Tags:
Topics: 
Node Thumbnail

กรรมาธิการยุโรปประกาศ 6 บริษัทที่เข้าข่ายสถานะ gatekeeper ได้แก่ Alphabet, Amazon, Apple, ByteDance, Meta, และ Microsoft โดยหลังจากนี้ทั้ง 6 บริษัทมีเวลา 6 เดือนปรับการทำธุรกิจให้เป็นเป็นตามข้อบังคับที่เพิ่มขึ้น

สถานะ gatekeeper ตามกฎหมาย Digital Markets Act ระบุให้เป็นบริษัทขนาดใหญ่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม, มีผู้ใช้เป็นคนหรือธุรกิจจำนวนมาก, และมีความสามารถในการป้องกันสถานะตัวเองได้อย่างแข็งแกร่ง บริษัทที่ถูกจัดเข้าหมวดจะถูกบังคับให้เปิดแพลตฟอร์มให้บริการอื่นเข้ามาแข่งขันได้ และต้องไม่สร้างความได้เปรียบบริการของตัวเองเหนือบริการของผู้ให้บริการภายนอก เช่นการบังคับติดตั้งแอปบางตัวโดยไม่ให้ถอนออก

ทั้งหกบริษัทถูกจัดเป็นสถานะ gatekeeper ในตลาดหลายอย่าง ได้แก่ สื่อสังคมออนไลน์, แชต, ตัวกลาง/แพลตฟอร์มต่างๆ, โฆษณา, เบราว์เซอร์, ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์, บริการค้นหา

ก่อนหน้านี้ Apple และ Microsoft ยื่นหนังสือโต้แย้งว่าบริการ iMessage, Bing, และ Microsoft Advertising นั้นไม่เข้าข่าย ประกาศครั้งนี้จึงยังเว้นทั้งสองบริการไว้ระหว่างการสอบสวน

ที่มา - Europa.eu

No Description

Get latest news from Blognone

Comments

By: Tasksenger on 6 September 2023 - 20:07 #1293228

สงสัยเริ่มกลัวเอกชนมีอำนาจเหนือรัฐ ดีแล้วถ้าปล่อยให้ควบคุมไม่ได้ มันจะกลายเป็นการสร้างอาณานิคมในรูปแบบ อาณานิคมของเอกชนโดยมีประเทศต้นทางหนุนหลัง ทำให้เกิดอำนาจต่อรองกับรัฐโดยใช้ประชาชนที่อยู่ระบบเป็นแรงขับเคลื่อน ทำให้เกิดภาวะกีดกันทางการค้าแบบกลายๆ

คนเราพอมันสะดวกสบายแล้วให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมันก็ลำบาก ทำให้เอกชนพวกนี้เวลามีปัญหากับรัฐทั้งเรื่องภาษี การแข่งขัน หรืออื่นๆ ก็จะบีบให้ผู้ใช้ในระบบที่เป็นประชากรในประเทศที่เกิดปัญหา สร้างแรงกดดันไปที่รัฐอีกที

By: iqsk131 on 7 September 2023 - 11:34 #1293295 Reply to:1293228

จริงๆกฎหมายพวกต่อต้านการผูกขาดหรืออะไรพวกนี้ หลักๆก็เพื่อผลประโยชน์ของรัฐนั่นแหละครับ (ก็คือรักษาอำนาจของรัฐไม่ให้เอกชนมีอำนาจเหนือรัฐจากการผูกขาด แม้จะเป็นเอกชนจากประเทศเดียวกันก็ตาม) ส่วนเรื่องผู้บริโภคเป็นผลพลอยได้ซะมากกว่า

ยิ่งหลังๆมานี่ก็เริ่มมีประเด็นเรื่องเอกชนขู่รัฐเกิดขึ้นด้วย ก็คงต้องจริงจังกันหน่อยแหละครับ

ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนถึงขั้นที่เวลารัฐจะออกหรือบังคับใช้กฎหมายอะไรก็ต้องเกรงใจเอกชนรายใหญ่ไว้ก่อนเสมอมันก็ยากที่จะแก้แล้วล่ะครับ (ไม่รู้เหมือนกันว่าประเทศเราถึงขั้นนั้นแล้วรึยัง)

By: lawson on 6 September 2023 - 20:26 #1293229

ไทยควรมีกฎหมายแบบนี้

By: jakapong
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 6 September 2023 - 21:50 #1293237 Reply to:1293229

