แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่ของจีน เช่น Tencent, Douyin, Kuaishou, Sina Weibo, Bilibili, และ Xiaohongshu (คล้าย Instagram) ประกาศนโยบายแบนการอวดรวย โดยหลังจากประกาศนโยบายนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตอนนี้ก็เริ่มมีบัญชีที่ผู้ติดตามจำนวนมากถูกแบนกันแล้ว
บัญชีที่ถูกแบนเช่น บัญชี wanghongquanxing บน Douyin ของ Wang Hongquan ที่ทำวิดีโอโชว์เครื่องประดับจำนวนมาก มีผู้ตามถึง 4 ล้านราย, บัญชี Bo Gongzi ที่มักโชว์กระเป๋า Hermes แลกของขวัญกับแฟนหนุ่มของเขาทีละนับล้านบาทบน Douyin จนผู้ติดตามมากกว่า 3 ล้านราย, Baoyu Jiajie ไฮโซหญิงวัย 50 ปีที่มักทานหอยเป๋าฮื้อครั้งละเป็นแสนจนได้ชื่อว่า Sister Abalone ผู้ติดตาม 2.3 ล้านคน
Weibo ระบุว่าแบนหรือระงับบัญชีชั่วคราว รวม 27 บัญชี ลบโพสไปแล้ว 1,110 โพส ขณะที่ Tencent ลบ mini program ไป 21 โปรแกรม แบนบัญชีไป 36 บัญชี และลบโพส 6,041 โพส Douyin ลบโพส 4,701 โพสและจัดการบัญชีไป 11 บัญชี
บัญชีที่ถูกแบนและมีการเปิดเผยออกมาเป็นบัญชีไฮโซจีนที่มักโชว์ชีวิตหรูหรา บ้านขนาดใหญ่, กินอาหารราคาแพง, และเครื่องแต่งกายแบรนด์หรู แม้การประกาศนโยบายครั้งนี้จะเป็นการประกาศโดยตัวแพลตฟอร์มเอง แต่การที่แพลตฟอร์มต่างๆ ออกนโยบายในเวลาเดียวกันหมดก็แสดงให้เห็นว่าแนวทางนี้น่าจะเป็นนโยบายรัฐบาล
ที่มา - Channel News Asia, Global Times, South China Morning Post
ภาพโดย MarieXMartin
Comments
กำลังพยายามจะปิดบังไปทำไมนะ ลดความอิจฉาหรอ
เหมือนเคยได้ยินว่าเป็นนโยบายของรัฐที่ลดการให้ค่าการอวดรวย
ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าปิดบังหรืออิจฉานะครับ
แต่น่าเรื่องค่านิยมแหละ คือไม่ได้ส่งเสริมค่านิยมอวดรวย
น่าจะกังวลการเลียนแบบน่ะครับ เดี๋ยวส่งผลต่อเศรษฐกิจส่วนบุคคลและต่อประเทศในระยะยาว
น่าจะป้องกันคนเลียนแบบนะครับ ซึ่งบ้างคนไมไ่ด้รวยจริง แต่เห็นคนรวย ก็อยากทำตามบ้าง ถึงจะสูญเสียอะไรไปเยอะ
แต่ก็ดูจะป้องกันปลายเหตุไปหน่อย
คงแบบนั้นครับ ฮ่าๆ
รัฐคงควบคุมประชากรให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแล้วอยากได้ของแบบคนอื่น ปล่อยชาติตะวันตกไปอีกหน่อยคนจะเจ๊งๆ ล้มละลายกัน
นโยบายแปลกๆ เหมือนเลือดในเกมต้องห้ามสีแดงไรงี้ก็ยังมีออกมาสำหรับจีน ชั่วโมงเล่นเกมเด็กก็จำกัด ถูกคุมไปหมด
น่าจะเจอสัญญานหนี้ครัวเรือนพุ่งครับ เดี๋ยวจะเป็นแบบเรา เพราคนทำตาม ส่วนมากจะกู้เงินเพื่อมาอวดบ้างจนตอนนี้ชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นแถบๆ
ถ้าทำแบบนี้ในบ้านเรา platform จะเหลือกี่บัญชีนี่ ที่ยังรอด
