มีรายงานว่าคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC ได้ร้องขอให้แอปเปิลชี้แจงเพิ่มเติม จากประเด็นที่แอปเปิลระงับบัญชีนักพัฒนาของ Epic Games ก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมายดิจิทัล DMA ตลอดจนกฎหมายอื่นของสหภาพยุโรปด้วย
ก่อนหน้านี้แอปเปิลยืนยันว่าบริษัทใช้สิทธิระงับบัญชีนักพัฒนาในสวีเดนของ Epic Games ซึ่งมีผลไม่สามารถใช้งานในการพัฒนาเผยแพร่แอปได้ทั่วโลก ด้วยเหตุผลว่าที่ผ่านมาบริษัทมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถไว้วางใจได้ และการกระทำดังกล่าวศาลให้สิทธิรับรองเนื่องจากมีคดีฟ้องร้องกันอยู่แล้ว
ตามแผนนั้น Epic ต้องการใช้บัญชีนักพัฒนาในสวีเดนเพื่อสร้างสโตร์สำหรับดาวน์โหลดเกมรวมทั้ง Fortnite ในภูมิภาคยุโรป ตามที่ iOS 17.4 เวอร์ชันเป็นต้นไป มีการแก้ไขให้สามารถดาวน์โหลดแอปจากสโตร์ภายนอกได้ ภายใต้ DMA ของสหภาพยุโรป ซึ่ง Epic บอกว่าการระงับบัญชีนักพัฒนาของแอปเปิล เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย DMA
ที่มา: MacRumors
Comments
และแล้ววววววว
มหากาพย์เรื่องใหม่ ก็เริ่มขึ้น
ถ้า EU ปล่อยให้ Apple ทำเรื่องนี้ได้ชนะ หมายความว่า กฏของคุณเป็นแค่เศษกระดาษ เพราะสิทธิ์ในการเปิด หรือไม่ให้เปิด ยังคงอยู่ที่ Apple อยู่ดี คู่แข่ง หรือบริษัทที่มีความสัมพันธ์ไม่ดี ก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะ apple มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ ทำไปทำมา อาจจะให้มี store เล็ก ๆ ที่มี app ไม่กี่ตัว ที่อนุญาตให้เปิดได้เท่านั้น ใครจะรู้
อีกหน่อยคงฟ้องกันว่า เก็บเงินค่าไลเซนส์รายปี เป็นการกีดกันการเข้าถึง
รอดูได้เลยครับ มาแน่ Epic กับ Spotify เผลอๆผู้สร้าง Ruby on Rails จะแท็กทีมกันฟ้องแน่นอน
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าบริการเจ้าอื่นไม่สามารถแข่งขันราคาสู้กับบริการของ Apple ได้ เพราะบริการของ Apple เองไม่ต้องเสียค่ารายปีเหมือนเจ้าอื่นเลยทำราคาได้ถูกกว่า หรืออะไรทำนองนี้ ก็มีโอกาสที่จะโดนเหมือนกัน
สิ่งที่ EU ทำคือดีใช่ไหมครับ เห็นสั่งได้หมดทุกอย่างเลย
มาตราฐานด้านความปลอดภัยในรถยนต์ที่ก้าวหน้าก็กลุ่มยุโรปทำนี่แหละ
เคสที่ได้ประโยชน์กันทั่วหน้าก็ USB-C ใน iPhone นี่เห็นผลชัดมาก อุปกรณ์ที่พวก USB-C ต่อ DAC, USB Reader, HDMI หรือสายชาร์จที่เคยใช้ได้แต่ใน Android ตอนนี้เอามาใช้งานได้ทันที ไม่ต้องซื้อเพิ่มสำหรับ iPhone โดยเฉพาะ
ผมว่าน่าจะผิดนะครับ รถในยุโรปแทบไม่มีอะไรใหม่เลย การพัฒนาทั้งBMW และก็Mercedes-Benz ยังเทียบTeslaยังไม่ได้เลยครับ ทั้งระบบไฟฟ้าแบบใหม่อีก รถทั้ง2ของยุโรปยังเทคโนโลยีชาร์จไฟฟ้าก็ยังไม่ดีพอ แทมปีนี่ Teslaน่าจะออกรถไฟฟ้าชาร์ไฟฟ้าแบบเงาแล้วเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าได้แล้วนะครับ ส่วนIphone คนที่ใช้แทบจะไม่ต้องซื้อสายเพิ่มเลยแม้แต่นิดเดีนยวแค่คนใช้ Androidเท่านั้นและครับที่อยากชาร์จกับIphone ก็แค่นั้น มันแทบจะไม่มีราคาให้ใช้เลยด้วย
