ตามที่กรรมมาธิการยุโรปออกกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่มีแพลตฟอร์มซึ่งมีสถานะแข็งแกร่งได้เปรียบเหนือรายอื่นเป็น Gatekeeper ต้องเปิดแพลตฟอร์มให้บริการอื่นเข้ามาเชื่อมต่อใช้งาน และแข่งขันได้ ซึ่งมีบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าข่าย 6 ราย ล่าสุดมีรายงานว่าแอปเปิลพยายามชี้แจงในส่วนของเบราว์เซอร์ Safari ว่าไม่ได้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างที่ถูกระบุ
กรณีของแอปเปิลนั้น มีบริการ 3 อย่างที่ถูกระบุว่าเป็น Gatekeeper คือ iOS, App Store และ Safari ทำให้แอปเปิลต้องเปิดให้ใช้สโตร์ภายนอกโหลดแอปได้ และต้องให้ใช้เอ็นจินอื่นของเบราว์เซอร์ได้นอกเหนือจาก WebKit กำหนดภายในมีนาคม 2024
เอกสารที่แอปเปิลชี้แจงบอกว่า Safari บน iOS, Safari บน iPadOS และ Safari บน macOS เป็น Safari คนละแบบกัน ดังนั้นตามเงื่อนไขของ DMA จึงมีเพียง Safari บน iOS เท่านั้นที่เข้าข่ายต้องถูกกำกับดูแล แอปเปิลยกตัวอย่างว่าฟีเจอร์ sidebar ใน Safari ของ iPadOS หรือ macOS ก็ไม่มีใน iOS เป็นต้น อย่างไรก็ตามกรรมาธิการยุโรปโต้แย้งข้อมูลนี้ โดยยกคำโปรยโฆษณาฟีเจอร์ Continuity ของ Safari ที่บอกว่า Same Safari. Different device.
ช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างชี้แจง เพื่อให้แพลตฟอร์มที่ถูกระบุว่าต้องกำกับดูแลเปิดให้เข้าถึงไม่เข้าข่าย ก่อนหน้านี้ทั้งแอปเปิลและไมโครซอฟท์ก็เคยยื่นขอให้ถอด iMessage และ Bing ออกจากรายชื่อ
ที่มา: The Register
Comments
ขอเลย PWA ทำงานได้บน pc android แต่มาตายบน safari ตลอด
ยักฟู ฟวย เถอะครับ Full Screen API ยังใช้ไม่ได้บน iPhone พื้นที่จำกัด 500 MB WASM กับ WGL2 บั๊กบน iPhone caret-color ก็ยังบั๊กบน iDevice กล้าเรียกว่า Same อยู่อีกเหรอ
Apple ก็อ้างได้เหมือนกันล่ะครับผมว่าเพราะมี keynote wwdc ที่ apple ยกเครื่อง ipad แล้วบอกว่าใช้เอนจินเดียวกับ ฝแมค
ใช้ เอนจินเดียวกัน แต่ ต่างกันนะ แบบนี้ โครม หรือ เอจ ก็ อ้างได้ แบบเดียวกัน
ชื่อเหมือนกัน เอ็นจิ้นเดียวกัน
อ้างคนละตัวยากก็อยู่
Digital Markets Act คือมองข้ามการใช้งานสินะ โครงสร้างเหมือนกันคืออันเดียวกัน คนละดีไซน์ การใช้งานคนละรูปแบบ ไม่มีผล
ต่อให้เป็นคนละตัว แต่มันเป็นของคนเดียวกันไม่ใช่หรือไง
พวก service ที่ใช้งาน network น่าจะเป็นอันเดียวกัน
ฟีเจอร์ไม่เท่ากันไส้ในมันก็เหมือนกัน(เกือบหมด) มันต่างยังไง
แต่ก็ gatekeeper อยู่ดีไม่ใช่เหรอ