เบื้องหลังความสำเร็จของเกม Helldivers II กลับมาจากเอนจินเกมเก่าที่หยุดพัฒนาไปตั้งแต่ปี 2018 และทีมพัฒนาของบริษัท Arrowhead Game Studios ต้องพยายามปะผุ ปรับแต่งแก้ไขให้มันทำงานได้
เอนจินตัวนี้ชื่อว่า Bitsquid บริษัทเกมจากสวีเดน ทำให้เอนจินตัวนี้ถูกใช้งานแพร่หลายในบริษัทเกมสัญชาติสวีเดนหลายราย (Arrowhead เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น) ประวัติย่อของ Bitsquid คือถูก Autodesk ซื้อกิจการไปเมื่อปี 2014 แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Autodesk Stingray (ตอนนั้นมีข่าวใน Blognone ด้วยนะ) เพื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือกราฟิกสามมิติในเครือ เช่น 3ds Max และ Maya
อย่างไรก็ตาม Autodesk หยุดพัฒนา Stingray ในปี 2018 และปรับรูปแบบเป็นปลั๊กอินของ 3ds Max ก่อนเลิกทำในปี 2022
เหตุผลที่ Arrowhead เลือกใช้เอนจิน Stingray เป็นเพราะเกม Helldivers ภาคแรกออกขายในปี 2015 ก็ใช้เอนจินนี้มาตั้งแต่ต้น (ช่วงนั้นเอนจินยังพัฒนาอยู่) เมื่อเกมเริ่มพัฒนาภาคสอง (ก่อน Autodesk หยุดพัฒนา) จึงใช้เอนจินที่ทีมงานคุ้นเคยต่อมา
Johan Pilestedt ซีอีโอของ Arrowhead โพสต์อธิบายว่าวิศวกรของเราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เอนจินใช้งานได้ เพราะต้นสังกัดไม่ทำเอนจินต่อแล้ว ทำให้ความสามารถของเอนจินด้อยกว่าเอนจินเกมยอดนิยมอื่นๆ ในท้องตลาด
เกมดังอีกเกมที่ใช้เอนจินตัวนี้คือ Warhammer 40,000: Darktide ที่ออกในปี 2022 เหตุผลเป็นเพราะเกมพัฒนาโดยสตูดิโอ Fatshark ซึ่งมีรากเหง้าเดียวกับ Bitsquid นั่นเอง
This is true. Our crazy engineers had to do everything, with no support to build the game to parity with other engines.And yes. The project started before it was discontinued. https://t.co/mz61TnYNGN
— Pilestedt (@Pilestedt) February 21, 2024
Comments
สู้ชีวิตมาก
ช่วงนี้พอจะมีเงินแล้ว ไปซื้อกลับมาจาก Autodesk โลด (Autodesk ขายแพงแน่นอน)