Meta ประกาศเพิ่มบริการแชทบอตปัญญาประดิษฐ์ Meta AI ให้กับผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปแล้วตั้งแต่วันนี้ มีผลในทุกแอปทั้ง Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งช้ากว่าที่อื่นในโลก และนับจากเปิดตัวก็กว่าหนึ่งปี
เหตุผลที่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเพิ่งได้ใช้ Meta เพราะถูกหน่วยงานกำกับดูแลของไอร์แลนด์ดำเนินการสอบสวน เรื่องการนำข้อมูลผู้ใช้งานไปเทรน ตลอดจนประเด็นความเป็นส่วนตัว ทำให้ Meta ประกาศเลื่อนให้บริการออกไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
เว็บข่าวธุรกิจเกาหลี The Bell รายงานว่า LG เตรียมถอยจากธุรกิจ XR หรือการทำแว่นตระกูล VR, AR, MR หลังพบว่าความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ไม่เยอะอย่างที่คาดไว้
ความเคลื่อนไหวของ LG ในธุรกิจ XR รอบล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2024 เมื่อ Mark Zuckerberg เดินทางไปเกาหลีใต้ และมีภาพถ่ายคู่กับผู้บริหารของ LG ออกมา ทั้งสองบริษัทยืนยันว่ามีความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน และเราจะได้เห็นแว่นระดับไฮเอนด์ออกสู่ตลาดในปี 2025
แหล่งข่าวของ The Bell บอกว่า LG ตัดสินใจยุติธุรกิจ XR และหันไปโฟกัสกับธุรกิจอื่น ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ (HVAC) และหุ่นยนต์แทน
Meta ประกาศว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์ภาษาขนาดใหญ่ Llama มีจำนวนการดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 1,000 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากตัวเลขเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเกือบสามเท่า และใช้เวลาประมาณ 2 ปี นับจากเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2023
การเติบโตของ Llama มาจากเหตุผลสำคัญคือเป็นโมเดลแบบโอเพนซอร์สเกือบทั้งหมด มีข้อจำกัดเล็กน้อยคือสามารถใช้งานเชิงพาณิชย์ได้หากไม่ใช่บริการขนาดใหญ่ จึงทำให้ถูกดาวน์โหลดติดตั้ง และนำมาใช้งานแพร่หลาย
Reuters อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง 2 ราย เปิดเผยว่า Meta กำลังทดสอบชิปที่พัฒนาขึ้นเองรุ่นใหม่ เพื่อใช้ฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ของตนเองโดยเฉพาะ เป้าหมายคือลดการพึ่งพาชิปจาก NVIDIA รวมถึงผู้ผลิตชิปรายอื่น
แหล่งข่าวบอกว่าตอนนี้ Meta ทดสอบการใช้ชิปที่พัฒนาเองนี้สำหรับงานบางส่วนแล้ว หากผลทดสอบออกมาดีจะขยายใช้งานวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ Meta มีชิป AI ที่ใช้งานภายในอยู่แล้วบางส่วน โดยรุ่นล่าสุดคือ MTIA Next Gen ซึ่งเน้นสำหรับงาน Inference ส่วนชิปที่รายงานนี้บอกว่าเป็นรุ่นที่ใหม่กว่า และเน้นงานฝึกฝนข้อมูล (Training) เป็นหลัก
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนนี้ ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 บริษัท หรือที่เรียกกันว่าหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent Seven) ต่างปรับลดลงมาก จนทำให้ภาพรวมดัชนี Nasdaq ลดลง 4% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ปิดที่ 17,468.32 จุด
ราคาหุ้น 7 นางฟ้าปรับลดลงดังนี้ NVIDIA ลบ 5%, Alphabet ลบ 4.4%, Meta ลบ 4.4%, Apple ลบ 4.9%, Microsoft ลบ 3.3%, Amazon ลบ 2.4% ส่วน Tesla ลบ 15.4%
