Tim Sweeney ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Epic Games เปิดเผยว่าแอปเปิลได้แจ้งทาง Epic และคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission - EC) ว่าจะกลับมาเปิดการใช้งานบัญชีนักพัฒนาในสวีเดนของ Epic เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายดิจิทัล DMA ของสหภาพยุโรป ซึ่งเขาบอกว่า Epic ก็จะเดินหน้าให้บริการ Epic Games Store และนำ Fortnite กลับสู่ iOS สำหรับผู้ใช้ในยุโรปต่อไป
ก่อนหน้านี้ Epic Games เปิดเผยว่า แอปเปิลได้ระงับบัญชีนักพัฒนาของบริษัทในสวีเดน ด้วยเหตุผลว่าพฤติกรรมในอดีตของ Epic ไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าจะเกิดการละเมิดกฎอีกครั้ง เรื่องราวบานปลายเมื่อ EC ประกาศว่าจะเริ่มสอบสวนในประเด็นดังกล่าว จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แอปเปิลยอมจำนนนั่นเอง
Sweeney บอกว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกของกฎหมาย DMA และถือเป็นชัยชนะที่สำคัญ ของการมีอิสระสำหรับนักพัฒนาทั่วโลก ส่วนแอปเปิลชี้แจงว่าหลังจากได้หารือกับ Epic และบริษัทยืนยันว่าจะปฏิบัติตามกฎรวมทั้งกฎหมาย DMA จึงตัดสินใจเปิดบัญชีนักพัฒนาของ Epic ในสวีเดนอีกครั้ง
ที่มา: 9to5Mac, Epic Games
The DMA went through its first major challenge with Apple banning Epic Games Sweden from competing with the App Store, and the DMA just had its first major victory. Following a swift inquiry by the European Commission, Apple notified the Commission and Epic that it would relent…
— Tim Sweeney (@TimSweeneyEpic) March 8, 2024
Comments
โห นี่คือเหตุการณ์การสลายคุกแอปเปิลเลยนะ แล้วถ้ายุโรปทำได้ แล้วแอปเปิลไม่ยอมขยายไปอีกหลาย ๆ ประเทศ เดี๋ยวจะเกิดเหตุการณ์ถ้าแอปเปิ้ลไม่ทำ งั้นผมจะบังคับให้แอปเปิ้ลทำ เกิดขึ้นงานนี้รอครับ
คนจนเนี่ยนะจะบังคับในอาเซียน เนี่ยนะ คิดดีๆๆๆๆๆๆๆ เอาอะไรมาเทียบว่ะ
ครับแอดมินคนรวย
ครับ 🙂↔️
ส่ายหัวต่อไปครับ ผู้ถือหุ้นแอปเปิล
รวยให้สุดแล้วอนาคตจะได้สบายครับ 😂
สบายอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อไอโฟน แล้วยังต้องเป็นองครักษ์พิทักษ์แบรนด์อีก
พูดให้สวยๆก็ อิสระ แต่ใจจริงคือ เอาเงินมาเยอะๆ เอามาอีก เอามาให้หมด
นักพัฒนามีอิสระก็มีโอกาสทำเงินมีใครไม่อยากได้เงิน
ยุคทิมนี้ ถอยอย่างเดียว ไร้อำนาจการต่อรอง ไร้การเป็นผู้นำ แย่ๆๆ
ผู้นำต้องชนชนะอย่างเดียวหรือครับ
