รัฐบาลจีนตั้ง China Integrated Circuit Industry Investment Fund (ICF) กองทุนสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมชิปเป็นกองทุนที่สาม และนับเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุด มูลค่า 344,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท
ICF ก่อตั้งครั้งแรกในเฟสหนึ่งเมื่อปี 2014 มูลค่าประมาณ 7 แสนล้านบาท เฟสสองเมื่อปี 2019 มูลค่า 1 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมาลงทุนในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์จของจีนหลายบริษัท เช่น SMIC, YMTC, Tsinghua Unigroup, และ ZTE
แม้ว่าจะยังไม่มีแนวทางการลงทุนเผยแพร่ออกมา แต่ Reuters ก็ระบุว่ากองทุนรอบนี้เตรียมลงทุนในเครื่องจักรผลิตชิปเป็นหลัก นับว่าสมเหตุสมผลหลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมชิปจีนถูกสหรัฐฯ บีบไม่ให้เข้าถึงเครื่องจักรสมัยใหม่
ที่มา - Channel News Asia
ภาพโดย Leslin_Liu
Comments
จีนเค้าทำได้อยู่แล้ว ความสำเร็จจริงๆไม่ใช่แ่ข่งกับเมกาเลย แต่เป็นการพึ่งพาตนเองต่างหาก
ผลิตได้ล้นความต้องการทุกอย่างคือเน้นพึ่งพาตนเอง?
ไม่มีใครบังคับให้ซื้อนิ ผลิตล้นไม่มีคนซื้อ จีนจะได้รับความเสียหายเอง ไม่ต้องห่วงเค้าหรอก ผลิตล้นดีกว่าผลิตไม่เป็นตั้งเยอะ
+111111
+1
+1024
WE ARE THE 99%
+999
อ่านแล้วกระอักเลือดแทน
จริง กลไกตลาดมันจัดการได้เอง
ถ้าสำเร็จ จีนจะได้เปรียบเรื่องต้นทุนวัตถุดิบตั้งต้นเลยมั้ยครับ เช่นมีในประเทศเยอะแล้ว แต่คู่แข่งต้องนำเข้า
น่าตื่นเต้นกับอนาคตมาก ๆ เลยครับ
อาจจะได้เห็นการก้าวกระโดดอีกครั้ง จากการแข่งกันที่รุนแรง
ถ้าเมกามันไม่ปั้นให้เกิดสงครามก่อนอะนะ
สงครามนี่แหล่ะครับ เป็นต้นเหตุให้เกินเทคโนโลยีใหม่ๆ
อาวุธสมัยนี้แอบน่ากลัวกว่าสมัยก่อนมากอะครับ
กลัวมันจะลากให้ย้อนกลับไปสมัยก่อน
อยากให้มากสุดก็แค่สงครามเย็นก็พอ
เกรงว่าเทคโนโลยีในยุคหลังสงครามครั้งต่อไปจะเป็นการขว้างก้อนหินใส่กันหน่ะสิครับ ฮา
ดีครับ การแข่งขันทำให้ผู้บริโภคได้เปรียบ
การตลาดแบบความคิดส่วนใหญ่ในจีนคือผลิตเยอะๆเน้นขายจำนวนไม่เน้นราคาเป็นแบบนี้แทบจะทุกผลิตภัณฑ์ยิ่ง copy ได้ก็ทำไปเลยไม่เห็นจะมีใครสนใจไหนๆก็มีผู้บริโภค
copy มันงายขนาดนั้นเลย
สิ่งสำคัญคือสิทธิบัตรไม่งั้นขายที่อื่นในโลกไม่ได้(พวกบอกว่าขายในจีนก็พอแล้วไม่ง้อที่อื่นในโลก ดูค่ายมือถือดังก็แล้วกัน)
ทำได้แต่ถ้าแค่ต่อยอดจากของคนอื่น ก็โดนเรื่องสิทธิบัตร (หรือจะอ้างว่าต่อยอดจากเทคโนโลยีที่สิทธิบัตรหมดอายุแล้ว?)