นักวิเคราะห์ให้เหตุผลหลักที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมากรวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยี ว่ามาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลสหรัฐทั้งการขึ้นกำแพงภาษี การตัดลบงบประมาณหน่วยงานรัฐ
The Verge รายงานว่า Meta ไล่พนักงานประมาณ 20 คนออกจากบริษัท หลังปล่อยข้อมูลภายในของบริษัทออกสู่สาธารณะ เช่น เปลี่ยนนโยบายการควบคุมเนื้อหา ยกเลิก DEI และปลดพนักงานที่ Performance ต่ำสุด ซึ่งเป็นความลับของบริษัท
Meta พยายามค้นหาว่าใครเป็นคนทำข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อมูลบางส่วนมีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ Meta คาดว่าจะจับพนักงานที่ปล่อยข้อมูลได้เพิ่มขึ้น และจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะนโยบายของบริษัทคือ ห้ามปล่อยข้อมูลภายในของบริษัท ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม
Meta เผยโฉมแว่นตา AR รุ่นต้นแบบ Project Aria Gen 2 อัพเกรดจาก Project Aria รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2020
Project Aria Gen 2 หน้าตาเหมือนแว่นตาติดกล้อง Ray-Ban Meta Glasses ที่วางขายอยู่แล้ว แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้าน AR เข้ามาเพิ่ม หน่วยประมวลผลของแว่นจะอ่านข้อมูลจากกล้องเพื่ออธิบายโลกรอบตัว เช่น รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน แยกแยะวัตถุที่จับ ทำ hand-tracking แล้วให้ข้อมูลกับผู้ใช้งานด้วยเสียงผ่านลำโพงในตัวแว่น
Facebook Messenger อัพเดตไอคอนแอพใหม่ เปลี่ยนจากโทนสีน้ำเงิน-ม่วงที่ใช้มานานหลายปี เปลี่ยนมาเป็นสีน้ำเงินล้วน สไตล์แบนราบ (flat) แทน
Meta ไม่ได้อธิบายสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงไอคอนครั้งนี้ แต่ในหน้าเพจของ Facebook Messenger ก็เปลี่ยนไอคอนเป็นรูปเดียวกันเรียบร้อยแล้ว
CNBC อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า Meta มีแผนออกแอปตัวใหม่สำหรับใช้งาน Meta AI โดยเฉพาะ คาดว่าแอปนี้จะออกมาภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์บริษัทที่ต้องการขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ภายในปีนี้
Meta ออกบริการ Meta AI ที่เป็นแชทบอตมาตั้งแต่ปี 2023 ซึ่งมีความสามารถตามแชทบอต AI ที่คุ้นเคยกันทั้งสนทนาโต้ตอบให้ข้อมูล สร้างรูปภาพตามกำหนด จากนั้นได้เพิ่ม Meta AI เข้ามาในบริการโซเชียลทั้ง Facebook Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งทำให้ Meta AI เข้าถึงผู้ใช้งานที่มีอยู่เป็นพันล้านคนทันที
มีรายงานจาก The Information อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Meta มีแผนก่อสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับการประมวลผล AI เพิ่มเติม วงเงินสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยอยู่ในขั้นตอนหารือกับผู้รับเหมา เพื่อพิจารณาพื้นที่สร้างอาคารศูนย์ข้อมูลซึ่งมีทั้งในรัฐลุยเซียนา, รัฐไวโอมิง และรัฐเท็กซัส
ตัวเลขนี้เป็นข้อมูลแผนงานเบื้องต้นและไม่ได้ระบุว่าเป็นระยะเวลากี่ปีจึงจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ตัวแทนของ Meta ได้ปฏิเสธรายงานนี้ โดยบอกว่าบริษัทเปิดเผยแผนการลงทุนศูนย์ข้อมูลในรายงานประจำปีอยู่แล้ว หากมีอะไรที่นอกเหนือจากนั้นถือเป็นข่าวลือคาดเดาทั้งหมด
Meta ประกาศให้บริการปัญญาประดิษฐ์ Meta AI ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งรวมทั้งประเทศ แอลจีเรีย อียิปต์ อิรัก จอร์แดน ลิเบีย โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย ตูนิเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน ซึ่งบริการ Meta นี้รองรับภาษาอาหรับทั้งบน Facebook และ Instagram
