บริษัทวิจัย Canalys ประเมินว่าอาจมีพีซีเยอะถึง 240 ล้านเครื่องล้าสมัย และกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต หลัง Windows 10 หมดระยะซัพพอร์ตช่วงเดือนตุลาคม 2025 เพราะไม่สามารถอัพเกรดไปเป็น Windows 11 ได้เนื่องจากข้อจำกัดทางสเปกฮาร์ดแวร์
Canalys ยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตพีซีและไมโครซอฟท์ มีความรับผิดชอบในการยืดระยะเวลาใช้งานพีซีให้นานที่สุดเท่าที่ฮาร์ดแวร์เอื้ออำนวย รวมถึงมีแผนการจัดการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่จริงจังด้วย อย่างไรก็ตาม Canalys ก็ยอมรับว่าการไม่มีกฎหมายเรื่องนี้ที่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ได้
ไมโครซอฟท์เพิ่งออกมาประกาศโครงการต่ออายุ Windows 10 ไปอีก 3 ปีจนถึงปี 2028 แต่เป็นการต่ออายุซัพพอร์ตแบบเสียเงิน Extended Security Updates (ESU) และยังไม่ประกาศราคา ซึ่ง Canalys มองว่าหากไมโครซอฟท์ยังคิดราคา ESU ลักษณะเดียวกับตอน Windows 7 (แปลว่าแพง) ก็ถือเป็นการบีบให้องค์กรต้องไปซื้อเครื่องใหม่ที่เป็น Windows 11 แทนของเก่าที่กลายเป็นขยะอยู่ดี
ที่มา - IT Pro
ภาพจาก Microsoft Thailand
Comments
สมัยที่ยังใช้ PC ตัังแต่คอมประกอบพันทิพย์ ยันโน้ตบุ๊ค พัง อัพเกรด เปลี่ยนเครื่อง กี่เครื่อง ๆ ก็ได้ windows 7 ทำไม windows 7 support ได้นานจัง
นับที่ support หลักนะครับ
Windows 7 release 2009 support ถึง 2015 ระยะเวลา 6 ปี
Windows 10 release 2015 support ถึง 2025 ระยะเวลา 10 ปี
หมด support ใช่ว่าจะใช้งานต่อไม่ได้ เพียงแต่ไม่มี update patch อะไรเพิ่มเติม เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้เองครับ แต่หลักๆตามข่าวนี้คือเครื่องในองค์กรที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้ครับ
อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Windows_7
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Windows_10
โอ้ววว เพิ่งรู้ว่า 10 อยู่นานกว่า 7
แต่ 7->8->8.1->10 ได้ แต่ 10 จำนวนมากไป 11 ไม่ได้นะ (2009 ยุค เริ่ม ddr3, amd phenom ii, intel core gen 1)
เอาจริงผมว่าสมัยก่อน security ยังไม่สำคัญ(จริงๆสำคัญแต่คนไม่ค่อยสน) ไม่มีแพทบางคนไม่สนใช้ไปได้เรื่อยๆ ยุคนี้ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีกเครื่องมือล้าสมัยยิ่งมีโอกาสโดนโละสูงกว่านะครับ เพราะภัยคุกคามมันเยอะขึ้นด้วย ทำให้ทั้งยูสเซอร์องค์กรและบุคคลก็เห็นความสำคัญกันมากขึ้น
เรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์ ผมคิดออกแค่วิธีเดียวคือให้ทุกคนที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้รับผิดชอบร่วมกัน ตั้งแต่ต้นทางพวกขายแร่ ไล่เรียงมาที่โรงงานผู้ผลิต PC/Laptop ต่างๆ (รวมถึงพาร์ทเนอร์) บริษัทขาย OS ต่อเนื่องมาถึงผู้ใช้งาน ด้วยการบังคับให้ตั้งกองทุนเพื่อทำหน้าที่จัดการผลักดันการ Reuse พาร์ทที่ใช้งานต่อได้ จนไปถึงขยะที่สามารถ Recycle ได้เพื่อลดจำนวนขยะจริงๆให้ได้มากที่สุด ด้วยการส่งเงินเข้ากองทุนตั้งแต่ขายสินค้าได้เลย
แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ มีแค่ทางเดียวคือทำเป็นกฏหมายระหว่างประเทศขึ้นมา และภาครัฐต้องจัดตั้งหน่วยงานไม่หวังผลกำไรเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้
..: เรื่อยไป
อันนี้เห็นด้วยจริง เดี๋ยวพวกบริษัทขายมันก็ไปตั้งร่วมทุนทำ Recycle กันเองแต่ต้องบังคับ
พีซี 240 ล้านเครื่อง ไม่ใช่แค่จำนวนเครื่อง แต่หมายถึงส่วนแบ่ง OS Windows ด้วย อย่าลืมว่านับจาก Windows 7 มา ส่วนแบ่ง Windows ดิ่งลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้ต่ำกว่า 70% ของทั้งโลกแล้ว MS พยายามดึงให้คนกลับมา Windows ด้วย WSL, WSA และแจก .NET แจก VS อะไรต่าง ๆ รวมถึงเอา AI ใส่มา OS แต่เหมือนไม่ได้ผล Windows ยังคงดิ่งเรื่อย ๆ กับ น่าจะมาเสียเยอะตอนทิ้ง Windows 10 แน่ ๆ Windows ส่วนแบ่งต่ำกว่า 50% ไม่เกินจริง และอาจเกิดขึ้นในยุคนี้ด้วย
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ประเด็นหลักๆ คือ บังคับใช้ cpu 8th gen ขึ้นไป “เท่านั้น” เนี่ยแหละ ทั้งที่ไม่ได้จำเป็นเลย
Welcome to linux world.
มันมีเหตุอะไรที่ทำให้ os ใหม่ต้องผลักผู้บริโภคไปถอย pc มาใหม่ ทั้งๆที่เนื้องานบางคนก็แค่ office ธรรมดา ไม่ได้พิสดารอะไรมากมาย
ข้อมูลสำคัญสุดครับ
ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ไม่ได้บังคับครับ ถ้าคิดว่าใช้แค่ office ธรรมดาๆ มันก็ใช้งานต่อไปได้นะครับ การไม่ได้ update os ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานเช่นกัน
ตอบแบบมีเหตุขึ้นมาหน่อยก็เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลครับ ถ้าไม่ห่วงเรื่องพวกนั้นอีกก็สามารถใช้ต่อได้อย่างสบายใจได้ครับ
ไม่ต้องถอยเครื่องใหม่ครับ Confirmed
เป็นการช่วยเหลือกัน ระหว่างผู้ขายซอฟแวร์กับผู้ขายฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ก็เรียกร้องสเปคขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้คนต้องเปลี่ยนเครื่อง สเปคเครื่องถึงทางตันนานละ คนก็เลยไม่ค่อยอยากจะเปลี่ยนเครื่องเพราะมันก็ยังใช้งานได้ เครื่องใหม่ก็ไม่ได้เร็วหรือว้าวหรือมีประโยชน์มากขึ้น เครื่องแม็คของแอปเปิ้ล 8GB ก็ทำงานได้ไม่ต่างจาก PC 16GB
+1024
WE ARE THE 99%
