FSD ทำงานผิดพลาด 2 อย่างเลย คือ
1) วิ่งเลนฉุกเฉินที่ไม่ควรวิ่ง
2) มองรถดับเพลิงว่าจอดอยู่ไม่ออก จนชนเต็มๆ
ระบบยังไม่ดีพอ
อยากให้ถ้าจะให้ขับอัตโนมัติแล้วจำกัดความเร็วนะครับ เช่น ไม่เกิน 80 กม./ช.ม.
ถึงผิดพลาดก็อันตรายน้อยลง หรือลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้บ้าง
80 กม./ชม. เองก็นับว่าเร็วแล้วครับ ที่จริงมันเป็นลิมิตบนที่เอาไว้แซงกันแล้วนะ ความเร็วระดับนี้
+1