มีรายงานจาก The New York Times ว่า Meta กำลังพิจารณาออกแพ็คเกจ Subscription สำหรับประเทศกลุ่ม EU เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้งเรื่องการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน และการแสดงผลโฆษณา โดยแพ็คเกจนี้เมื่อผู้ใช้งานจ่ายเงินแพลตฟอร์มของ Meta ทั้ง Facebook, Instagram จะไม่แสดงโฆษณาเลย
ปัจจุบัน Meta เปิดให้ผู้ใช้ใน EU สามารถเลือกปิดการติดตามข้อมูลผู้ใช้งานสำหรับแสดงโฆษณาแบบ Opt-out และเตรียมเปิดการตั้งค่านี้เป็น Opt-in ไปเลย
ที่ผ่านมาไอร์แลนด์ได้สั่งปรับ Meta 1.3 พันล้านดอลลาร์ จากสาเหตุมีการส่งออกข้อมูลผู้ใช้ในประเทศออกไปอเมริกา ผิดเงื่อนไข GDPR ซึ่งส่งผลให้ Meta ระมัดระวังในการให้บริการมากขึ้น
ที่มา: The Verge
Comments
บ้านเรามันต้องทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่เอะอะก็นึกได้แต่บล็อก
ถ้าฟังเนื้อหาข่าวเรื่อง block FB ทั้งหมด จะเห็นได้ว่า DE พยายามจะเรียกตัวแทนของ FB มาหารือเรื่องนี้นะครับ
แต่ FB ไม่เคยสนใจเลย (ไม่รู้ว่าไม่สนใจระดับไหน)
กรณีนี้ผมเห็นใจ DE นะครับ ที่พยายามจะแก้ปัญหาการหลอกลวงในอินเตอร์เน็ต
แต่ข่าวจากเว็บกระทรวง DE โดยตรงกลับบอกว่า "ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงได้คุยกับเฟสบุ๊คตลอดเวลา" นะครับ
https://www.mdes.go.th/news/detail/7229
แต่ไม่ว่าจะได้คุย หรือไม่ได้คุย FB มันก็ไม่สนใจจะแก้ปัญหาจริงๆแหละครับ เอาแค่ร้องเรียนป่านช่องทางที่เตรียมไว้ให้ยังไม่สนใจเลย
ซึ่งกรณีนี้ผมมองว่า DE น่าจะใช้กระแสสังคมให้เก่งกว่านี้
อันนี้มาถึงก็ออกข่าวว่าจะใช้อำนาจ เบ่งมาเลย อันนี้กระแสไม่ชอบแน่นอน
ช่วงที่บอกว่า “คุย” หรือ “พยายามเรียกมาคุย” ก็ออกข่าวใหญ่ๆ แบบนี้แทน
เช่นตั้ง war room โดยมี จนท จาก meta ชื่อ xxxx เป็นตัวแทน และจาก line (อันนี้ก็ตัวดีเลย ผมเคยแจ้ง acc กรมที่ดินปลอมไป วันนี้ก็ยังอยู่) จาก true, ais (เบอร์ที่โทรมาหลอกลวงหลังๆ นี่เบอร์มือถือในประเทศทั้งนั้น เมื่อวานผมเจอเบอร์ 02 ด้วย)
แล้วก็ถ้าไม่มาก็เรียกแบบเล่นใหญ่ สัก 2-3 ครั้ง ก็ค่อยใช้ท่าใหญ่ อะไรก็ว่าไป
คนก็ยังคงด่าแหละ แต่กระแสน่าจะดีกว่านี้
ก็ฝ่ายสนับสนุนรบ.ก่อนเค้าชอบการสื่อสารลักษณะเผด็จการแบบนี้ครับ เค้าชอบได้ยินข่าวที่ทำให้รู้สึกว่ารบ.ที่เค้ารักกล้างัดข้อกับบ.ยักษ์ใหญ่ระดับโลก มันทำให้รู้สึกว่ารบ.ที่เค้ารักนึกอยากบังคับใช้อำนาจตอนไหนก็ได้ มันให้ความรู้สึกเผด็จการดี
ถ้ามีการพูดคุย หรือมีการร้องเรียน หรือสื่อสารจริงๆ (ย้ำว่าถ้ามีจริงๆ อ่ะนะ) ผมเห็นด้วยกับคุณว่าควรสื่อสารให้ประชาชนได้รับรู้เรื่อยๆ ตั้งแต่เบาไปหาหนัก
เรียกแล้วไม่สนใจก็สั่งปรับเลยสิครับสักร้อยล้านเดี๋ยวสนใจเอง ไม่จำเป็นต้องประกาศปิดเฟสบุค
.
ในไทยผมกลับเห็นใจ DE นะ พวกโฆษณาหลอกลวงมิจฉาชีพมันเยอะ คุยเท่าไหร่เฟซบุคมันก็นิ่งไม่ได้สนใจทำไมต้องสน
ในประเทศไทยต้องตามกฎหมายไทย พวกทีวีหรือสื่อต่างๆในไทยจะลงโฆษณายังพอมีจรรยาบรรณอยู่บ้างไม่ลงโฆษณาให้พวกมิจฉาชีพ แต่เฟซบุคจะทำเหมือนว่าประเทศแกก็ช่างหัวแกสิ มิจฉาชีพจ่ายเงินฉันฉะจะลงโฆษณาหลวงลวงพวกแกแกจะทำไรฉันได้ฉันใหญ่ แบบนี้มันไม่ถูกนะครับ งง คนเข้าข้าง
มีกรณีที่ข่าวไฟป่าของแคนนาดา ที่ใครพูดถึงจะถูกปิดกั้นข่าวทันทีไม่ให้แสดงผลเพราะเฟซบุคไม่ได้เงิน นายกแคนนาดาก็ได้แต่ประนาม จะปิดจะแบนไม่ได้เพราะบริษัทใหญ่ทำให้คนติดเฟซบุคถ้าแบนมาโดนคนด่าเดือดแน่นอน
ความเห็นส่วนตัว ไม่ควรแบนเฟซในไทย แต่ควรสั่งปรับบริษัทเฟซบุคประเทศไทย จะมาทำมาหากินที่นี่ต้องมีจรรยาบรรณซักนิดหนึ่งก็ยังดี
facebook คุยกับ European Union ครับ แต่เราเป็นแค่ 1 ประเทศใน SEA ไม่ใช่ ASEAN แล้ว user เราก็โดนหลอกง่ายมาก
คือวิธีการหาเงินเดิมๆ ของ social network มันหายไปแล้วมันก็ต้องหาอะไรมาทดแทนแหละครับ แล้วผมว่าแบบนี้มันก็เหมาะสมดีนะ
คือคิดดู เมื่อก่อนกวาดข้อมูลเราไปขายเท่าไหร่ อยู่ๆ ก็กวาดเท่าเดิมไม่ได้ Apple บล็อคบ้าง คนบ่นบ้าง ฯลฯ