กลุ่มสส./สว. สหรัฐฯ จากทั้งพรรครีพับลิคกันและเดโมแครตเสนอให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพิ่มมาตรการแบนการส่งออกเทคโนโลยีชิปให้รวมไปถึงเทคโนโลยีโอเพนซอร์สอย่าง RISC-V ด้วย เนื่องจากพบว่าจีนอาศัยช่องทางนี้ในการหลบเลี่ยงมาตรการแบนการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
กลุ่มสส./สว. ที่แสดงท่าทีครั้งนี้ เช่น สว. Marco Rubio รีพับลิคกัน, สว. Mark Warner เดโมแครต, สส. Mike Gallagher รีพับลิคกัน
ตัวองค์กร RISC-V International นั้นเป็นองค์กรที่จดทะเบียนในสวิสเซอร์แลนด์เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ และที่ผ่านมาบริษัทจีนก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าชิป RISC-V ยังไม่ได้รับความนิยมในคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงนัก แต่ก็กินส่วนแบ่งตลาดในชิปเฉพาะทางในกลุ่ม IoT ได้มาก เช่น ESP32-C3 ชิป IoT ราคาถูกก็เป็น RISC-V
สส. Michael McCaul ประธานกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแสดงท่าทีว่าต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการเพิ่มเติม ส่วนทางฝั่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกมาตอบกว้างๆ ว่ามีการรีวิวมาตรการเรื่อยๆ ขณะที่บริษัท SiFive ผู้ออกแบบชิปในกลุ่ม RISC-V ออกมาแสดงความกังวลว่าจะกระทบกับธุรกิจ และหากแบนจริงก็เหมือนการห้ามไม่ให้บริษัททำงานบนอินเทอร์เน็ต
ที่มา - Reuters
Comments
ถ้าจะขนาดนี้ก็เสนอให้ MS แบนเลิกขาย Windows/Office ในจีนเลยก็ได้นะ
แล้วจะยังเรียกว่า Opensource ได้ไหม
ไม่ต้องจีนหรอกต่อให้วันนึงไทยไปถึงจุดนั้นได้ถ้าไม่ทำตามเขา ก็ไม่รอดโอเพนซอร์สแล้วไงคุมได้หมด
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้พึ่งเข้ามาอ่านมหากาพย์ การแบน การส่งออกเทคโนโลยี
กลุ่มสส./สว. แบนๆๆจีนไป อยู่ดีๆ เดือนที่แล้ว ตูมมม จีนปล่อย huawei mate 60 pro
ซึ่ง huawei รุ่นนี้มันใช้เทคโนโลยีการสร้างแบบ 7 nm ซึ่งอเมริกาแบนไม่ให้ผู้ผลิตทำให้จีน
อยู่ดีๆ บ. huawei ผลิต 7nm ของตัวเองได้แล้ว
ตอนนี้เลยหาทางban ban ban ให้หมด อะไรประมาณนิครับ
กลุ่ม สว / สส ตัวจี๊ด มีทุกประเทศจริงๆ
ชอบที่จะ เปลี่ยนจากคู่แข่งเป็นศัตรู แทนจะร่วมมือใหไปได้ไกลๆ
หรือ รีบพัฒนาตัวเองให้คู่แข่งตามไม่ทัน
ชอบ มาเล่นเกมส์แตะตัดขา หลายๆครั้งล้มเอง
