จากคดีที่ Valve โดน Wolfire ผู้พัฒนาเกมยื่นฟ้องข้อหาผูกขาดตลาดโดยกล่าวหาว่า Steam ใช้สถานะเจ้าของแพลตฟอร์มเบียดบังคู่แข่งและควบคุมราคาวิดีโอเกมส์อย่างไม่เป็นธรรม ซึ่ง Valve พยายามยื่นขอให้ยกฟ้อง แต่ในเดือนพฤษภาคมปี 2022 ศาลตัดสินว่าคดีสามารถดำเนินต่อไปได้ และเข้าสู่กระบวนการค้นหาข้อมูลประกอบคดีเพิ่มเติม ในช่วงนี้มีการเปิดเผยเอกสารภายในจำนวนมากจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง
เอกสารที่เปิดเผยบางส่วนมีการโต้ตอบระหว่าง Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games กับ Gabe Newell ซีอีโอ, Scott Lynch ซีโอโอ และ Erik Johnson ผู้จัดการโครงการของ Valve ที่ค่อนข้างดุเดือด ในช่วงที่ Epic Games Store กำลังจะเปิดตัว และกำลังมีปัญหากับ Apple
โดย Tim เคยส่งเมล์หา Valve ในปี 2017 ว่า ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม 30% บน Steam ดูสมเหตุสมผลในช่วงแรก ๆ แต่ปัจจุบันสเกลของแพลตฟอร์ม Steam นั้นใหญ่ขึ้นมาก ต้นทุนการดำเนินงานลดลง ในขณะที่อัตราการออกเกมใหม่ที่มีจำนวนมากและวางขายเร็ว ทำให้มูลค่าทางการตลาดและการเข้าถึงผู้เล่น (User Acquisition) ที่ร้านค้ามอบให้ แก่ผู้พัฒนาเกมนั้น ไม่ได้สอดคล้องกับค่าคอมมิชชั่นที่เรียกเก็บอีกต่อไป
Tim คิดว่า Valve น่าจะได้รับกำไรจากเกมเหล่านี้มากกว่ากำไรที่ผู้พัฒนาเกมทำเอง เหตุผลมาจากค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม 30% ของ Valve, ค่าการตลาดอีก 30% และค่าเซิร์ฟเวอร์/ค่าใช้จ่ายเครื่องมือ 15% รวมแล้วระบบหักไป 75% เหลือเพียง 25% ให้คนที่สร้างเกมจริง ๆ ซึ่งเลวร้ายกว่าการขายแผ่นเกมผ่านร้านขายปลีกในยุค 90s ซะอีก
แต่กระนั้น Valve ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใดจึงเป็นเหตุให้ Tim เดือดหนักกว่าเดิมในช่วงเดือนธันวาคม 2018 ช่วงเวลานี้ Valve ได้ปรับเปลี่ยนระบบแบ่งรายได้ โดยลดค่าคอมมิชชันให้เกมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดลงเหลือเพียง 20% ในขณะที่ Tim กำลังเตรียมเปิดตัว Epic Games Store และเตรียมต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาดระหว่าง Epic กับ Apple (ที่ตอนนี้ก็ยังไม่จบ)
Tim ส่งอีเมล์ไปยัง Gabe Newell และ Scott Lynch อีกครั้ง และชี้แจงปัญหาที่เขามีกับ Apple ก่อนที่จะแจ้งถึงการเปิดตัว Epic Games Store ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Steam ด้วยค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มแบบคงที่ 12% โดย Tim ต้องการให้ Valve ตอบสนองต่อเรื่องนี้ เพราะมันจะช่วยเสริมจุดยืนของ Epic ในการต่อสู้กับ Apple แต่ดันเปิดประโยคด้วยคำด่า Valve, Gabe Newell และ Scott Lynch ว่าเป็นไอ้สารเลว (Asshole) ที่กำลังมีอำนาจเหนือตลาดในขณะที่นักพัฒนาเกมรายย่อยต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 30%
วันต่อมา Scott Lynch จึงเมล์ตอบกลับ Tim Sweeney ว่า “พี่เป็นบ้าเหรอ? (You mad bro?)”