แค่จะฟ้องปิดเฟส ยังมีคนมาแอนตี้เพียบเลยครับ แต่ถ้าพรรคที่ตัวเองชอบเป็นคนทำคงบอกว่าเยี่ยม ทำไมพรรคอื่น ไม่มีความคิดที่จะทำแบบนี้กันนะ พรรคเรานี่วิสัยทัสน์เยี่ยมยอดจริงๆ

By: zyzzyva
Blackberry
on 6 September 2023 - 22:13 #1293244 Reply to:1293237

ก็การปิดเฟสมันไม่ใช่บทลงโทษที่ประเทศที่เจริญแล้วเขาทำกันนะครับ ลองดูในข่าวนี้ก็ได้ว่าบทลงโทษของอียูเป็นอย่างไร

In case a gatekeeper does not comply with the obligations laid down by the DMA, the Commission can impose fines up to 10% of the company's total worldwide turnover, which can go up to 20% in case of repeated infringement. In case of systematic infringements, the Commission is also empowered to adopt additional remedies such as obliging a gatekeeper to sell a business or parts of it or banning the gatekeeper from acquisitions of additional services related to the systemic non-compliance.

By: Hoo
AndroidWindows
on 7 September 2023 - 20:26 #1293354 Reply to:1293229

เข้าใจว่ามี แต่มีปัญหาคนบังคับใช้กฎ คิด/รู้ไม่ทัน
อย่าง เน็ตมือถือขายพ่วงเน็ตบ้าน จริงควรโดนสอย แต่ไม่ทำ
จนในที่สุด บ.มือถือเพียวๆ/บ.เน็ตบ้านอย่างเดียว อยู่ไม่ได้
ก็โดนซื้อ/ควบรวมไป
มีแค่เจ้าที่ขยายมาทำเน็ตบ้านที่รอดมาได้

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 6 September 2023 - 21:06 #1293231
mr_tawan's picture

ไม่มี X Elon งอนละ


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: zyzzyva
Blackberry
on 6 September 2023 - 21:14 #1293234

น่าจะใช้คำว่าอียูเหมาะสมกว่ายุโรปครับ ยิ่งตอนนี้อังกฤษไม่ได้เป็นส่วนนึงของอียูอีกต่อไป

ส่วนทั้ง 6 บริษัทนี่ Alphabet/Amazon/Apple/Microsoft พวกนี้หลักล้านล้านยูโร ต้องคุมเข้มถูกแล้ว ส่วน Meta มูลค่าไม่ถึงล้านล้าน แต่พฤติกรรมหมิ่นเหม่ว่าจะผูกขาด ก็ต้องคุมความประพฤติด้วย แต่แปลกใจที่ ByteDance ติดด้วย คือมันก็เป็นบริษัทที่เจาะไปที่ตลาดวิดีโอสั้น ต่อให้ผูกขาดก็จริง แต่ตลาดมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนััน น่าจะมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องไหม (ว่าเป็นของจีน?)

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 6 September 2023 - 22:04 #1293241
Be1con's picture

iMessages สมควรเข้าเกณฑ์ด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ตัว Services ทำตัวเป็น gatekeeper อยู่ ใช้ได้เฉพาะ ecosystem ของแอปเปิลเท่านั้น

ส่วน Bing และ Edge ถ้าไมโครซอฟท์ไม่ยัดเยียดสุดแรง ผมว่าไม่เข้าข่าย แต่ทุกวันนี้มันเป็นแบบนั้นก็สมควรโดนอยู่ โดยเฉพาะบน Windows


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: osmiumwo1f
ContributorWindows PhoneWindows
on 7 September 2023 - 09:39 #1293274 Reply to:1293241
osmiumwo1f's picture

ประเทศที่นิยมใช้ iMessage ส่งข้อความนี่มีแค่สหรัฐฯ เท่านั้น (เพราะเดิมทีนิยม SMS แล้ว iMessage มันเข้ามาทดแทนจนแทนที่) นอกนั้นใช้ช่องทางอื่นหมด ส่วนใน EU นั้นไม่นิยมใช้ iMessage ครับ

By: qweret
AndroidWindowsIn Love
on 7 September 2023 - 00:58 #1293257
qweret's picture