เสียเวลาเสียโอกาศ เกมส์ของคนยุคเก่าๆโบราณมันหมดยุคแล้ว
เอาจริงๆมันเป็น move ที่ผู้นำทำกันทุกที่นะครับ การเมืองบ้านเราก็เป็นตัวอย่างที่ดี
การร่วมมือให้ไปได้ไกลๆหรือรีบพัฒนาตัวเอง มันเป็นเรื่องยากครับ สกัดขาง่ายกว่า
คิดดู ร่วมมือกันไปได้ไกลแต่ต้องตกเป็นผู้ตาม มันทำใจยาก ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
หรืออีกกรณี รีบพัฒนาตัวเอง นี่ก็ยากมากกก
นึกภาพ TOT ต้องใช้เวลาพัฒนาตัวเองเท่าไหร่ถึงสู้ True ได้
ดังนั้นหวยมันเลยมาออกที่สกัดขาคู่แข่งไงครับ
จะบอกว่ามันคือมุมมืดของมนุษย์ก็ได้มั้ง คนที่รับความจริงได้มันเป็นส่วนน้อย
ชอบคำว่า "ร่วมมือกันไปได้ไกลแต่ต้องตกเป็นผู้ตาม มันทำใจยาก ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ" นักการเมืองคือนักการตลาดที่ต้องขายตัวเอง ยิ่งตัวเองมีแสงมาส่อง ประชาชนก็ยิ่งจะมองเห็นชัด ยิ่งต้องเลี้ยงแสงที่ส่องมาให้มีแสงตลอด ถ้าไม่มีแสงก็ต้องทำให้เกิดแสง
คนละแบบครับสหรัฐแบนจีนปชชสหรัฐไม่เสียอะไรแถมมีโอกาสได้ประโยชน์จากการเป็นผู้นำ แต่นักการเมืองบ้านเราสกัดคู่แข่งไม่เกิดการพัฒนาอันนี้ประชาชนเสียประโยชน์นะครับ
จะบอกว่า ปชช สหรัฐ ได้ประโยชน์ก็ไม่เสมอไป อย่าลืมว่าทางเลือกสินค้าก็ลดลง แล้วสินค้าจีนมันถูกกว่ามาก ประสิทธิภาพใกล้เคียงกันแต่แพงกว่าเท่าตัว แบบนี้เรียกว่า ปชช ได้ประโยชน์ได้หรอ?
ซื้อของถูกกว่า แต่พลเมืองตัวเองตกงาน ก็คงไม่ใช่นะครับ
เหมือนตอนสมัยญี่ปุ่นรุ่งๆแหละส่งรถยนต์เครื่องใช้ไฟฟ้าไปขายในเมกาจนถล่มทลาย ค่าเงินเยนแข็งโป๊ก เมกาต้องกดดันให้ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิต(ผ่านข้อตกลงplaza accord ไทยนี่เหมือนถูกหวยเพราะย้ายฐานมาไทยเยอะเลย) กับจำกัดเทคโนโลยีไปบางส่วน ตอนนั้นบังคับได้เพราะญี่ปุ่นโดนเมกาครอบครองทางอ้อม(แพ้สงคราม)
ไม่ว่าประเทศไหนก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของพลเมืองตัวเองเป็นหลักครับ แต่บางนโยบายมันมีประเทศอื่นที่ได้ประโยชน์ร่วมด้วยเท่านั้นแหละ
หรือจะยกตัวอย่างใกล้ตัว ไทยโดนสินค้าจีนตีตลาดเพราะ FTA 0% ผักผลไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก พวกเกษตรกรกับผู้ผลิตในไทยก็เจ๊งไปเยอะ ยังไม่นับว่าพวกนำเข้านี่เลี่ยงvat อีกตะหาก คนไทยดีใจได้ซื้อของถูกเพราะไม่โดนภาษีอะไรเลย แต่โดยรวมคนไทยตกงานเพราะโดนตีตลาดมากขึ้น?