ไม่จริงหรอก ก็ถูลู่ถูกังใช้กันต่อไป จนกว่าจะพังแล้วหาอะไหล่เปลี่ยนไม่ได้ ในองค์กร มีการป้องกันแข็งแกร่ง ห้ามนั่น ห้ามนี่ Super Firewall ห้ามเสียบ USB ใด ๆ จนกว่าจะได้รับความเสียหายจากการใช้ OS ที่หมดซัพพอร์ตแบบมหาศาล องค์กรไม่มีทางเปลี่ยนแน่นอน เสียน้อยเสียยาก
หลายๆองค์กรก็เป็นอย่างว่าจริงๆ แต่องค์กรอีกส่วนใหญ่ เค้าต้องเปลี่ยนล่ะครับ ไม่งั้น Audit ไม่ผ่าน
..: เรื่อยไป
เห็นด้วยกับคำตอบเม้นบนครับ
ในระดับองค์กรใหญ่เค้าจะมีการ audit เรื่องพวกนี้ เช่น windows ต้อง version ล่าสุด ต้องเปิด update ตลอด software ที่ใช้งานต้องอยู่ใน whitelist (ใช้คำนี่ได้ใช้มั๊ยนะ แอบแซว) เครื่องต้องถูก scan ก่อนใช้งาน ซึ่งส่วนใหญาก็ join domain และถูกควบคุมโดย IT อยู่แล้ว
และแผนก IT เองก็จะมี policy ขององค์กรมากำกับอีกที และองกร์ก็ต้องผ่านมาตราฐานต่างๆ เช่น ISO ที่เกี่ยวข้อง
การผ่านมาตราฐานพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานก็จริง แค่เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้คู่ค้า หรือคู่ค้าบางรายก็กำหนดเหมือนกันว่าองค์กรที่จะทำงานด้วยต้องผ่านมาตรฐานอะไรบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ทุกที่ที่เป็นแบบนั้น
ขอบคุณที่แชร์ข้อมูลครับ
เห็นด้วยครึ่งนึงครับ
แน่นหนาแค่ไหน os update ตลอด ก็ยังแพ้ social engineer ครับ สุดท้ายโดนแฮคกันมาหลายบริษัทแล้ว หลายเจ้าที่โดนก็บริษัทระดับโลกด้วย ส่วนใหญ่ก็พยายามปิดข่าว รู้ก็แค่คนในไม่กี่คน พนักงานทั่วไปรับรู้แค่ว่าระบบ IT มีปัญหา
แต่การอัพเดท os มันก้ช่วยเรื่องในทางตรงได้จริงแหล่ะ แต่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับเท่าไหร่ แต่ก็นะแยกพัฒนาระบบก็เปลืองเงิน รวมกันให้รองรับของเก่าด้วยก็บักตามมา คงต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายจะออกมายังไง
ถ้า 240 ล้านเครื่องอัพเกรดไป 11 ไม่ได้ นั่นคือคุณต้องซื้อเครื่่องใหม่ และแน่นอน รวมถึง windows 11 หรือ 12 ด้วย
ถ้าประสบความสำเร็จ W11 ก็อาจทำเหมือน 10 คือไม่สามารถ upgrade เป็น 12 ได้
คนทั่วๆ ไป คงใช้ต่ออะจนกว่าจะช้า หรือพังจนใช้งานไม่ได้
Windows XP ยังมีคนใช้อยู่เลย Windows 10 ไม่ตายง่าย ๆ หรอก
มีคนใช้แต่ทว่า จำนวนน้อยลงมาก ไม่ถือว่า มียสำคัญอะไรที่จะตีความได้ว่า XP ยังไม่ตาย
เครื่องที่ update ไม่ได้นี้น่าจะอายุเกือบ 10 ปี
พวก smart phone, tablet นี้น่าจะอายุสั่น เปลี่ยนกันบ่อยกว่าอีก
ไม่ถึง 10 ปี
CPU Intel รุ่นเก่าสุดที่ Windows 11 รองรับ คือ Core 8th generation ซึ่งออกเดือนตุลาคม 2017 (เก่าสุดอายุ 6 ปี 2 เดือน)