ยกเว้นคิดใหม่ทำใหม่เลยซึ่งก็ไม่รู้จะทำได้ไหม ขนาดสถาปัตยกรรมchip ยังไปเอาopen source มาทำต่ออยู่เลย
สิทธิบัตร มันก็แค่การเมืองรึเปล่าครับ เช่น จีนมาขายไทยทั้งๆที่ละเมิดสิทธิบัตร แต่ไทยบอกชั้นไม่สน จะซื้อเพราะอะไรก็ว่ากันไป
อนาคตเมื่อจีนมีอำนาจมากขึ้น มีของดีเยอะขึ้น ราคาถูกมาก ประเทศต่างๆ อาจจะให้ความสนใจได้
ในขณะที่ข้อต่อรองทางการเมืองเดิมที่สร้างกฎเกณฑ์ไว้ก็อาจจะถูกลดความสำคัญลง
คือแต่ละประเทศก็ต้องมองว่าอะไรดีต่อตัวเองที่สุดอ่ะนะ
ปล. อาจจะเหมือนพูดไปเรื่อย แต่อยากแสดงความคิดเห็นฮะ
ถ้ามองย้อนไประบบสิทธิบัตรทำให้เทคโนโลยีเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็วครับ ไม่แปลกใจหรือทำไมเทคโนโลยีของโลกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดหลังมีระบบสิทธิบัตร? มันคือการปฎิวัติอุตสากรรมแบบหนึ่งนั่นแหละครับ
เอาง่ายๆถ้าคุณยอมรับการละเมิดสิทธิบัตร แสดงว่าคุณไม่ยอมรับคุณค่าของความคิดนะครับ แม้แต่ open source ที่คิดว่าองค์ความรู้ควรเป็นของส่วนรวมก็ยังมีกฎเกณฑ์ในการป้องกันหลายๆอย่างเช่น license แบบ GNU ที่ห้ามเอาไปใช้ขายหาเงินต่อโดยไม่เปิดopen ตามไปด้วย(ในมุมหนึ่งคือไม่ยอมรับการละเมิดนะครับ แค่ให้สิทธิแบบเกือบจะเสรีเท่านั้น)
เรื่องพวกนี้อาจเข้าใจยาก จนวันนึงคุณโดนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คุณใช้ความพยายามคิดค้นหรือพัฒนาขึ้นมา ก็อาจจะทำความเข้าใจความสำคัญได้มากขึ้นครับ
ถ้าจีนมีอำนาจเยอะ เช่นก่อสงคราม WWIII แล้วเป็นผู้ชนะหนึ่งเดียวก็อาจจะกำหนดกฎของโลกใหม่ได้ครับ แต่ ณ ตอนนี้ถ้าไทยสนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร ก็คงเหมือนเกาหลีเหนือล่ะครับคือค้าขายกับใครทั่วโลกแทบไม่ได้ นอกจากประเทศเล็กๆ
แต่สุดท้ายแล้ว ระบบสิทธิบัตรก็ถูกการเมืองครอบอยู่ดี
พอเป็นแบบนั้นมันก็เลยทำให้ระบบสิทธิบัตรไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่มันถูกออกแบบไว้ในตอนแรกอย่างเต็มที่ (ไม่ได้ปกป้องแค่ผลประโยชน์ของผู้คิดค้น แต่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศด้วย) ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือในระบบสิทธิบัตรลดลง ทำให้บางครั้งการละเมิดสิทธิบัตรจึงถูกยอมรับขึ้นมา
ในมุมมองของผมที่ไม่ได้สนใจผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆนอกจากประเทศไทย ผมสนับสนุนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อผลประโยชน์ของผู้สร้างสรรค์ แต่ไม่ได้สนับสนุน(หมายถึงไม่สนใจ)การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอื่นครับ
ด้วยเหตุนั้น ผมจึงมองว่าการที่บางคนยอมรับการละเมิดระบบสิทธิบัตรในปัจจุบัน ไม่ได้แปลว่าเขาคนนั้นไม่ยอมรับคุณค่าของความคิดเสมอไปครับ (ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกนะครับ ไม่ว่ายังไงการละเมิดสิทธิบัตรมันก็ทำให้ผู้คิดค้นเสียผลประโยชน์อยู่ดี แต่บางทีมันก็เลือกไม่ได้)
ใครยอมรับการละเมิดสิทธิบัตรหรือครับ?
ถ้ายอมรับการละเมิด แสดงว่าไม่ได้รับรองทรัพย์สินทางปัญญานะครับ
หรือจะอ้างว่าละเมิดแค่ศัตรูนะจะไม่ละเมิดพลเมืองตัวเอง?
คุณเชื่อได้ไหม?