การรบโดยไม่ต้องรบเป็นวิธีทำสงครามที่ดีที่สุด ผู้นำที่นำองค์กรสู่สงครามโดยไม่คิดเจรจาเป็นผู้นำที่สิ้นคิดที่สุด การถอยไม่ใช่แพ้ลองกลับไปคิดดูใหม่ดีๆ สงครามสมัยใหม่เขาเน้นขู่และดูเชิง และส่งตัวแทนเข้ารบไม่ลงมือเอง ถ้าไม่ไหวก็ถอยตั้งหลัก
มองอีกด้าน Apple ดึงเกมเพื่อจะเอา Epic มาเจรจาอย่างเป็นทางการครับ คราวนี่ถ้า Epic นอกลู่นอกทางแบบไม่ระวัง คือผิดจากที่เจรจา Epic ก็โดนได้ครับแบบนี้ผมว่า Apple เตรียมมาดีครับ
เพราะถ้าไม่ทำอะไร Epic เลยเค้าก็มีบัญชีนักพัฒนาอยู่ดี ว่ามั๊ยครับ
บ้างที่ก็สงสาร เอเปิล โดนทุกทาง -
อ่าว ยกนี้จบเร็วจัง
หลายเคส Apple ก็ยอมความ/ยอมจ่าย ดื้อๆแบบนี้เยอะแยะเลยนะครับ จากประวัติที่ผ่านๆมา ยิ่งเจอพวก class action lawsuit นี่ก็ยอมจ่ายหมด
ที่เคยเห็นคือนานกว่านี้ครับ อย่างต่ำๆก็ 2-3 สัปดาห์
อยากสู้แบบไมโครซอฟต์เหรอครับ ผมว่าทิมคงไม่เอาหรอก
รออยู่เลยว่าจะสอบสวนผลเป็นยังไงจบไวกว่าที่คิด ไปบอกเขาไม่น่าเชื่อถือ "ไว้ใจไม่ได้" ตลกมากๆ รู้ตัวว่าโดนแน่เลยกลับลำ 5555+
เรื่องAppStoreนี้ Apple พลาดจริง คิดว่าจะกินฟรีไปได้ตลอด เลยไม่ได้ทำการลดความเสี่ยงกระจายรายได้ไปทางอื่นเลย คิดว่าตอนนี้แผนของapple คงท่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด จนกว่าจะหาทางกระจายรายได้ไปทางอื่น
มันก็น่าจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า ทางประเทศอียูไม่อนุญาตให้ผู้สร้างแพลตฟอร์มลงทุนกับแพลตฟอร์มเพื่อหากินจากค่าต๋ง ดังนั้นแอปเปิ้ลที่ลงทุนไปเยอะก็อาจจะเสียเปล่า กลายเป็นว่าใครๆก็จะสามารถมาทำมาหากินกับแพลตฟอร์มหรืออีโคซิสเต็มของแอปเปิ้ลได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน ถ้ากิจการหรือแอปใดเป็นของแอปเปิ้ลเองกำลังแข่งกับเจ้าอื่นๆ แอปเปิ้ลจะต้องระวังจะโดนฟ้องถ้าเอื้ออำนวยกับกิจการหรือแอปของตนเองมากไป ดังนั้นแอปเปิ้ลจะต้องไปหารายได้จากทางอื่นมาจุนเจือเพื่อความอยู่รอด มิน่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ถึงรีบขายหุ้นแอปเปิ้ลออกมา
แอปเปิ้ลจะอยู่รอดผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้หรือไม่ หรือนี่จะเป็นสัญญาณของการล่มสลาย
แอปเปิลอยู่รอดแน่ ๆ แต่น่าจะตายคือตลาดมือถือกลางลงมามากกว่า ถึงแม้จะลงทุนไปมาก แต่ R&D จะยังคงเป็นมูลค่าในอนาคต (อย่าลืมว่า MS ตายไปจากตลาดอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กไปแล้ว อันนี้สูญจริง) แอปเปิลสามารถยอมหั่นราคา ลดกำไรออกมือถือรุ่นถูกมาได้นะครับ คุณภาพ OS คุณภาพฮาร์ดแวร์ก็เหนือกว่าทุกเจ้าในตลาด ไม่ก็เอา iphone 15 ตัวเริ่มต้น หั่นราคาลงอีก + OS ที่เปิดขึ้น กินราบกว่าเดิมได้อีก
