วันนี้จรวด Atlas V ของ United Launch Alliance (ULA) นำส่งยาน Starliner ขึ้นสู่ระดับใต้วงโคจร (suborbit) สำเร็จ หลังจากนี้ตัวยาน Starliner จะส่งตัวเองขึ้นไปยังวงโคจรเพื่อเข้าเทียบกับสถานีอวกาศนานาชาติต่อไป
ภารกิจครั้งนี้ชื่อว่า Crew Flight Test (CFT) เป็นภารกิจทดสอบการทำงานของยาน Starliner และจรวดนำส่ง Atlas V โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Commercial Crew ที่นาซ่าจะซื้อ "ที่นั่ง" แทนที่จะจ้างทำยานโดยจ่ายตามต้นทุนจริง (cost-plus) โดยภารกิจสาธิตแบบมีนักบินจริงขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติจริงนี้น่าจะเทียบเท่ากับภารกิจ Crew Demo-2 ของ SpaceX เมื่อปี 2020
นักบินที่บินไปกับ CFT ครั้งนี้คือ Barry “Butch” Wilmore และ Sunita “Suni” Williams
ยาน Starliner นั้นล่าช้าด้วยสาเหตุหลายประการ นับตั้งแต่ภารกิจบินสาธิต (orbital flight test - OFT) รอบแรกที่ล้มเหลวและต้องสาธิตซ้ำโดย Boeing รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ความล่าช้านี้ทำให้ Christopher Ferguson นักบินหลักที่วางตัวไว้ตอนแรกประกาศลาออก
ที่มา - ULA Launch
Comments
ต้นทุน SpaceX คงถูกกว่า บินกับเจ้านี้ยานใช้แล้วทิ้งอีก แถมชุดอวกาศแยกยานกันอีก
555 จรวด RD-180 code นี้ผมจำได้ลาง ๆ ว่า ตัวเครื่องจรวด สั่งมาจากรัสเซียนะครับ ยังมี stock เหลืออยู่ ?
ใช่ครับ
เลยเป็นเหตุให้ ULA ประกาศปลดระวางจรวด Atlas V แล้ว
เหลือเพียงเที่ยวบินที่จองไว้ล่วงหน้า ที่เตรียมจรวดรอไว้ ไม่มีเพิ่มอีก
โดย ULA พัฒนาจรวดรุ่นใหม่มาทดแทนคือ Vulcan Centaur
ซึ่งรุ่นใหม่ไม่ใช้เครื่องยนต์รัสเซียแล้ว และได้ใช้งานจริงเรียบร้อย