การเมืองการปกครองมันเกี่ยวข้องกันหมดแหละครับ มันก็พัฒนามาเรื่อยๆ ถ้าเราไม่พัฒนา เราคงอยู่ยุคก่อนปฎิวัติอุตสาหกรรม เกิดมาเป็นไพร่ติดที่ดิน คิดค้นอะไรก็เป็นของเจ้านายขุนนางท้องถิ่นหมดนั่นแหละ
ถ้าคุณไม่สนใจคนอื่นละเมิดคนอื่นตามใจชอบเพื่อผลประโยชน์ตัวเองได้ แล้วจะหวังให้คนอื่นสนใจคุณ ไม่ละเมิดคุณได้หรือครับ? โดยเฉพาะว่าเราไม่ใช่มหาอำนาจ ไม่ใช่ผู้ชนะสงคราม จะอ้างสิทธิ์อะไรดี?
ก่อนที่จะแตกประเด็นไปเรื่อยๆ ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อคือประโยคที่คุณบอกว่า "ถ้าคุณยอมรับการละเมิดสิทธิบัตร แสดงว่าคุณไม่ยอมรับคุณค่าของความคิด" เท่านั้นครับ
อย่างที่คุณว่า ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันไปหมด ระบบสิทธิบัตรในปัจจุบันมันไม่ได้มีหน้าที่แค่ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาเพียงอย่างเดียว มันถูกใช้เพื่อผลประโยชน์อื่นๆด้วย เพราะงั้นบางคนที่เขาเห็นต่างกับระบบสิทธิบัตร มันไม่ได้แปลว่าเขาไม่ยอมรับคุณค่าทางความเสมอไป
เอาง่ายๆก็คือ ผมมองว่า "ระบบสิทธิบัตรปัจจุบันมันไม่ได้สมบูรณ์แบบ" ครับ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อครับ เรื่องอื่นผมขอไม่ถกด้วย เพราะผมไม่มีความรู้เพียงพอครับ
ย้ำอีกที ผมไม่ได้สนับสนุนการละเมิด ไม่ได้เห็นผิดเป็นถูก ไม่คิดว่ามันมีเหตุผลอะไรที่ชอบธรรมพอจะละเมิดสิทธิบัตร ระบบสิทธิบัตรปัจจุบันถึงมันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่มันก็ปกป้องผู้คิดค้นได้จริง และทำให้เทคโนโลยีพัฒนามาถึงได้ทุกวันนี้ และผมก็ยังให้คุณค่ากับทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ครับ
จริงๆ ก่อนสงครามการค้า
จีนก็ไล่ซื้อ บริษัท/สิทธิบัตร นะ
อยู่ดีๆก็แบนไม่ให้ซื้อ ซึ่งจริงๆเป็นการขัดการค้าเสรี
แล้วฝรั่งก็เอาเรื่องสิทธิบัตรมาบี้จีน
มันก็ดูไม่แฟร์พอควรเลย
ปล.ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าจีนวิจัยแซงหน้าได้จริง
ฝรั่งจะไม่สนเรื่องสิทธิบัตรของจีนเหมือนกัน
ไล่ซื้อได้ครับแต่สิทธิบัตรระดับต้นน้ำ ยังซื้อไม่ได้ไง
อย่างเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม ARM ก็เป็นของเมกัน-อังกฤษ
เทคโนโลยีการผลิตchip ก็เป็นของเยอรมัน-ไต้หวัน
เอาง่ายๆทุกวันนี้ฝั่งจีนไปผลิต chip RISC เพราะมัน open source หรือ MIPS ที่ซื้อสิทธิบัตรเก่าๆมาได้ ทำไมไม่พัฒนาใหม่เองหมดล่ะ?(ต่อให้ซื้อสิทธิบัตร/open source แต่รากฐานก็คือองค์ความรู้ของฝรั่งนะ) เพราะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดไงครับ
ความเชื่อก็คือความเชื่อครับ ถ้าฝรั่งจะกล้าทำลายรากฐานของตัวเอง ก็คงต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อนล่ะครับ
ป.ล. เรื่องขัดการค้าเสรีนี่จีนละเมิดมากที่สุดเลยนะครับ กีดกันต่างชาติดสุดๆ อย่าอ้างเลยว่าจีนปกครองแบบเผด็จการเลยมีสิทธิ์ละเมิดคนอื่นมากกว่าประเทศปชต.ที่ควรจะเปิดเสรีนะครับ?