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
แต่ตลาดมือถือกลางลงมาก็ใช้ store ของ google นะครับ
มีแค่ amazon กับ samsung (แล้วก็ huawei) ที่มี store
คือมือถือระดับกลางมันไม่สามารถเก็บค่าต๋งอะไรได้ตั้งแต่แรกล่ะ
ง่ายสุดก็เปลี่ยนไปเก็บที่toolแทนแหล่ะ เก็บพวกบ.ขนาดใหญ่แพงๆแบบที่พวกเอนจินทั่วๆไปทำ ก็น่าจะพอแทนรายได้ที่หายไปได้พอสมควรแหล่ะ
เค้าเก็บค่า dev account ปีละ 100 เหรียญอยู่แล้วครับ
น้อยมากนะ เรียกว่าไม่เก็บจะถูกกว่า
เก็บแบบUE ที่เก็บเป็น % ของรายได้ก็เอามาแทนได้เยอะอยู่
ถูกเกินนะครับ สำหรับองค์ใหญ่ๆ เศษเงินเลย
้เออ ... เข้าใจเจตนาจริงๆของ EU ใช่ไหม ? เค้าไม่ได้ห้ามเก็บ % นะ เก็บได้ แต่ต้องมีทางเลือกอื่นให้ลูกค้า ต้องมีการแข่งขัน
ส่วนตัวดูจากการทำงานของ แพลตฟอร์ม คิดว่าของมันควรเหมือน cloud ประเภทนึง
แบบคิดราคาตาม HDD, network ที่ใช้
ถ้าไฟล์แอปใหญ่ ก็แพง
ถ้าคน load เยอะ ก็จ่ายค่า bandwidth เพิ่ม
แต่โมเดลนี้กำไรน่าจะไม่อู้ฟู้เท่าเก็บ % เลยไม่ทำกันตั้งแต่แรก
ผิดอยู่อย่างตรงที่ "โดยไม่ต้องเสียเงิน" ครับ อันที่จริง EU ไม่มีปัญหาอะไรกับการเก็บเงิน แค่ที่ผ่านมา Apple เลือกที่จะไม่เก็บเอง (หรือเก็บน้อย) ผมก็ยังงงๆอยู่ว่าไปทวงบุญคุณกับ Spotify ได้ยังไงทั้งที่ตัวเองไม่เก็บเองแท้ๆ
ที่ Apple อยู่ได้โดยที่ไม่เก็บเงินก็เพราะไปเก็บเงินเอากับบริการอื่นแทน และที่ทำแบบนั้นได้ก็เพราะ Apple บังคับให้ใช้บริการอื่นพ่วงด้วยนั่นแหละครับ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วน่ะนะ
เพราะงั้นถ้า Apple จะปรับเปลี่ยนให้เก็บเงินตรงกับบริการที่ใช้ มันก็ไม่ปัญหาอะไรครับ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าตั้งแพงไป คนก็จะหนีไปใช้อย่างอื่น (ด้วยกฎหมาย EU ทำให้ทำแบบนั้นได้ง่ายขึ้น) หรือไม่ก็อาจเกิดส่งผลเสียอื่นๆแทน เช่น แอปไม่ยอมอัพเดทกัน
แน่นอนว่ากำไรของ Apple ก็ลดลงให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น (คือได้เงินตามบริการที่ให้) จากเดิมทีที่ได้กำไรส่วนเกินจากบริการที่ไม่ได้ใช้ด้วย (เช่น บางแอปที่ไม่ได้อัพเดทหรือคนไม่ได้โหลดเยอะขึ้น แต่มี IAP ต่อเนื่องเยอะๆ) เพราะงั้นก็ไม่ถึงขั้นล่มสลายหรอก แต่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายทั้งของจริงและโซเชียลคงไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่บริษัทอาจจะตกอันดับเรื่องกำไรสูงสุดไปก็เป็นได้
สู้กับอียู มีแต่จะเสียเงินค่าปรับ