บ้านเราก็น่าทำนะครับ ทุกวันนี้หนี้เสีย หนี้ท่วม
บน social platform ถ่ายรูปลงกันรัวๆ
คนที่คิดว่าใกล้ๆกันก็มองในมุมว่าอยากทำบ้างหรือ ทำไมคนนี้ทำได้ เราจะทำไม่ได้ ตำแหน่งก็ใกล้ๆกัน รายได้ก็พอๆกัน
สิ่งดีๆ บางทีขัดใจคนส่วนใหญ่, เอาจริงๆการอวดรวยก็ ทำให้เกิดคติของมันต้องมีเหมือนกัน
ความอวดรวยก็เป็นtoxicอย่างนึงมีทั้งคนรำคาญมีคนอิจฉาบางคนก็น้อยใจตัวเองเห็นคนอื่นมีตัวเองไม่มีไม่ได้เกิดพลังงานบวกใดๆกับสังคมแบนๆไปก็ดีเหมือนกัน
ตั้งแต่มี social media กับ smartphone สังคมเปลี่ยนไปเยอะมาก คนเปรียบเทียบตัวเองกับกลุ่ม 1% อยู่ตลอดเวลา เพราะแค่เปิดโทรศัพท์มาก็เห็น นั่งดูอยู่ทั้งวัน สร้างความอิจฉา การใช้เงินเกินตัว อาชญากรรม และโรคซึมเศร้า
ปัญหาทางสังคม และการเมืองในหลายๆประเทศก็มาจากแอพพวกนี้แหละ
ผมไม่เห็นด้วยกับมาตรการทางสังคมของจีนหลายอย่าง แต่อันนี้ผมว่าแนวคิดมาถูกทาง แต่คิดว่าลด reach ก็พอแล้ว
รวยแต่เสื่อม ไม่มีค่าอะไรกับสังคม เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีสมควรโดน ใช้อิสระภาพอย่างไร้ค่า
เขาไม่ได้ห้ามเพราะเสื่อมนะครับ ห้ามกระทั่งอวดความสำเร็จส่วนบุคคลครับ (ในวงการเรา ดู Jack Ma เป็นตัวอย่างก็ได้ครับ)
เขาควบคุมคนที่สามารถส่งผลต่อความคิดของคนหมู่มากครับ ถ้าคุณได้อยู่ในจีน ทำธุรกิจในจีนนานพอ จะเข้าใจได้เองในเรื่องการโดนกำกับดูแลความสำเร็จครับ
ความสำเร็จของบุคคล จะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเริ่มพยศครับ
รัฐบาลไม่ยอมให้มีผู้ที่อาจเติบโตจนมีอิทธิพลต่อวิธีคิดของผู้คนหมู่มากเกิดขึ้นหรอกครับ เพราะเมื่อคนหมู่มากโหยหาเสรีภาพ เมื่อนั้นคอมมิวนิสต์จะล่มสลายครับ
หลังจาก Alibaba เป็นต้นมา ตอนนี้ไม่ว่า Tencent Xiaomi BYD ByteDance ฯลฯ บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีนทั้งหมด ถุูกสั่งห้ามอวยความสำเร็จของ Founder และ/หรือผู้บริหารไม่ว่าจะระดับใด เพราะมัน influence ผู้คนได้ครับ
คุณสามารถค้นหาได้ว่าพวกเขาเป็นใคร มีอะไร ยังไงบ้าง (แบบหยาบๆ หลวมๆ) แต่คุณจะแทบหาไม่ได้ ที่พวกเขาจะขึ้นเวทีหรือพูดอะไรออกที่ไหนๆ เพื่อ inspire คนอื่นครับ (อย่างที่ Jack Ma เคยทำ)
เห็นด้วยเลยว่าหลักๆคือกีดกันการครอบงำของคนมีชือเสียงโดยเฉพาะกลุ่มที่มีอำนาจกับเงินในมือเยอะๆอย่างพวกเศรษฐีทั้งหลายแหล่
Kuaishou แอพนี้อ่านว่ายังไงครับ
ไม่กล้าออกเสียงเลย😅
เห็น Google มันอ่านว่าควายโชนะครับ และชื่อที่ใช้ทำตลาดนอกจีนคือ Kwai ซึ่งดูจะใกล้เคียงกับควายมากกว่า
ขอบคุณมากครับ
ปิด TikTok ไปเลยก็ได้ง่ายดีไม่ต้องปิดบัญชี
ในจีนใช้ TikTok ไม่ได้อยู่แล้วครับ...
