Humane สตาร์ทอัพจากเมืองซานฟรานซิสโกที่ร่วมก่อตั้งโดยอดีตพนักงานแอปเปิลหลายคน เปิดตัว AI Pin อุปกรณ์ติดเสื้อที่ทำงานด้วยแนวคิดใหม่ใช้ AI เป็นตัวทำงานทั้งหมด ไม่ต้องสั่งการผ่านแอปด้วยวิธีการเดิม บนเป้าหมายสูงสุดคือสามารถแทนที่สมาร์ทโฟนได้
AI Pin ใช้หน่วยประมวลผลของ Snapdragon มีสองชิ้นส่วนคือตัว Pin น้ำหนัก 34 กรัม และแบตเตอรีอีก 20 กรัม กล้องในตัว 13MP ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ การทำงานจะไม่บันทึกข้อมูลผู้ใช้งานตลอดเวลา แต่ต้องสั่งเปิดการทำงานด้วยการแตะที่ Pin แล้วลากเพื่อสั่งเปิดการเก็บข้อมูล หรือสั่งการทำงาน
การสั่งงานหลักใช้เสียงผ่าน AI Mic จากนั้นประมวลผลลัพธ์ออกมา โดย Humane ระบุถึงไมโครซอฟท์และ OpenAI เป็นอย่างน้อยผู้ให้บริการส่วนการประมวลผล จึงอาจเป็น GPT-4 การจัดการตั้งค่าหรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่มากกว่าเสียงตอบกลับ ทำได้โดยให้แสดงผลเป็นหน้าจอเลเซอร์ฉายลงที่ฝ่ามือ และสามารถควบคุมด้วยท่าสั่งการมือตามที่กำหนด
ตัวอย่างความสามารถที่สาธิต เช่น ฟีเจอร์แปลภาษาในขณะพูดคุยสนทนา ให้กล้องดูภาพอาหารแล้วประเมินสารอาหารพร้อมบันทึกข้อมูลการกินประจำวัน ตรวจสอบราคาสินค้าในออนไลน์ เป็นต้น
AI Pin ขายที่ราคา 699 ดอลลาร์ เริ่มเปิดให้สั่งซื้อได้เฉพาะในอเมริกาตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ในการซื้อจะต้องสมัครแพ็คเกจเชื่อมต่อมือถือของ T-Mobile อีกในราคา 24 ดอลลาร์ต่อเดือนด้วย
ที่มา: TechCrunch และ The Verge
This is the Humane Ai Pin https://t.co/ytUSGF3y55 pic.twitter.com/Zrcoaf49u7
— Humane (@Humane) November 9, 2023
Comments
ตอนที่บอกให้ซื้อของแล้วมันจัดการให้ เป็นไปได้แค่ในโฆษณา ในทางปฏิบัติมีปัจจัยเยอะมากก่อนจะซื้ออะไรสักอย่าง จะเอาแบบไหน สีอะไร ขนาดเท่าไหร่ ซื้อจากร้านไหน ใส่คูปองมั้ย จัดส่งไปไหน ส่งวิธีไหน ตัดบัตรไหน เงื่อนไขเยอะมาก ถ้าเกิดให้ AI ตัดสินใจไปเองเกิดไม่ถูกใจขึ้นมาทำยังไง
ดูแล้วน่าจะใช้จริงลำบาก มีข้อจำกัดเยอะ แต่ก็เป็นความพยายามที่ดี
เท่าที่ดูคลิปเต็ม เขาจะให้เราตั้งค่าไว้ก่อน เหมือนเติมคำในช่องว่างนั่นแหล่ะครับ อะไรที่จำเป็นต้องใช้ในการสั่งซื้อเราจะต้องไปเติมให้เรียบร้อย แล้วจึงเรียก command ได้ หรือถ้ามันพบว่าช่องไหนที่จำเป็นแต่เรายังไม่ระบุ มันก็จะแจ้งเตือนเป็นข้อๆ ไป จนกว่าจะครบตามที่ต้องการ ส่วนตัวผมเดาว่าเขาน่าจะใช้กับสินค้าที่เราสั่งซื้อบ่อยๆ และมันจำค่า หรือแยกตัวแปรได้หมดแล้ว มากกว่าสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะ
ซึ่งจริงๆ มันก็มี Tool ที่ทำอย่างนี้ได้อยู่แล้วโดยใช้ NLP เพื่อแยก Entity แบบนี้แหล่ะ เพียงแต่เขานำมา Implement ให้เกิดลักษณะการใช้งานจริงเท่านั้น ถ้าถามถึงการใช้งานจริงมันก็ยังมีข้อจำกัดอีกเยอะ เหมาะกับสั่งข้าวกลางวัน ของใช้ในบ้านซะมากกว่า