หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ Nostr โปรโตคอลโซเชียลแบบกระจายศูนย์ ที่ Jack Dorsey อดีตซีอีโอทวิตเตอร์ช่วยผลักดัน (แม้มี Bluesky ของตัวเองที่เป็นอีกโปรโตคอล) ไคลเอนต์ Nostr มีได้หลายตัว ที่ดังหน่อยเช่น Damus (iOS), Amethyst (Android) และ Snort (Web)
แต่ไม่ว่าออกแบบดีแค่ไหน การกระจายศูนย์ที่ระดับโปรโตคอลก็ต้องเจอปัญหาเรื่องการแจกจ่ายไคลเอนต์ให้ผู้ใช้อยู่ดี เพราะล่าสุดแอพ Damus เจอปัญหาแอปเปิลไม่ยอมให้ขึ้นเผยแพร่บน App Store เพราะติดขัดเรื่องฟีเจอร์ให้ทิปนักพัฒนาแอพ ที่แอปเปิลบังคับว่าต้องผ่านระบบ in-app purchase และโดนหักส่วนแบ่ง 30%
Damus โต้เถียงว่าฟีเจอร์ให้ทิปเป็นแค่การสนับสนุนกำลังใจให้นักพัฒนาแอพเท่านั้น ไม่ได้เป็นการปลดล็อคฟีเจอร์พรีเมียมแต่อย่างใด
กรณีของ Damus มีคนดังทั้ง Jack Dorsey และ Tim Sweeney แห่ง Epic Games คู่กรณีแต่เก่าก่อนมาช่วยกันเชียร์ แต่ด้วยนโยบาย "คุกกระจกอันสวยงาม" ก็ไม่น่าจะมีใครเถียงแอปเปิลได้อยู่ดี
Looks like we are getting removed from the appstore even after updating our app to make it clear that no digital content is getting unlocked when users are tipped. Users are only ever tipped after posts are made, the idea that content is being sold is nonsense. We will be filing… pic.twitter.com/Su945kE37v
— Damus⚡️ (@damusapp) June 26, 2023
Tips aren’t unlocking content, @Apple https://t.co/4OFHMmI7tm
— jack (@jack) June 26, 2023
Apple must be stopped. https://t.co/DTCcG0LgVp
— Tim Sweeney (@TimSweeneyEpic) June 26, 2023
ที่มา - TechCrunch
Comments
ปักรอคนมาพูดเรื่องค่าแผงในตลาดสดครับ
ก็เหมือนคุณเอาของไปขายที่ตลาดอ่ะครับ แต่คุณไม่ยอมเสียค่าที่ บอกว่ามันเป็นแค่การบริจาค
^^
บริจาคให้ตัวเองรับประโยชน์อีกด้วยนะ การหารายได้เข้าตัวเองมันคือการทำธุรกิจทั้งนั่นล่ะครับผมว่า
แต่ผมว่าอันดับแรกเลยเข้าใจตรงกันก่อนว่าค่าธรรมเนียมกับค่าเช่าที่เป็นคนละอย่างกันทั้งในความหมายและทางปฎิบัติ ไม่งั้นเหมือนคุยกันคนละเรื่อง
+1
ผมแค่กลัวท่านบนรอนานน่ะครับ เลยเปิดให้ครับ เห็นเค้ามารอคนพูดเกี่ยวกับตลาดสด จะสังเกตว่าผมไม่ได้จริงจัง จาก ^^ ข้างล่าง
ส่วนค่าเช่าที่ค่าธรรมเนียมอะไรนั่น มันต่างกันอยู่แล้วครับ แต่ผมว่าคนที่หยิบประเด็นนี้มาพูดน่าจะออกในเชิงอุปมาอุปมัยมากกว่าครับ มันไม่ได้เหมือนกัน 100%
แต่ถ้าถามความเห็นผมจริง ๆ ก็ ผมว่าแอปเปิ้ลถูกนะ ถ้าไม่จ่ายค่าธรรมเนียมก็ต้องเอาออกก็ถูกต้องแล้ว จะมางอแงว่าเก็บแพงไปขอลดหน่อย หรือไม่เก็บได้มั้ย อันนี้ผมว่าฟังไม่ขึ้น คุณมาหาประโยชน์จาก Platform เค้า แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเนี่ยนะ ก็คงต้องทำวิธีอื่นไป ผมว่าแอปเปิ้ลไม่ได้ใจร้ายอะไรนะ จ่ายข้างนอกก็ได้เค้าไม่ได้ว่าอะไร เท่าที่อ่านมาจากในนี้ ถ้าไม่ได้ทำลิ้งหรือโฆษณาในแอปให้จ่ายเงิน เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ
จ่ายข้างนอกก็ได้นี่
จ่ายผ่านอะไรก็โดนหักอยู่ดีอะนะแค่ว่าคนหักจะเป็นใคร อย่าง paypal ก็โดนหักเพราะใช้ระบบของ paypal เขา แค่ว่าน่าจะหักน้อยกว่า 30% แน่ๆ ส่วนของ Apple คือการทำให้ App นั้นๆได้รับความนิยมในตลาด iOS ไปเลยถ้าดีจริง แต่การมาอยู่ในทำเลนี้มันมันก็มีส่วนช่วยให้ App เป็นที่รู้จักและมีคนใช้เยอะด้วยนิครับ
มุมมองผมคือเขาอยากได้เงินแบบเนตๆ เลยต่างหาก
ลืมคิดไปเลย paypal , OnlyFan, patreon เองคงไม่ต่างกัน ปลายทางโดน VISA/Mastercard อีกด้วยอีก คงไม่มีเหมือนคนท้องถื่นกันเองโอนตรงกัน
อันนี้ที่โดนเอาออกจากstoreก็เพราะจ่ายข้างนอก Damus ถ้าจำไม่ผิดจ่ายผ่านbtcเท่านั้นมั้ง ไม่โดนใครหัก%เลย
จ่ายผ่าน BTC เลยดูแอบโหด ดูเป็นแบบแอพเฉพาะกลุ่มเลย ไม่เน้นหาเงิน ผมว่าถ้าเน้นให้คนรู้จักน่าจะกระจายตลาดให้เยอะๆ ก่อนแล้วค่อยมาหาเงินแบบช่องเฉพาะทาง ให้ติดตลาดก่อนนา่จะดีกว่า เดี่ยวคนที่อยากบริจาคเน้นๆ น่าคงไปหาช่องทางกันได้เอง แล้วๆ โอนผ่านคริปโตนี่ คนโอนออกค่า fee เองคนรับได้เต็มๆ จริงต่างกันหน่อยแค่ใครเสียค่าธรรมเนียมส่วนแบ่งให้เท่านั้นเอง
เห็นเอาไปจ่ายข้างนอก ก็มีนะ หรือทำไม่ได้ ต้องทำผ่านอยางเดียว หรือเอาลิงค์โอนตรงมาเข้าแบงค์ก็ได้นะ เห็น สตีมเมออร์ทำกันอยุ่
กลัวแต่จะจ่าย ไม่คิดบ้างว่าได้ขึ้น App Store ก็เหมือนได้โฆษณาไปในตัว นอกจากเช่าพื้นที่ขายของแล้วยังได้โฆษณาด้วย
แหม่ ถ้า Store ของ Windows Phone ยังมีอยู่
พี่ก็ไม่สนใจหรอก ฐานผู้ใช้มันน้อย ต่อให้เก็บ 10% ก็ไม่ยอมทิ้ง Apple Store
แบบนี้พวกแอพ open source ที่เปิดรับ donate คือโดนหักเหมือนกันหมดเลยใช่ป่าวครับ
ขึ้นอยู่ที่เขารับเงินแล้วให้ใครเป็นคนกลาง คนกลางนั่นล่ะครับเก็บค่าธรรมเนียม เมื่อก่อนส่วนมากผมเห็น paypal นะ สำหรับ Apple เอง น่าจะทุกอย่างรวมใน 30% หมดแล้วเรื่องการบริหารจัดการเบื้องหลังทั้งหมด และรวมถึงค่าการตลาด
แบบฟรีจริงน่าจะแบบโอนเงินที่ไม่ใช่ข้ามรัฐข้ามประเทศ เพราะยิ่งข้ามประเทศนี่อย่าหวังว่าจะฟรีแถมใช้เวลานานถ้าเอาค่าบริการแบบถูกสุดแต่ชัวร์สุด wire transfer
คำว่าค่าธรรมเนียมมันคือการเก็บเงินแยกออกมาต่างหากนั่นล่ะ ไม่รู้ว่าคำๆนี้ในกฎหมายมีผลยังไง เพราะอย่าง paypal ที่มีเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้รับจริงๆก็คือค่าบริการนั่นล่ะ เหมือนคำว่าค่าธรรมเนียมอาจจะทำให้การทำบัญชีมันวุ่นวายน้อยกว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่จะบันทึกว่าเป็นค่าบริการตรงๆอ่ะมั้ง แถมปรับขึ้นปรับลงได้ง่ายด้วย (รอคนรู้มาตอบ)
ไม่รวมเงินดิจิตัลซึ่งมันพิเศษหน่อยใช้ได้ทั่วโลกถ้าเขารับอ่ะนะ
เอาง่ายๆแค่โอนเงินที่เราว่าฟรีกันจริงๆมันไม่ฟรีสำหรับระบบ มันมีคนออกแทนให้อยู่ promptpay นี่ตัวอย่างเลยฟรีจนคนคิดว่าโอนเงินหากันมันฟรีแล้วทั้งที่ต้องมีคนกลางที่เขาต้องบริหารจักการขั้นตอนการย้ายเงินจากทีหนึ่งไปอีกที่หนึ่งให้