Sarah Bond ประธานของ Xbox ส่งอีเมลถึงพนักงานในธุรกิจเกม เพื่ออัพเดตความเคลื่อนไหวธุรกิจในโอกาสครบ 6 เดือนหลังการซื้อกิจการ Activision Blizzard เสร็จสิ้น อีเมลนี้หลุดออกมายัง Windows Central และโฆษกของไมโครซอฟท์ยืนยันว่าเป็นของจริง
เนื้อหาในอีเมลของ Sarah Bond มีเนื้อหาหลายอย่างดังนี้
- พูดถึงฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ของ Xbox ว่าตั้งเป้าให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเจ็นก่อนหน้าอย่างที่ไม่เคยมีคอนโซลไหนทำได้มาก่อน (the biggest technological leap ever in a generation) ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยประกาศไปแล้ว
- กำลังทดสอบการใช้งาน AI ในธุรกิจเกม โดยโฟกัสที่ผู้เล่นและนักพัฒนาเป็นหลัก (player-first, developer-first)
- กำลังควบรวมเกมของ Activision Blizzard King เข้ากับบริการในเครือ ตอนนี้ Xbox กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้เล่น Diablo IV เยอะที่สุดแล้ว หลังเกมลง Game Pass
- ตั้งทีมใหม่เพื่อทำด้านการอนุรักษ์เกมเก่า (game preservation) โดยเฉพาะ เพื่อการันตีว่าเกมในเครือ Xbox จะสามารถนำไปเล่นได้เสมอในอนาคต โดยอิงจากพื้นฐานเรื่อง backward compatibility ที่ทำไว้ดีในช่วงก่อนหน้านี้
ที่มา - Windows Central
Comments
รอ AI ใช้ในวงการเกมอยู่ เจ้านี้น่าจะทำได้ครอบคลุมที่สุดแน่ๆ
dev แค่แข่งกันเองก็แทบตายอยู่แล้ว ยังต้องแข่งกับอดีตของตัวเองอีก
หัวข้อการอนุรักษ์เกมเก่าตอนนี้มันเป็นเรื่องเกม “digital only” “การปิด store” และ ”เกมที่ต้องการเชื่อมต่อ server”
สิ่งที่ค่ายเกมต่างๆ ควรทำคือ
1. ปฏิญญาว่า เกมที่ขายแบบ digital จะต้องเป็นของ ลค จริงๆ อยาก dl เมื่อไหร่ก็ต้องได้ ถ้าจะปิด store หรือ delist ก็ต้องมีทางออกให้ลูกค้า เช่นปลด drm
2. เกมที่ต่อ server หากจะปิด server ก็ควร open source server
ไอ้ให้เครื่องใหม่เล่นเกมเก่าได้ มันก็ดี แต่ไม่จำเป็นครับ commu เขาหาทางเองได้
ข้อหนึ่งนี่ก็ร้าน gog เลยครับ
พวกเกม console ไงครับ
ในทางปฎิบัติค่อนข้างยากนะ ถ้าจะปลด drm ต้องมี source access ก่อน ต้องทำ qa ใหม่ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ทางผู้ผลิตไม่ยอมแน่ ๆ เพราะว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรจากลูกค้าเลย
ส่วน open source ตัว server นี่ก็ยากเพราะอาจจะใช้ component ที่เปิดโค๊ดไม่ได้ (เช่นของ 3rd party)
เอาจริง ๆ ผมคิดว่า ... คนเล่นควรจะ move on จากเกมเก่าที่ปิดให้บริการ เพราะในแง่นึงการที่เค้าปิดบริการก็เพราะว่าคนเล่นเองมีจำนวนไม่มากพอที่จะทำให้มันคุ้มทุน
คิดซะว่ามีภรรยาสักคน จ่ายเงินจีบก็เยอะ สินสอดก็เยอะ ถึงเวลาเค้าบอกว่าเค้าหมดเวลาแล้วต้องกลับดาว คุณก็ต้องปล่อยเขากลับดาวไม่ใช่เอาชิ้นส่วนมาหลอมมนุษย์ใหม่อ่ะครับ
มันคือการ preservation ครับ พูดง่ายๆ ก็เหมือน “พิพิธภัณฑ์”
การทำทั้งหมด จริงๆ มันทำได้ครับ การใส่ drm มันไปอยู่ที่เจ้าของ store อยู่แล้ว ส่วน server ยุคนี้อาจจะไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น dependecy อื่นๆ ก็น่าจะเป็น open source อยู่แล้ว
ที่พูดคือในมุมมองของผม การทำให้เครื่องใหม่ เล่นเกมเครื่องเดิมได้ แม้จะดีบ้าง แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่วงการ preservation กำลังเจอตอนนี้ (และในความเป็นจริง ถ้ายังใช้ x86 ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรมาก)
ล่าสุด นินเทนโดเพิ่งปิด shop 3ds/wiiu ไป เกม digital only จำนวนมากก็จะหายไปเลย แถมฟังก์ชั่นหลายอย่างของ wiiu ก็ใช้ไม่ได้ คอมมูก็เลยทำตัว pretendo เพื่อเอามาทดแทน server จริง
ผมเห็นด้วยทุกอย่างเลยจนกระทั่งมาถึงการบอกผู้เล่นให้ Move-on นี่แหละ ผมในฐานะที่เป็นทั้งผู้เล่นและ Developer ผมเข้าใจทั้งสองฝั่งเลย เพราะ Live Service หลายเกมก็ทำมาดีมากและเราอยากเล่นต่อไป อย่าง RAN Online นี่เปิดเซิร์ฟ 3rd Party (หรือที่นิยมเรียกว่า เซิร์ฟเถื่อน) กันมาไหนต่อไหน แถมกำลังเขียนใหม่ให้เป็น Open-source ด้วย ก็เพราะว่าเกมมันสนุกและน่าจดจำ และเราคงไม่อยากให้มันหายไปไหน
เรื่องของกระบวนการ Open-source บางทีมันก็ไม่ต้องตายตัวขนาดนั้น เพราะอย่าง DOOM เองก็ไม่ได้เป็น Open-source 100% ตอนที่เปิดซอร์สเพราะข้อตกลงกับ Third-party ที่ไปเจรจาได้สำเร็จ จนกระทั่งเอาออกไปได้และแทนที่ด้วย Open-source Implementation และซอร์สของ DOOM เองนั้นก็ค่อนข้างจะ Modular มาก ถ้าผู้พัฒนาใส่ใจผู้เล่นจริง ๆ สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่เอื้ออำนวยต่อการเปิดซอร์สทีหลังมันก็สามารถทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในทางปฏิบัติมักไม่ทำด้วยเหตุผลของกระบวนการทำงานขององค์กรที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ถ้าเป็น Indie Live Service ก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไร แต่ถึงกระนั้นเราก็สามารถเขียน Middleware Interface ให้กับซอฟต์แวร์ได้ และถอด Third-party ออกแล้ว Open-source ทีหลัง ปล่อยให้ผู้เล่นที่รออยู่ข้างหลังไปเขียนเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปก็ทำได้เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่า Development Cost ตรงนี้ปวดหัวกับทั้งฝ่าย Project Lead และก็ฝ่าย Executive ที่ต้องมาเสียเวลาเพิ่มกับส่วนที่ไม่ได้ก่อประโยชน์ให้กับองค์กร แต่เป็นสิ่งที่เชิดชูจริยธรรมขององค์กรที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งก็ต้องให้องค์กรเหล่านั้นไปตัดสินใจอีกที แต่มันทำได้อย่างแน่นอน