ปัจจุบัน Meta AI ทำงานบนโมเดล Llama 3.2 สามารถใช้งานได้ใน 42 ประเทศทั่วโลก ใน 13 ภาษารวมทั้งประเทศไทย ซึ่งประกาศของ Meta นี้ เป็นการขยายบริการไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอาหรับ ตัวเลขล่าสุด Meta บอกว่า Meta AI มีผู้ใช้งานเป็นประจำมากกว่า 700 ล้านบัญชี
ก็เป็นซะอย่างงี้! ถึงได้สร้างความเกลียดชังกันถ้วนหน้า ล่าสุด บ. เทคยักษ์ใหญ่อย่าง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ให้โบนัสผู้บริหารระดับสูงมากถึง 200% จากฐานเงินเดือน และดันเป็นการให้โบนัสหลังเลย์ออฟพนักงานออกอย่างมหาศาลถึง 3,600 คน
การปลดพนักงานที่มีศักยภาพต่ำกว่าระดับที่ตั้งเกณฑ์ไว้ อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่บ้าง ถ้ามีกระบวนการที่เป็นธรรมและโปร่งใส แต่ Meta ดันปลดคนที่ศักยภาพสูงออกด้วย เพียงแค่ต้องการเอาคนออกให้ได้ตามยอดที่กำหนด และนี่ยังมีข่าวให้โบนัสมหาศาลหลังปลดคนอีก
Meta ยังไม่ยอมแพ้กับโลกเสมือน VR/AR/XR/MR/Metaverse (แล้วแต่จะเรียกชื่อ เอาที่สบายใจ) และตั้งกองทุน 50 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนครีเอเตอร์สร้างเนื้อหาในแพลตฟอร์ม Horizon Worlds ของตัวเอง
กองทุนนี้มีชื่อว่า Meta Horizon Creator Fund จะจ่ายเงินให้ครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมโครงการ Meta Horizon Creator Program โดยเปิดให้เข้ามาประกวดเพื่อชิงรางวัลต่างๆ กัน ธีมแรกของปี 2025 คือให้ชักชวนเพื่อนๆ มาใช้งานแอพมือถือ Horizon ส่วนธีมอื่นๆ จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน (ประเทศไทยยังไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่มี Meta Horizon Creator Program)
Meta เริ่มเปิดโครงการ Community Notes ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือน ม.ค. 2025 ว่าจะนำมาใช้แทนระบบ fact checking แบบเดิม
Community Notes เป็นการเปิดให้ "อาสาสมัคร" (แปลว่าไม่จ่ายเงิน) สมัครเข้ามาช่วย fact checking เนื้อหาในโพสต์ต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ แบบเดียวกับที่ Twitter/X มีมาก่อนนานแล้ว ทิศทางของ Meta ในช่วงหลังชัดเจนว่าไม่ต้องการจ้างพนักงานเอาท์ซอร์สมาเช็คข้อมูลอีกต่อไป แม้ตอนนี้ Community Notes ยังเริ่มใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวก่อน
WhatsApp แพลตฟอร์มแชทของ Meta เป็นบริการล่าสุดที่เข้าเกณฑ์แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ (VLOP - Very Large Online Platform) ของกฎหมายดิจิทัล DSA แห่งสหภาพยุโรป ซึ่งมีข้อกำหนดว่าต้องเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานในภูมิภาคมากกว่า 45 ล้านคน
การเข้าเงื่อนไข VLOP ของกฎหมาย DSA ทำให้ WhatsApp ถูกตรวจสอบและกำกับดูแลจากหน่วยงานมากขึ้น เช่น การเปิดเผยรายละเอียดการดูแลความเป็นส่วนตัวผู้ใช้งาน การกำกับดูแลเนื้อหาและลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในเวลาที่เร็วขึ้น ตลอดจนรายละเอียดการทำโฆษณาแบบเจาะจงผู้ใช้งาน เป็นต้น
ปัจจุบันบริการของ Meta ที่เข้าเงื่อนไข VLOP อยู่แล้วได้แก่ Facebook และ Instagram
Meta ประกาศจัดงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนา ที่โฟกัสเรื่องปัญญาประดิษฐ์สร้างเนื้อหาหรือ Generative AI ชื่องานว่า LlamaCon กำหนดจัดงานในวันที่ 29 เมษายนนี้