ผมมองว่า
การด่าคนอื่น แล้วตัวเองก็มาทำแบบนั้นเอง
มันน่ารังเกียจมากกว่าแบบสุด ๆ ไปเลยครับ
เสริมจาก ป.ล. เคสจีนนี่คือเวลาคนอ้างประมาณนั้นก็จะพูดอยู่บ่อยๆ ประมาณว่าถ้าเรามีสังคมเปิดที่ให้แลกเปลี่ยนอะไรกันก็ได้ แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่รับเงื่อนไขแบบชาวบ้านเค้าแต่จะเข้ามาเอาผลประโยชน์แบบเดียวกันด้วยเนี่ย มันได้เปรียบคนอื่นเค้าแบบตั้งใจเอาเปรียบเลย เราก็ไม่ควรยอมรับการกระทำแบบนั้นเพื่อไม่ให้ระบบมันพังมั้ย
เหมือนมีหลายๆประเด็น เอามายำ
ขอแยกเป็นประเด็นละกัน
1) เรื่องประสิทธิภาพของระบบสิทธิบัตร
ด้านกลับของมัน คือสุภาษิต
Do not reinvent the wheel ครับ
ในแง่การครองสิทธิบัตร
มันเป็นการบังคับให้คนอื่นต้อง reinvent the wheel
ซึ่งมันเป็นอะไรที่ ไร้ประสิทธิภาพต่อโลกสุดๆ เลยนะ
2) จีนไล่ซื้อสิทธิบัตร
ด้านนึงคือ เอามาพัฒนาต่อ
อีกด้านคือ กำลังจะซื้อสิทธิบัตรใหม่ๆ/หุ้นบ.เทคฯแนวหน้า
ตอนนี้ถ้าองค์ความรู้เท่ากันไม่ติดเรื่องสิทธิบัตร
จีนจะวิจัยแซงฝรั่งเพราะบุคคลกรด้านวิทย์มหาศาลมาก
ไม่ใช่จีนไม่มีปัญญาคิดเอง
ฝรั่งเห็นว่า ถ้าปล่อยจีนได้ไปจะหยุดจีนไม่ได้
จึงกีดกันสุดฤทธิ์
3) ความเชื่อ กับ การปกครอง เป็นคนละเรื่องกัน
อย่างตอนนี้ อเมริกาทิ้งความเชื่อการค้าเสรี ได้
โดยไม่เห็นต้องเปลี่ยนการปกครอง
1.ผมก็ยังมองว่าระบบสิทธิบัตรทำให้องค์ความรู้พัฒนามาเร็วอย่างมากนะครับ แม้แต่จีนเองหลังแก้กฎหมายคุ้มครองลิขสิทธิ์ ทำให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนมากขึ้น และมีโอกาสเรียนรู้องค์ความรู้มากขึ้นจากสมัยปิดประเทศนะครับ อย่างรถไฟฟ้าBEV ที่จีนออกมาเป็นproductเด่นทุกวันนี้ก็เรียนรู้จากteslaนะ คุณจะโลกสวยบอกว่าองค์ความรู้ทุกอย่างเป็นทรัพย์สินส่วนรวม? แม้แต่ open source ก็ยัง"คุ้มครอง"ความคิดนะครับ แค่อนุญาตให้ไปใช้เกือบจะเสรี แต่ก็ยังแตกต่างจากแนวความคิดที่ว่าองค์ความรู้เป็นของส่วนรวมอยู่ดี(ไม่งั้นคงไม่มีข้อจำกัดการใช้สิทธิ์ระบุ) เทคโนโลยีทุกอย่างต้องใช้เงินทุนและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจนกว่าผลลัพธ์จะออกมา ถ้าจะบอกว่าให้อีกฝ่ายขโมยไปใช้ฟรีๆ โดยไม่ต้องลงทุน ก็ไม่มีใครอยากลงทุนพัฒนาคนแรกหรอกครับ รอขโมยใช้ฟรีๆดีกว่า?