หรือใหม่หน่อยก็ EV จีนนำเข้ามาเสียภาษีให้รัฐรวมๆน้อยกว่ารถ eco carผลิตในไทยอีกนะครับ(รถevจีนคันละล้านกว่าๆเสียภาษีน้อยกว่าeco carคันละห้าแสนบาทแถมรัฐจ่ายให้อีกคันละแสนห้า) เราก็อวยรถจีนว่าของเทพราคาถูกด่ารถผลิตในประเทศไปซะแล้วว่ากั๊กขายแพง โดยไม่มองว่าให้สิทธิประโยชน์มากเกินไปไหม? (เรื่องบังคับประกอบในประเทศทีหลังก็มีช่องโหว่ เช่นเคสข้อพิพาทรถจีนยี่ห้อนึง ที่อ้างว่าประกอบไทย ใช้supplierไทยเกิน70%ตามข้อบังคับเพื่อได้สิทธิทางภาษี แต่ความจริงคือsupplierเป็นนอมินีจีนนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนมาล้วนๆ100% แม้แต่เข็มขัดนิรภัยทีปกติใช้ของไทยก็ยังใช้ของจีน แทบไม่ใช้แรงงานในไทยหรือเสียภาษีอื่นเลย)
ใครๆก็ชอบของถูกครับ ผมก็ชอบ แต่ถ้ารัฐไม่ทำอะไรเลย ไม่ทำกำแพงภาษีกีดกันหรือออกกฎให้มีภาษี/แรงงาน อยู่ในไทยบ้างเลย มันก็ล้มสิครับ
ผมว่าเรื่องสกัดขาในประเทศเดียวกันเองกับสกัดขาต่างประเทศมันต่างกันอยู่นะครับ
กรณีนี้มันคือการสกัดขาประเทศอื่น ซึ่งผมมองว่ามันสมเหตุสมผลในฐานะรัฐบาลที่ต้องให้ความสำคัญกับประเทศตัวเองเป็นหลัก (แต่ผลจะออกมาดีหรือแย่กว่าเดิมอันนี้ก็อีกเรื่องนึงนะ อย่างกรณีนี้เมื่อมองถึงภาคธุรกิจแล้วมันอาจจะส่งผลเสียต่อประเทศมากกว่าก็ได้)
ต่างจากบางประเทศที่ขัดแข้งขัดขากันเองในประเทศ อย่างเช่น การล้มเลิกโครงการหรือนโยบายดีๆเพียงเพราะแค่เป็นนโยบายของคู่แข่งอะไรทำนองนี้
แล้วก็... ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ารัฐบาลทุกประเทศต่างมองประเทศอื่นเป็นศัตรูตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ทุกวันนี้คบกันได้เพราะผลประโยชน์เฉยๆ แต่ถ้าล้ำเส้นเมื่อไหร่ก็พร้อมจะฉีกทุกอย่างและกลายเป็นศัตรูได้ทุกตลอดเวลาอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้มองว่ามันคือการเปลี่ยนให้เป็นศัตรูเท่าไหร่
เหมือนเคยอ่านบทความว่า
การทำลายคู่แข่งนั้นมีประสิทธิภาพเมื่อมองในมุมส่วนตนมากกว่า
อย่างเช่น
แทนที่จะซื้อเครื่องจักรใหม่แพงๆมาแทนเครื่องเก่า ราคาหลายแสน
แค่แอบไปโยนเหรียญ10บาทเข้าเครื่องคู่แข่งก็พังได้
มันจึงล่อใจมากกว่าที่จะเตะตัดขาคู่แข่ง
เพราะความสำเร็จมันต้องอาศัยองค์ประกอบหลากหลาย
แต่ถ้าพลาดจุดเดียวอาจจะพังทั้งหมด
Opensource ก็ควรจะมีเสรีภาพ ไม่จำกัด ชนชาติ หรือ ภูมิเศรษฐกิจ นะ
มันแหม่งๆนะ เหมือนต้องการกีดกันทุกทางสุดๆ
อันนี้ดูเหมือนจะเยอะไปแฮะ คนที่เดือดร้อนคือบริษัทเมกาเองนะ
..: เรื่อยไป
โลกเสรี ภายใต้กติกาที่ US คุม + เป็นผู้นำ ...