เบื้องต้น Meta บอกว่า LlamaCon จะมีการเผยแพร่ความคืบหน้าล่าสุดของการพัฒนา AI แบบโอเพนซอร์สกับนักพัฒนา เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาแอปและผลิตภัณฑ์สำหรับบริษัทและสตาร์ทอัป รายละเอียดเพิ่มเติมจะเผยแพร่ต่อในภายหลัง
หัวข้อสำคัญที่คาดว่า Meta จะเก็บไว้เปิดตัวในงาน LlamaCon นี้ ก็คือโมเดลรุ่นล่าสุด Llama 4 ซึ่งมีข่าวมาระยะหนึ่งแล้วว่าน่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีนี้
สุดท้าย Meta บอกว่าหัวข้อเกี่ยวกับ Metaverse ยังไม่ได้หายไปไหน เพราะงานสัมมนา Meta Connect ยังคงกำหนดจัดงานในวันที่ 17-18 กันยายนนี้
ที่ผ่านมา Meta ไม่เคยเปิดเผยยอดขายแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Glasses อย่างเป็นทางการ มีเพียงข้อมูลจากการประชุมพนักงานที่ซีอีโอ Mark Zuckerberg บอกว่าปี 2024 ขายได้มากกว่า 1 ล้านอัน
อย่างไรก็ตามตัวเลขที่น่าจะใกล้เคียงของจริงมากขึ้นมาจาก EssilorLuxottica บริษัทผู้ผลิตแว่นตาหลายแบรนด์ รวมทั้ง Ray-Ban Meta Glasses โดยซีอีโอ Francesco Milleri เปิดเผยในช่วงแถลงผลประกอบการบริษัทประจำไตรมาสว่า Ray-Ban Meta Glasses เป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จสูง ถึงตอนนี้ขายไปได้แล้วมากกว่า 2 ล้านอัน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2023
Meta ประกาศโครงการสร้างเครือข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำในชื่อ Project Waterworth ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ โครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำนี้จะเชื่อมต่อ 5 ทวีป ด้วยความยาวรวมมากกว่า 50,000 กิโลเมตร ซึ่ง Meta บอกว่ายาวกว่าเส้นรอบวงของโลกเสียอีก โดยเป็นโครงการเคเบิ้ลใต้น้ำที่มีความยาวมากที่สุด รองรับปริมาณการใช้งานสูงสุดที่เคยมีมา
Project Waterworth จะเชื่อมต่อพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญของโลกทั้ง สหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ และพื้นที่สำคัญทั่วโลก ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและขยายโครงสร้างพื้นฐานรองรับในแต่ละภูมิภาค
รายงานนี้มาจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg คนเดิมแต่ไม่เกี่ยวกับแอปเปิล โดยเขาบอกว่า Meta ได้ตั้งแผนกใหม่ภายใต้กลุ่มฮาร์ดแวร์ของ Reality Labs เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์หรือ Humanoid โดยช่วงแรกจะโฟกัสรองรับการทำงานพื้นฐานภายในบ้านก่อน เพราะมองว่าจะทำให้ตลาดมีความสนใจในวงกว้าง และเห็นรูปแบบการใช้ประโยชน์
แหล่งข่าวของ Gurman บอกว่า Meta ได้หารือเรื่องนี้กับบริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์หลายรายเช่น Unitree Robotics หรือ Figure AI จึงยังไม่ชัดเจนว่า Meta จะผลิตหุ่นยนต์นี้ออกมาภายใต้แบรนด์ตนเองหรือไม่
Firaxis และ Meta ประกาศข่าวการออกเกม Sid Meier’s Civilization VII - VR เป็นเอ็กซคลูซีฟสำหรับแว่น Meta Quest 3 และ 3S ให้เราสามารถสร้างอาณาจักรได้เหมือนกับวางอยู่บนโต๊ะจริงๆ
เกม Civ 7 เวอร์ชัน VR นำแผนที่ของเกมวางลงไปบนโต๊ะเสมือนที่เรียกว่า Command Table เหมือนกับการเล่นเกมสร้างเมืองจำลอง และเราจะเห็นผู้นำชาติอื่นๆ ยืนเล่นเกมกับเรา สนทนากันเหมือนเล่นเกมกับมนุษย์ด้วยกัน
เกมเวอร์ชัน VR พัฒนาโดย PlaySide Studios ที่เชี่ยวชาญเกม VR และเคยช่วยงานพัฒนาโลกเสมือน Horizon Worlds ให้ Meta มาแล้ว เกมมีกำหนดออกคร่าวๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2025