ในย่อหน้าแรก ผมพูดถึงมาตราฐานความปลอดภัย ซึ่งก็คือ Euro NCAP ที่เพิ่งมีอัพเดทเพิ่มเติมการทดสอบไปเมื่อวันก่อน
ส่วนเรื่องสาย USB-C ผมพูดในฐานะคนใช้ iPhone และ Android มันทำให้ผมประหยัดการหิ้วสาย และการซื้อสายไปได้เยอะมาก ผมปลดระวางสาย lightning ไปได้เกือบ 10 เส้น ไม่ใช่แค่แชร์สายชาร์จเท่านั้นนะ แต่คือใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้งานร่วมกัน ให้กลับมาใช้งานได้ ประหยัดเงิน และทรัพยากร เพื่อซื้ออุปกรณ์ lightning แยกต่างหากที่ใช้งานเพื่อ device เดียว แล้วทุกคนไม่ใช่แค่ EU ก็ได้ประโยชน์
แต่รู้สึกว่าน่าจะไม่มีสาย USB-Cแล้วนะครับเห็นเขาว่า จะใช้สายแบบใหม่เทคโนโลยีแบบใหม่ในการชาร์จ รู้สึกจะใช้เฉพาะ Iphoneรุ่นใหม่นี่ละครับ หรือใหม่ก็Ipadนี่ละครับ คงต้องรอดูว่าจะออกมาเป็นรูปแบบใด😂😂
เรื่องสาย usbc นี่ผมเห็นตรงกันข้ามนะครับ
เพราะฝั่ง android นี่อัด fast charge กันไป 60-120 วัตต์แล้ว ในขณะที่ iphone 15 ยังอยู่ที่ 20w
ความเร็วการชาร์จนี่ต่างกันเป็นทุ่งเลย
ผมเลยมองว่า การที่ผู้ใช้ android ไปชาร์จของ iphone แทบจะไม่ได้ advantage อะไรเพิ่มเลย
จะกี่ชาร์จเร็วหรือแรงจะมีหรือไม่มี จะใช้เคสชาร์จหรืออะไรก็ตาม มันน่าเบื่อมันควรเปลี่ยนได้แล้ว
ยุโรปกับเมกา แนวคิดแทบจะกลับด้านกันเลย
ต้องเข้าใจว่ายุโรปมันโลกเก่า คนเยอะ ทรัพยากรน้อย การไม่ผูกขาด กับความเข้ากันได้ เป็นเรื่องใหญ่ การจะเข็นเทคโนโลยีใหม่ๆต้องฝ่าด่าน Regulator หนัก
เมกามีทรัพยากรต่อประชากรสูงมาก พื้นที่กว้างใหญ่ แต่ละรัฐมีกฎหมายเป็นของตัวเองอีก Regulator ตามไม่ค่อยทัน
จริงเห็นหลายคนแปลกใจที่ iPhone ใช้ USB-C แต่เพราะ EU นี่ล่ะที่บังคับ ผลประโยชน์จึงมายังไทยด้วย
พี่APPLEเปลี่ยนได้ตลอดเวลาครับ เดาใจยากจริง😂😂
USB-C Apple เริ่มพัฒนามาจาก apple และ intel นะ ตามสไตร์ apple ใส่กลับหัวแบบ lighting ได้ ที่ยังไม่เปลียน เดาว่าสั่ง lighting ไว้แยอะ ยังใช้ไม่หมด
ผมว่ามันหมดยุคแล้วสำหรับสายชาร์จแล้วนะมันไม่ควรมีแล้วมันตกยุคที่แทบจะเบื่อแล้วสำหรับผม ผมว่าจะมีlighting เยอะหรือไม่เยอะหรือเคสชาร์จผมว่ามันก็ตกยุคหมดแล้ว คงต้องรอดูว่าปีนี่พี่APPLEแก้จะพัฒนาไปทิศทางไหนกัน
ดีครับ ทำให้แอปเปิ้ลรู้จักพัฒนาเทคโนโลยีบ้างครับ
ผมว่าก็ไม่นะ ไม่เกี่ยวกับสุดท้ายแล้วดีหรือไม่ดี
EU ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วดีไปหมด แค่มีอำนาจต่อรองเยอะ และตัว EU ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เค้าสั่ง
Apple ไม่ทำตามก็ได้แต่น่าจะขายของที่ EU ลำบากขึ้น
มันก็คือต่างคนต่างรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง โดยใช้อำนาจที่มีเป็นแต้มต่อ
เรื่องดีหรือไม่ดีแต่ละฝั่งก็ทำในสิ่งที่ดีที่ตัวเองชื่อมั่นนั่นแหละครับ และมันก็จะไม่ดีต่ออีกฝั่ง เลยบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี
ส่วนผมก็ผู้ใช้ไง ถ้าอะไรดีต่อผู้ใช้งานผมก็ว่าดีแหละ
หน้าต่าง cookie นี่หนึ่งในผลงานของ eu มีทั้งคนด่า และคนชม
สิ่งที่ทำคือดีครับเป็นช่องทางในการคานอำนาจธุรกิจใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของผู้บริโภคแน่นอนว่าทุกเรื่องไม่สามารถถูกใจทุกคนได้
เขาเริ่มสอบสวน เพราะมีประเด็น มีมูลเหตุ มีคนเรียก หรือฟ้องร้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะบอก Apple ให้ทำโน้น นี่นั่นได้ทันที
บางเรื่องเริ่มต้นการสอบสวน แต่กว่าจะสิ้นสุดและตัดสินจนจบกระบวนการ หลายเคสก็ปาไปเป็นปี หรือหลายปีด้วยซ้ำ
ถ้าทำตัวให้น่าสงสัย แล้วไม่สงสัย ไม่ดำเนินการอะไรเลย ผมมองว่า มันมีนอกมีใน หรือไม่ก็ขี้เกียจมากกว่านะครับ และมันผิดปกติวิสัยถ้าหน่วยงานไม่ทำงานทั้งที่ตั้งมาให้ทำหน้าที่นั้น
แบบนี้คือสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดแล้วหรือเปล่า
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
รอชม
เปิดให้พัฒนา ios app บน windows, linux ได้ นี่จะประเสริฐยิ่ง
การที่อียูจ้องกำจัดบาเรียร์ที่แอปเปิ้ลสร้างขึ้นเพื่อหาเงินอาจจะมีผลสะท้อน 2 แบบ
**แอปเปิ้ลอาจจะจนลงและทำให้คุณภาพของ ios ecosystem ลดลงจนกลายเป็นสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ไม่มีความแตกต่างกัน
หรือ
**แอปเปิ้ลอาจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น(ถ้าคุณภาพไม่ลดลงแม้รายได้น้อยลง) เนื่องจากบาเรียร์ต่างๆ หายไป จนไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้ไอโฟน เนื่องจากผู้นำตลาดย่อมมีสิ่งต่างๆซัพพอร์ตครบครันกว่า คล้ายๆกับที่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้พีซี เมื่อบาเรียร์ของแม็คคือกราฟฟิคจียูไอถูกทำลายลง สิ่งที่แม็คทำได้ พีซี+วินโดวส์ก็ทำได้
ใช่ นี่ดื้อที่ไม่ยอมใช้เพราะการปิดกั้นทั้งที่รู้สึกว่ามันน่าใช้ ถ้าเปิดมากพอก็คงยอมใช้
แอปเปิ้ลจะแก้ปัญหานี้ยังไง หรือจะเป็นจุดสิ้นสุดของแอปสโตร์โมเดล
เป็นไปได้มั้ยที่จะแยกเป็น 2 โมเดล พวกแรกคือแอปที่ทำตัวดีสามารถใช้เทคโนโลยีของแอปเปิ้ลได้ฟรี ส่วนอีกพวกก็เก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ต่อยูสเซอร์ไปเลย
แต่ก็ยังมีพวกไซด์โหลดแอบโหลดแอปเถื่อนจะตามเก็บเงินยังไง
อีปิค เป็น คนจุดประเด่นมาแต่แรกเลย แล้วโดนด้วย คราวนี้จะรอดไหม
แค่ apple กำหนดให้มาตรฐาน store ที่จะมาอยู่บน iOS สูงให้เท่ากับ apple แค่นี้ก็ตายแล้วครับ จะมีกี่ store ที่ผ่านบาร์ apple ได้ เช่นให้รีวิว security ด้วยมือทุกแอพ ใน store ห้ามมีแอพโคลน แอพละเมิดลิขสิทธิ์ แอพอีมูเลเตอร์ บลาๆ หากพบจะระงับทันที ถึงตอนนั้นถ้า eu ถาม ก็แค่ตอบว่าเราเปิดแล้ว แต่ไม่มี store ไหนทำถึงเอง เราเน้นความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นหลักและให้ความสำคัญกับระบบลิขสิทธิ์😆