อันนี้ก็เกินไป๊
Coder | Designer | Thinker | Blogger
มันแบน open source ไม่ได้เพราะมัน publish และมันก็ publish ไปแล้ว อิลอนมัสบอกว่า สส. สว. เมกามีแต่พวกไดโนเสาร์ก็คงไม่ผิดนัก
ถึงจะเข้าใจว่า เป็นเรื่องปกติของมหาอำนาจ แต่ก็แอบเสียดาย
อุตส่ามีแบรนด์ที่ดีมาก ๆ แบบ huawei โผล่ขึ้นมา
แต่ก็โดนแบนไปก่อน จนต้องกลับไปหา Apple เหมือนเดิม
ขนาดแบน Huawei ยังผลิตชิพ 7nm ได้ มาดูกันว่าจะเป็นการกดเพื่อดีดหรือเปล่า
จริงๆแล้วเป็น 14nm ใช้เครื่อง duv asml ไม่ได้คิดเอง
บริษัทที่ผลิต DUV ได้ไม่ได้มีแค่ ASML มีหลายบริษัทที่ทำได้
ไอ้ที่ ASML ผลิตได้คนเดียวนั่นเป็นเครื่อง EUV
ไม่รู้จริง อย่ามั่ว ไปหาข้อมูลก่อนไป Duv asml 95 เปอเซ็นนะ ที่เหลือ nm มันเยอะ https://i.ibb.co/dgXrvZ2/IMG-9691.jpg
มันก็คล้ายยุคเปลี่ยนจากเกษตร มาเป็นอุตสาหกรรมนั่นแหล่ะ เจ้าของเทคโนโลยีก็พยายามกีดกันการเข้าถึงทุกทาง แต่สุดท้ายประเทศอื่นๆ ก็ยังสามารถพัฒนาไปในแนวทางของตัวเองได้ ก็คงต้องรอดูว่าจะกลายเป็นเหมือนอังกฤษหรือเปล่าในระยะยาวที่ค่อยๆ ถดถอยลงไป
อันนี้มัน Opensource อยู่แล้ว น่าจะแบนไม่ได้ คราวนี้ถ้าไม่ได้มี Patent ที่จดในสหรัฐหรือฝั่งตะวันตกอยู่แล้วด้วย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแบนนะ
จีนในตอนนี้แทบจะหยุดอะไรไม่ได้แล้ว เพราะทั้งทรัพยากรบุคคล ความรู้ และวัตถุดิบในประเทศยังมีอยู่มหาศาลเพียงพอที่จะสร้างอะไรหลายอย่างได้เองแม้จะโดนแบนก็ตาม ไม่ต้องง้อใครด้วย
ต่อให้ว่ามันจะยากและซับซ้อนก็ตาม จีนก็ทำของแบบนั้นออกมาได้ในไม่กี่ปี เป็นความพยายามพึ่งพาตัวเองที่ดูแล้วจะดีกับจีนเองมากขึ้นเรื่อยๆ นะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จะแบนยังไงอ่ะ อยากรู้กระบวนการมากกว่า
แบนมันทุกอย่าง ถ้าจีนยังพัฒนาได้อีก ก็ไม่รู้ จะ หาอะไร มาแบนอีกละ
น่าจะแบนไม่ได้ เพราะขนาด Linux Foundation กับ Apache Foundation ยังไม่สนใจ และไม่แบน
อีกอย่าง RISC-V ดูมีอนาคตไกลมาก ตอนนี้เริ่มแท็บเล็ต RISC-V ออกมาแล้วจากจีน เหลือมือถือที่ยังมีแค่ต้นแบบ android ก็เริ่มรองรับปีนี้
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
เดี๋ยวก็ต้องบีบให้ยอมครับ ถ้าไม่ยอมก็เตรียมเจอสารพัดวิธีที่ทำให้สององค์กรนี้ อยู่ยากขึ้นแน่นอน
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