Mark Zuckerberg ในฐานะแฟนตัวยงของซีรีส์ Civilization ยังโพสต์ถึงเกมเวอร์ชัน VR เป็นพิเศษให้ด้วย
Meta เขียนบล็อกถึงความยากลำบากในการจัดการ "อธิกวินาที" (leap second) กระบวนการเติมวินาทีเข้าไปในวันที่มีมาตั้งแต่ปี 1972 เพื่อปรับให้เวลา UTC มีเวลาตรงกับการหมุนของโลก พร้อมกับสนับสนุนให้ไปใช้เขตเวลา TAI (temps atomique international เป็นภาษาฝรั่งเศสของ International Atomic Time) ที่ไม่มี leap second มาตั้งแต่ปี 2017
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า Meta กำลังพิจารณาย้ายรัฐที่จดทะเบียนสำนักงานใหญ่บริษัทจากปัจจุบันอยู่ที่รัฐเดลาแวร์ ไปที่รัฐเท็กซัสแทน โดยไม่ได้ย้ายตัวอาคารสำนักงานตามไป
หากเป็นการเปลี่ยนแปลงตามนี้จริง Meta จะย้ายที่ตั้งสำนักงานคล้ายกับที่กลุ่มบริษัทของ Elon Musk ทำก่อนหน้านี้ ทั้ง Tesla ที่ย้ายจากเดลาแวร์ไปเท็กซัส เนื่องจากมีประเด็นการปฏิเสธจ่ายผลตอบแทนจำนวน 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์กับ Musk รวมทั้ง X และ SpaceX ที่ย้ายไปเท็กซัสเช่นกัน
Meta จัดการประชุมพนักงาน All-hand เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งมีบันทึกการประชุมหลุดออกมาถึงสื่อ ทำให้เห็นทิศทางของ Meta ที่สื่อสารกับพนักงานปีนี้ว่าบริษัทต้องการโฟกัสกับ AI แบบจริงจังมาก ๆ
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta บอกว่าขอให้พนักงานทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม เพราะปีนี้บริษัทจะมีแนวทางบริหารที่เข้มข้นมาก เขาเชื่อว่าปีนี้จะมีคนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก ที่ใช้งานผู้ช่วยดิจิทัลอัจฉริยะทำงานบน AI ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีบทบาทมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ใครที่ชนะในเกมนี้จะกลายเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งสร้างผลประโยชน์ในระยะยาว เขาเองก็เห็นประโยชน์ของ AI ที่เข้ามาแทนที่และช่วยการทำงานในบริษัทด้วย
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta เปิดเผยข้อมูลในช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดว่า Threads บริการโซเชียลเน้นตัวหนังสือที่แข่งกับ X และ Bluesky มีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) 320 ล้านบัญชีแล้ว เพิ่มจาก 300 ล้านบัญชีที่ให้ข้อมูลเมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมบอกว่ามี 275 ล้านบัญชี
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า Threads ยังคงรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ต่อเนื่อง ซึ่ง Zuckerberg ก็บอกอัตราว่ามีบัญชีสมัครใช้งานใหม่มากกว่า 1 ล้านบัญชีต่อวัน
Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทโดยเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนเป็น 48,385 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 20,838 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแอปเพิ่มขึ้น 5% เป็น 3.35 พันล้านคน มีจำนวนการมองเห็นโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% และราคาเฉลี่ยต่อโฆษณาเพิ่มขึ้น 14%
กลุ่มธุรกิจ Reality Labs ที่ดูแลโครงการ Metaverse ซึ่งเพิ่งมีข่าวว่ารายได้เติบโตตามเป้าหมายในปีที่ผ่านมา เฉพาะไตรมาสที่ 4 รายได้ 1,083 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% และขาดทุนมากขึ้นเป็น 4,967 ล้านดอลลาร์