2.ทำไมคุณเชื่อว่าจีนจะแซงล่ะครับ มีเหตุผลอะไรนอกจากความเชื่อไหม? ทุกวันนี้ที่มีข่าวการพัฒนาchipคือการละเมิดtrade secret ด้วยการไล่ซื้อตัวนักวิจัยจากไต้หวันอยู่เลย? อย่าบอกว่าการขโมยความลับทางการค้าคือการก้าวข้ามนะครับ ยิ่งถ้าบอกว่านักวิทย์เชื้อสายจีนในสหรัฐมีเยอะ ยิ่งบ่งบอกว่าคนเก่งต้องมาอยู่สหรัฐถึงจะเก่งหรือเปล่า? (เพราะโครงสร้างการศึกษาและระบบสิทธิบัตรสนับสนุนให้เก่ง) ยังไม่นับว่าผู้ก่อตั้งบ.chipในไต้หวันก็คือคนที่ไปเรียนสหรัฐมาแทบจะทั้งนั้น
3.อเมริกันใหญ่ขนาดนี้ เพราะปกครองระบอบประชาธิปไตยไงครับ จะบอกว่าเพราะชนะWWII ก็ใช่ แค่เพราะอะไรถึงมีพลังมากพอที่จะชนะแม้แต่เยอรมัน? ผมเลยบอกว่าถ้าเมกันจะเปลี่ยนรากฐานความเชื่อตัวเองโดยเฉพาะเรื่องสิทธิบัตรก็คงต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองก่อน เพราะรัฐธรรมนูญสหรัฐคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมืองโดยพื้นฐาน ถ้าจะละเมิดระบบสิทธิบัตรก็คือไม่ต่างจากละเมิดสิทธิของพลเมืองตัวเอง
ป.ล.แต่สุดท้ายถ้าจีนชนะหมด ไม่ว่าจะชนะ WWIIIไปสักครึ่งโลก หรือชนะแบบสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่เหนือกว่าแบบขาดลอย(เช่นได้พลังงานใหม่) อันนี้จีนก็จะเป็นผู้กำหนดกระแสโลกในยุคต่อไปครับ จีนอาจจะสร้างระบบการปกครองหรือระบบแบบอื่นที่ดีกว่าระบบสิทธิบัตรก็ได้(โดยวัดที่ผลลัพธ์) แต่ ณ วันนี้ผมยังไม่เห็นภาพนั้นเพราะยังเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีเดิมๆของตะวันตกอยู่เลย(เช่นเรื่องchip ก็คือใช้ RISC/MIPS หรือที่มีข่าวซื้อตัวนักวิจัยจากTSMCไป) เลยยังขอให้เป็นความเชื่อต่อไปก่อนนะครับ
ประเด็นของผมคือ
ระบบสิทธิบัตร ตอนนี้ถูกใช้เพื่อการกีดกันจีนมากกว่า
เพราะจีนมีปัญญาซื้อสิทธิบัตร แต่กลับห้ามขายให้จีน
เพื่อบีบให้จีน reinvent the wheel สูญเสียประสิทธิภาพ
และใครที่ทำธุรกิจในจีนจะต้องเปิดเผยเทคโนโลยี
ซึ่งจีนจะปกป้องเฉพาะเทคโนโลยีนั่น
ขณะเดียวกัน มันเปิดให้คนจีนคิดต่อยอดขึ้นไปเป็นสิ่งที่ดีกว่า แล้วจดสิ่งที่คิดขึ้นใหม่เป็นของจีนเอง จนทำให้จีนแข่งขันได้
แต่ประเทศที่คิดตามระบบตะวันตกจะไม่ได้รับการเปิดเทคโนโลยีแบบจีน
จึงมืด8ด้าน ทำวิจัยต่อยอดอะไรไม่ได้ หรือโดนบังคับให้ต้องวิจัยเรื่องเดิมๆซ้ำ กว่าจะวิจัยทันเขาก็คิดต่อยอดไปอีกขั้นแล้ว เรื่อยๆๆๆ
จนไม่คุ้มค่ากับการวิจัยสุดๆ
จึงได้แต่รับจ้างผลิตแล้วรอการโดนย้ายฐานการผลิตในวันที่ค่าแรงสูง แบบที่บ้านเราและประเทศที่คิดแบบนี้โดน
คุณเชื่อว่า เคารพสิทธิบัตรเข้มข้น อย่างที่ฝรั่งอยากให้เราเป็น
จะทำให้เราพัฒนาได้ก็เชิญครับ
แต่ผมไม่เชื่อในระบบ
"ภูมิใจว่าเราไม่เคยก๊อปใคร จนทำห่านอะไรไม่เป็น" อีกแล้ว
หลักการต่างๆของอเมริกาจะปกป้องเฉพาะอเมริกา
ไม่ปกป้องประเทศอื่น
ถ้าการละเมิดประเทศอื่นทำให้อเมริกาได้ประโยชน์
อเมริกาก็จะทำ ตามสโลแกน "เพื่อผลประโยชน์ของอเมริกา"
การคิดว่าอเมริกาเจริญเพราะ ยึดมั่นในหลักการ(ประชาธิปไตย/สิทธิบัตร/การค้าเสรี ฯลฯ)
จึงเป็นความเชื่อที่ผิดจากความเป็นจริง
เพราะอเมริกา ยึดมั่นในผลประโยชน์อเมริกา ต่างหาก
อยากกด like ทุกความคิดเห็นด้านบนนะ อ่านแล้วได้แง่มุมเพิ่มหลายอย่าง