องค์กรระดับรัฐในต่างประเทศไม่ได้เหมือนบ้านเรา เขาไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น (ยกเว้นอเมริกา อันนั้นอีกเรื่อง) อำนาจตัดสินใจของชุมชนโอเพนซอร์สในแต่ละโปรเจกต์อยู่ที่ตัวบุคคลเสียส่วนใหญ่ ถ้ารัฐคิดจะเล่นก็ระวังโดนสอดไส้แล้วเกิดความยับหมาแบบ color.js และ faker.js ถึงจะไม่เกิดกับโปรเจกต์หลัก แต่โปรเจกต์ย่อยรับรองไม่เหลือ
อันนั้นคือฆ่าตัวตายครับมีแต่โครงการชั้นต่ำที่เลือกวิธีจบอนาคตโครงการตัวเองและแน่นอนว่ากระทบกับพันธมิตรตัวเองไปด้วยไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
พยายามตั้งแต่ยุคทรัมป์ แต่มันไม่ทัน จนตอนนี้คนไร้บ้านเต็มไปหมด
จะไหวป่าวนะเมกา ทางรอดคงไม่พ้นก่อส่งคราม ขายอาวุธเหมือนเดิม
จีน บ้านเมืองเขาไปไกลมากครับตอนนี้ แม่ผมเปิดดูหนังจีน WeTV ผมดูผ่านๆตา
เขาpresentประเทศเขาแบบฮ่องกง-สิงคโปร์ เลยครับ ทำกระสวยอวกาศ,starup ,เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ,สวนสนุก บลาๆ สมัยใหม่มาก
วิศวกรนักวิจัยก็ขยันออกPaper ขยันConf เยอะมากครับ
desigjn ซิป 5G Apple ทำไม่สำเร็จแต่วิศวกร Huawei ทำ Kirin สำเร็จมาแล้ว สุดๆอ่ะครับ ดูเหมือนงานวิจัยฝั่งจีนก้าวกระโดด
PR เก่งครับ ต้องทำให้คนเขาบ้านเขาเองคิดว่าเขาเก่งก้าวล้ำดีกว่าประเทศอื่นๆ ไรแบบนี้ อาจจะเรียกชาตินิยมก็ได้ อาจจะหลายๆ ประเทศที่พอเจริญล้ำๆ ก็มาดูถูกชาติอื่นๆ ด้วย
ส่วนบ้านเรา PR แต่เน้นยุคอดึตประวัติบุคคล เลยไปไหนไกลไม่ได้ หรืออาจจะไม่มีอะไรล้ำๆ ก็ได้ การเกษตรกันต่อไป
เออเอาเข้าไป Open Source ก็ใช้ไม่ได้
เดี๋ยวนี้นวัตกรรมกลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งไปแล้ว ยังมองไม่เห็นว่าในประเด็นนี้ ประเทศเรามีอะไรพอสู้กับมหาอำนาจได้บ้าง
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ตอนประเทศไหน GDP มาแรง ๆ top ๆ ก็ไปสะกัดเขาหมด
ตอนที่ญี่ปุ่นมี GDP พุ่งแรงๆเป็นอันดับสองของโลก ได้ดุลอเมริกาเยอะๆ ก็โดนสกัดด้วย Plaza Accord
ค่าเงินแข็งขึ้นรวดเดียวเท่าตัว เศรษฐกิจซบยาวจนถึงปัจจุบัน
ถ้าอเมริกามันจะแบนคนเดียวของมันก็ไม่เป็นไร 1 ต่อ 1 แฟร์ๆ
แต่นี่อเมริกาชอบไปให้ลากพรรคพวกนาโต้,อียูและพันธมิตรอื่นๆ ให้ร่วมแบนด้วย ชอบเล่นหมาหมู่นี่แหละปัญหา
จะซื้อ iPhone ก็ต่อเมื่อมัน Made in Thailand
https://www.sanook.com/hitech/1509273/ น่าจะยาก เพราะจีนซื้อ MIPS ไปแล้วกับ Imagination Technologies ที่ถูกหุ้นโดย Canyon Bridge และ Alibaba Investments Limited