ปัจจุบันคดีความระหว่าง Wolfire และ Valve ยังไม่สิ้นสุดลงแต่ก็มีข้อสงสัยว่า Wolfire มีใครเป็นนายทุนให้หรือเปล่า เพราะ Wolfire เป็นบริษัทขนาดเล็กและการดำเนินคดีในระดับนี้มีราคาแพงมาก
ที่มา - Game Discover Co via PC Gamer
Comments
ชอบเมล์ตอบของ Scott
ตอนที่มี launcher/store เยอะ คนเล่นก็ด่าว่าทำไมไม่ลงสตีมกัน
พอลง steam ก็หาว่าผูกขาด
... ตลาดเกมเอาใจยาก
ตอนนี้อุตสาหกรรม Streaming Platform กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน 555
ปัญหาคือเกมเราจ่ายเงินทีเดียว เกม exclusive เราก็แค่ย้ายฝั่งจ่าย แต่ streaming platform มันจ่าย subscription นี่สิฮะ
เปิดมาหลายปี.. ยังไม่กำไรมั้งครับ epic หน่ะ
ผมว่าตอน Unreal Tournament ก็น่าจะได้ไปเยอะอยู่นะ
ยิ่งเป็นผู้ผลิตเอนจินที่ AAA เลือกใช้กันด้วย ก็น่าจะทำเงินได้เยอะอยู่นะครับ ไหนจะฝั่ง Virtual Production อีก
ปล. ผมรู้แหละว่าหมายถึง Epic Games Store
ทำไมไม่นัดต่อยกันให้จบๆ
แอบเห็นด้วยเล็กน้อย Steam กินตลาดแทบจะเบ็ดเสร็จเลย ค่าธรรมเนียม 30% ถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับรายย่อย มันควรลดเหลือ 20% ได้แล้ว 25% ก็ยังดี ผมกล่าวในมุมมองของผู้ประกอบการที่ไม่ได้มีความเข้าใจในโครงสร้างระบบของ Steam รวมไปถึงเทคโนโลยีย่อยที่ Valve ได้ร่วมพัฒนาและทำให้ชุมชนเกมดีขึ้น เช่น Proton และ DXVK แต่วิธีการของ Epic Games พยายามต่อกรก็ไม่ได้ขาวสะอาด และ Steam ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นด้วย Mob Mentality เลยเข้าข้าง Steam ส่วนใหญ่แต่ตัวเอง (หรือผู้ประกอบการ กรณีที่ผู้ประกอบการเลือกที่จะรับภาระไว้เอง) ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น
ทำไม steam ไม่ยอมให้มี store นอกบ้าง
ถ้าเอานิยามจาก EU แล้ว Steam ไม่ใช่เจ้าของอุปกรณ์ที่ครองตลาดเบ็ดเสร็จ และ Steam Deck เองไม่เคยปิดไม่ให้ติดตั้งสโตร์นอกลงบนอุปกรณ์ตนเอง (ขอแค่ทำให้รันบน Linux ได้ก็พอ) และ Steam Deck ก็สามารถติดตั้ง Windows ได้
แต่ถ้าหมายถึงการเอาสโตร์นอกเข้ามาในแพลตฟอร์ม Steam แล้ว Valve เองก็ไม่ได้ห้ามเช่นกัน แค่จะโดนเก็บค่าต๋งหน้าบ้าน รายแรกที่ Partner แล้วก็ EA เลย ที่สามารถซื้อ EA Play แล้วเล่นกับ Steam ได้ และ Valve ก็ไม่ได้มีกฎห้ามพ่วงสโตร์อื่นเข้ามาในเกมที่ขายบน Steam และก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ชำระค่าบริการในเกม (IAP) ข้างนอกอีกด้วย
มันเป็นเรื่องดีกับนายไม่ใช่เหรอ ยิ่งเก็บเยอะ 40% 50%
ผู้พัฒนาเกม ก็มีแนวโน้มไป Epic Games Store
คงไม่ได้อยากเปิดเท่าไหร่ 😂 อาจจะมองว่าเปิดก็เป็นค่าใช้จ่าย ไม่ใช่รายได้
ผมรู้สึกว่าแทคติคของ epic นอกจากแจกของฟรี ก็มีการทำให้ผู้นำตลาดดูเป็นผู้ร้ายครับ จะลดตามหรือไม่ลดก็ไม่เป็นประเด็น (เว้นแต่ของแอปเปิ้ลเพราะมันโดนผูกขาดโดยระบบ)
คุ้นๆ ว่าช่วงเปิดตัว epic game store ก็ด่า valve ไปเยอะเหมือนกัน แต่คนด่า epic เพราะทำ store+launcher ห่วย แถมยังชอบ exclusive เกมที่เคยประกาศจะลง steam (แต่ทุกเกมตอนนี้มันก็ต้องลง steam อยู่แล้ว tbf)
อยากโค่น Steam ไม่ยากเลยครับ คุณก็ไปทำ Epic Store ให้ดีสิ
That is the way things are.
อันนี้จริง ขนาดแจกเกม AAA พักหลังผมไม่เคยไปรับเลย
ระบบห่วยเกิน โหลดก็ช้า
เห็นด้วยครับ