นึกภาพไม่ออกเลยถ้าไม่มีอียูมานำเรื่องการออกกฏหมายแบบนี้ โลกจะเป็นยังไง

By: sMaliHug on 7 September 2023 - 06:30 #1293258

บริษัทของ US ทั้งนั้น
แต่ต้องมาปวดหัวกับกฏหมายของประเทศอื่น

By: itpcc
ContributoriPhoneRed HatUbuntu
on 7 September 2023 - 10:23 #1293283 Reply to:1293258
itpcc's picture

เอาเงินเขามาก็ต้องทำตามกฎเขาแหละครับ ไม่งั้นก็โดนแบบ GDPR กันไป


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: nac on 7 September 2023 - 12:24 #1293304 Reply to:1293258
nac's picture

ทำธุรกิจประเทศเค้าก็ต้องทำกฏสิ ถถถ

By: zda98
Windows Phone
on 7 September 2023 - 07:16 #1293261

ปรับเงินไปเรื่อยๆ ถ้าทำตาม ก็ดีไม่ทำตามก็ โดนไปเรื่อยๆ

By: thearm on 7 September 2023 - 08:17 #1293266
thearm's picture

หมวด OS ไม่มี macOS แฮะ

By: marryboomz
Windows
on 7 September 2023 - 08:22 #1293267

อันนี้ผมอยากทราบนะถ้าเกิดผู้ใช้งานอย่าง IPAD Iphone ไปโหลดแอพ จากสโตว์ 3RD Party มาแล้วโดนโกงแบบนี้ ใครต้องรับผิดชอบ ผู้ใช้งานต้องรับผิดชอบเองล้วนๆ หรือเปล่า???

By: iqsk131 on 7 September 2023 - 11:20 #1293292 Reply to:1293267

ใช่ครับ ในปัจจุบัน อย่างมากเจ้าของ store ก็แค่ลบแอปที่ว่าออกและอาจจะให้ความร่วมมือในการสืบสวน แต่ไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบอะไรด้วย (ไม่ใช่แค่ 3rd party แต่ Play Store/App Store ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน)

ยกเว้นแต่ว่าจะมี 3rd Party Store เจ้าไหนใจถึงกล้ารับผิดชอบน่ะนะ ซึ่งถ้าเปิดให้แข่งขันกัน อาจจะมี Store แบบนี้เกิดขึ้นมาก็ได้

By: Tasksenger on 7 September 2023 - 11:48 #1293299 Reply to:1293267

ไม่ว่าสินค้าตัวไหนก็เหมือนกันครับ คุณไปใช้สินค้าจากแหล่งอื่นที่เขาไม่ได้รับรอง ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ง่ายๆ เทียบกับอะไหล่เทียบของรถยนต์ก็ได้ ถึงมันจะใช้ได้เหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ระยะยาวเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชิ้นส่วนอื่นๆ ของผู้ผลิตหรือเปล่า ถ้าเกิดผลต่อเนื่องทำให้ชิ้นส่วนอื่นพัง ผู้บริโภคก็ต้องรับชอบตัวเองไป เช่น สมมุติว่าคุณเปลี่ยนไปใช้ไส้กรองที่ผู้ผลิตไม่ได้ certify แล้วปรากฎว่าเครื่องยนต์พัง ถึงแม้จะอยู่ในระยะประกัน ถ้าเขาตรวจพบคุณก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนไป

ในทาง software ถ้าคุณไป download สินค้าจากนอก store มันก็ผิด policy ของการรับประกันแล้ว ดังนั้นหากเกิดความสูญเสียก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป

By: tom789
Windows Phone
on 7 September 2023 - 14:10 #1293324 Reply to:1293267

ถ้ามีสโตร์ข้างนอก นี้ น่าจะเหมือนฝั่งดรอยนะ ซื้อมาจากร้านไหน ร้านนั้นก็รอผิดชอบ ต้องดูร้านนั้นแล้วจะทำยังไง เค้าอุตส่าห์เปิดให้เข้ามาแข็งขันขนดนี้ ยังดูแลลูกค้าไม่ดีอีก

By: tom789
Windows Phone
on 7 September 2023 - 14:07 #1293323

มันก็ดูดีนะ เปิดให้ราายเล็กๆ เข้ามาแข็งขันบ้าง แต่ดูจะมีปัญหาหน่อย รอดูต่อไป

By: btoy
ContributorAndroidWindows
on 7 September 2023 - 17:07 #1293346
btoy's picture

การถ่วงดุลกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนในระดับที่เหมาะสมถือเป็นเรื่องที่ดีแหละ


..: เรื่อยไป