เยอะนะ

sales, partner และ certificates ครับ

คือเอาเข้าจริงๆ ถ้าองค์กรธุรกิจที่ข้อมูลสำคัญมากๆ เค้าไม่เสี่ยงกับสิ่งที่ต้องผูกกับคนไม่กี่คนน่ะครับ เค้าต้องการองค์มารับผิดชอบ

ซึ่งพวก MySQL AB (MySQL enterprise edition), Oracle, MS หรือ IBM มีให้ตรงนี้น่ะ เพราะเค้ามีหน่วย support ตรงนี้ชัดเจน อย่างน้อยๆ error บูตตัว data ไม่ได้ยังมีทีม support มา recovery กลับได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายคิดเป็นรายปี ตาม cpu ราคาแพงเวอร์ทุกตัวครับ

MySQL enterprise ไม่ได้ถูกครับ แพงโหดพอๆ กับ MSSQL เลย

อีกอย่าง MySQL enterprise กับ MySQL community ปรกตินี่ก็คือตัวเดียวกัน แต่ที่ต่างคือ support/tools ที่มากกว่า ซึ่งตัว support ก็คือให้ออก hot-fix เฉพาะ, ให้เค้า remote มาแก้ไขระบบ ช่วยดูข้อผิดพลาด หรือแก้ไข recovery ข้อมูล ส่วน tools ก็มีระบบ monitoring, online backup ระบบตรวจสอบข้อผิดพลาดครับของระบบแบบ realtime ซึ่ง tools พวกนี้ไม่ต้องเขียนเอง เค้ามีให้ถ้าจ่ายเงินเค้า ;P

• การทำ replication ยังทำ two-way ไม่ได้เนียนๆ หรือระบบ Cluster ก็ยังไม่เนียนเท่าไหร่ (ยังไม่มี Replication conflict detection ที่ดีพอ)
• ระบบ Online Backup ที่ไม่ต้องปิดระบบ
• ระบบ partitioning/trigger ใน MySQL ก็เพิ่งมีมาใน 5.1 นี่เอง เพิ่งตั้งไข่
• การ JOIN ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก อันนี้เห็นกันจะๆ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นใน 5.1 ครับ
• Foreign keys ใช้ได้แต่ในบาง Storange Engine อย่าง InnoDB
• ระบบ data encryption
• ยังทำ cache ของ Stored Procedures ไม่ได้
• sub query ยังทำงานช้าอยู่ (มีมาตอน 4.1)

เดี่ยวมาไล่ๆ อีก มีเยอะนะ แต่ผมก็รัก MySQL แหะๆๆ รู้ข้อเสียมันเยอะๆ จะได้แก้ไขปัญหาได้เวลามีปัญหาครับ รู้แต่ข้อดีเราจะไว้ใจมันมากไป ;P

ปล. ทำงาน DBA MySQL มาปวดหัวมาตอน Replication มัน conflict กันเนี่ยแหละ เซง .... แล้วตอน Backup นี่ดัดแปลงใช้ Replication ทำ online Backup เอาแทน