คนตามเยอะแบบนั้นคงมีรายได้เข้า sponsor เยอะ รวยเกินหน้าเกินตา ตัดช่องทางหารายได้ด้วยอีกทางทาง
ใครรู้ ai จีนไปถึงไหนแล้วครับ
ดึงออกข้อมูลออกมาตามใจชอบ ผมว่าน่าจะล้ำกว่าชาติตะวันตกแล้ว
แต่ไม่เปิดเผย
รู้สึกจะมีวัฒนธรรมตรงข้ามนะ จำได้ว่า Gen Z ในจีนเค้าชอบบริโภคของถูกแล้วโพสต์ลง douyin จนโดนแบน ผมจำชื่อไม่ได้ละว่าวัฒนธรรมอะไร
เห็นด้วย บางคนนี่ในโซเชี่ยลอวดรวยฉิบหาย แต่ยืมตังค์คนอื่นแล้วไม่ยอมคืนสักที
ใช่เลย เพื่อนผมนี่แหละ ทุเรดจริงๆ
The Last Wizard Of Century.
ทำแบบนี้ยังเรียกว่าเพื่อนอยู่อีกหรอครับ 😅
เล่าให้ฟังเฉยๆ เหตุผลหนึ่งที่หลาย platform เริ่มปิดกั้นการทำงานในบางรูปแบบก็เพราะมีผลการวิจัยเบื้องต้นศึกษามาแล้วว่า การใช้ social media มีผลต่อพฤติกรรมของคน ทั้งนี้เนื่องจาก การพัฒนา social media ในยุคแรกๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาจากหลักการทางจิตวิทยา ที่ออกแบบมาแล้วว่าถ้าทำแบบนี้จะทำให้คนติด แต่มันมีผลข้างเคียงที่เกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปด้วยซึ่งในหลักการนั้นไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบในวงกว้างเอาไว้
เห็นด้วยจ้า
The Last Wizard Of Century.
ผมอยู่นอก social มานาน เลยประเมินไม่ค่อยออกว่าบ้านเรานี่หนักแค่ไหน
..: เรื่อยไป
ตามบ้านนอกคือถ่ายคลิปตบกันครับ ขนาดเป็นพวกเดียวกันก็ยังหาเรื่องตบ ไม่รู้ว่าจะตบเพื่ออะไร ตบเสร็จวันต่อมาเดินเล่นด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเป็นข่าวพวกครูเดือดร้อนกันทั้งโรงเรียน ไม่สิ ผมว่ายันเขตอะครับ
ทำไมคอมเม้นท์มองว่าเป็นเรื่อง make sense หล่ะเนี่ย - -*
ต่อให้ไม่ชอบซูเนโอะ แต่ออกกฏแบนซูเนโอะ มันปกติตรงไหนเนี้ย
บูม ทาริส กับ อู๋ สปิน 9 ไม่ชอบใจสิ่งนี้
โดยพื้นฐานครอบครัวของทั้งคู่ก็มีฐานะอยู่แล้วนะครับ ทั้งคุณบูม แล้วก็คุณอู๋ แล้วรายได้จากการ tie-in สินค้าต่อครั้งก็เป็นหลักหลายแสนต่อครั้ง รวมงาน production ด้วย ดังนั้นรายได้ต่อปีของเขาน่าจะเกินหลักสิบล้านขึ้นไปต่อปีอยู่แล้วส่วนเรื่อง life style ของเขาก็เป็นเป็นปรกติของคนมีเงินเขาก็จะใช้สินค้าในเกรดที่เขาคิดว่าเขาสามารถซื้อได้ อีกอย่างหนึ่งโดยส่วนใหญ่คนที่ทำ Personal Branding ของตัวเองก็จะมีบริษัทของตัวเองเพื่อสะดวกในการชำระภาษี แล้วซื้อสินทรัพย์ในรูปของบริษัทเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษี ซึ่งการซื้อสินทรัพย์ในรูปบริษัทมันมีสิทธิประโยชน์เยอะแยะ รวมถึงหักค่าเสื่อมได้ เขาก็ซื้อเต็มกำลังทรัพย์ หรือตามกรอบกฎหมายนั่นแหล่ะครับ เพื่อไปใช้ลดหย่อน หรือหักค่าเสื่อม