ส่วน CPU AMD ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า ก็คล้ายกัน รุ่นเก่าสุดที่ Windows11 รองรับ คือ Zen+ ซึ่งออกเมษายน 2018 (เก่าสุดอายุ 5 ปี 8 เดือน)
PC อายุเก่ากว่า 6 ปี 2 เดือน (นับถึงตอนนี้) ไม่ support ทั้งหมด
PC อายุ 5 ปี ถ้าไม่ใช่ CPU รุ่นใหม่ล่าสุดในตอนที่ซื้อ ก็ไม่ support
PC อายุ 3-4 ปี ตอนนั้น gen เก่าก็ยังมีขาย ถ้าตอนเลือกซื้อเพื่อใช้งานเบาๆ แค่พิมพ์เอกสารบันทึกข้อมูลเปิดเว็บ gen เก่าก็ใช้ได้ แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่ปีก็กลายเป็นรุ่นที่ Windows 11 ไม่ support
ตัวเลขของคุณทั้งหมดต้อง + 1.5 ปีไปด้วยนะครับเพราะมันหมด support ปี 2025
ผมว่ามองว่า smart phone/tablet มันสร้างขยะมากว่า PC น่ะครับ
เพราะจำนวนเครื่องต่อคนน่าจะเกิน 1 ด้วยซ้ำ ส่วน PC สัก 100 คนถึงจะมีเครื่องนึง
พังง่ายว่า เพราะคนทำล้นกันบ่อย หายก็ง่ายกว่า
+1 มือถือ เปลี่ยนกันทุกปี
ญี่ปุ่นส่งมาทิ้งร้านโกดังในไทย nec dell fujitsu
ให้ลง Linux ตอนนี้ก็โอเคกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว
แต่กับ office online จัดว่าแย่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ
ต้องส่งเสริมให้ใช้พวก LibreOffice หรือ Softmaker (ถ้ารองรับภาษาไทย) แทนครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ผมมี ms 365 อยู่ครับต้องใช้ฟีเจอร์ทุกอย่างยกเว้น MS Access ครับ
ถ้างั้นก็งานหยาบแล้วล่ะครับ เลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ไม่ก็ลงผ่าน Wine พอได้มั้ยครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
อาจจะได้ครับ ถ้าคิดดูอีกทีผมว่าใช้ mac เก่าด้นสด(patcher)ไปเรื่อยๆพอแก้ขัดได้อยู่ครับ
Wine ไม่รอด ต้อง CrossOver (Wine เวอร์ชันเสียเงิน) ถึงจะ "พอถูไถ" และดันแพงเท่าครึ่งราคา Windows ด้วย 555
โล้ะเอามาลง linux ทำ cloud ถูกๆ เป็น test env
ถ้าอยู่ในมือ Geek มันจะกลายเป็น Linux ถ้าอยู่ใน User ทั่วไป ก็รอวันพังแล้วเปลี่ยนเครื่องใหม่
เป๊ะ เครื่องที่บ้านมี Linux อยู่ 4 เครื่อง ส่วนใหญ่ก็มาจากเครื่องเก่า ฮ่า
..: เรื่อยไป
ก็ตั้งแต่ตอนซื้อมา ก็เห็นอนาคตแล้ว Notebook PC แบรนด์ มันอัพเกรดลำบาก
ถ้าเป็นคอม DIY ก็ใช้ยาว เปลี่ยนนั่นนี่ได้
หน้าต่าง 240ล้านบาน กำลังจะปิดลง
เครื่ององค์กรปกติ จะมีไเลเซ็นกันอยุ่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็จะได้อัพเดทตลอด ส่วนผู้ใช้ตามบ้าน ก้ไม่เห็นจะมีใครสนใจ พวกแพทปลอดภัยเลยสักนิดเดียว ใช้เจ้ด หาวิธีปิดกันอยุ่แล้ว
ตามข่าวนี้ เครื่ององค์กรปัญหาไม่ได้อยู่ที่ license ปัญหาคือ hardware ที่ไม่สามารถ upgrade ไป win11 ได้เพราะ spec และต้องโละทิ้งครับ
แล้ว Windows 12 ก็อาจจะใช้ Hardware ใหม่อีก